เรื่องเล่า(ติดเรท)กับความคิดผิดๆ

เรื่อง 1
(ที่เราเคยตั้ง กท.เมื่อเพื่อนจะทำแท้งไปอ่ะ เราจะพูดถึงเพื่อนคนนั้นนะคะ)
เราถามสาวๆหน่อย......มีใครบ้างไม่อยากแต่งงาน
เพื่อนเราคนนี้บอกว่าไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากมีงานแต่ง เปลือง ไร้สาระ
เราฟังแล้วอึ้งเลย ไรว๊าแค่ตัวแอบมีลูกเร็ว ก็คิดว่าความฝันมันไม่มีจริงแล้วหรอ
ก็แฟนเค้าเรียนน้อยไงคะ แล้วก็ทำงานแล้ว ดีออกอย่างน้อยก็มีงานที่ทำประจำ
เค้าเลยคิดว่าตัวเองไม่มีโอกาสแต่งงานแล้วไงคะ เลยพูดออกมาแบบนั้น
 
2 จะพูดถึงเพื่อนสองคน คนเดิมนั่นแหละ ให้ชื่อว่า ก.แล้วกัน อีกคนชื่อ ข.ค่ะ
ข.เคยมีอะไรกับผู้ชายครั้งแรกตั้งแต่มอปลาย เพียงคนเดียว แล้วก็ไม่เคยมีอะไรกับใครอีกเลย จนปัจจุบันก็ไม่มี
ทั้งๆที่ก็มีแฟนอยู่เรื่อย
ก.มีอะไรครั้งแรกกับผู้ชายตอนเข้ามหาวิทยาลัย
ก.พูดประมาณว่าอึ้ง ข.มันว่ะ มีอะไรกับผู้ชายตั้งแต่เด็ก ส่วนตัว ก.มีอะไรครั้งแรกกับ ช. ตอนเข้า ม.
มันบอกว่ามีอะไรตอนเข้า ม.เป็นเรื่องปกติว่ะ ใครๆเค้าก็ครั้งแรกกันที่นี่
ก.บอกว่าตัวเองไม่เคยมั่ว มีอะไรเป็นคนๆไป (เรานับไปนับมา สามคนแล้วนะ ไม่ใช่แฟนก็ไปมีด้วย คบแฟนใหม่อยู่พอแฟนเก่ามาหาก็มีอีก เฮ้อ)
เราอยากรู้ว่าทำไม ก.ถึงคิดว่าตัวเองน่าภูมิใจและมีคุณค่ากว่า ข.
ในความคิดเรานะถึง ข.จะมีอะไรเร็ว แต่หลังจากนั้น ข.ก็ทำตัวมีคุณค่ามาตลอด ญ.เราไม่จำเป็นจริงๆ มีช้าเร็ว อยู่ที่ทำตัว

3 เรื่องความบริสุทธิ์ของหญิงสาวค่ะ เราจะเรียกสั้นๆง่ายๆว่าเพียวนะคะ
ก.บอกว่า ญ.เราเส้นพรหมจารีบางมาก แค่เล่นกีฬาก็ขาดแล้ว ขาดแล้วก็เหมือนกับว่า เสียความเพียวไปแล้ว
(คนที่เค้าหนาๆและขาดยากก็มีเด้อ)
นั่นหมายความว่า........เด็กหญิง สิบขวบเล่นยิมนาสติก ไม่เพียวแล้ววววววววว (ตัวเองไม่เพียวแล้วพาล เดี๊ยะๆ)
หลังจากนั้น เมื่อไม่มีใครเพียวแล้ว จะต่างกันก็แค่ ไอ้นั่นของ ช.เคย กับไม่เคยสอดใสเข้าไปก็เท่านั้น
ไม่มีความหมายอะไรหรอก
แต่เราว่ามีนะ ทุกข้อ เราเถียงเพื่อนแทบสุดใจขาดดิ้น แต่ก็ทำอะไรกับความเชื่อมันไม่ได้
ยิ่งเรื่องความเพียวอ่ะ เราว่ามีผลนะเพราะ ตอนที่เคยกับไม่เคย ญ.เรามันต้องมีความแตกต่างอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องจิตใจเรากว่าสำคัญกว่า(จะมาบอกว่าใครๆก็ไม่เพียวแล้วได้ไงวะ) เราว่านะแค่กอด หอมแก้มไม่เป็นไร
ถ้ามากกว่านั้น แต่ยังไม่ถึงขั้นสอดใส่ ญ.สาวก็ไม่เพียวแล้วล่ะ เพราะจิตใจไงคะ จิตใจสำคัญที่สุด


Discussion (10)

อ่อ การแต่งการแน่นอนค่ะ คือสาว ๆ ทุกคนอยากมีงานแต่ง
แต่ถ้าคนเราโตขึ้นจะนึกถึงความจำเป็นและเรื่องการใช้จ่ายมากขึ้น
อย่างเราอยากแต่งงานค่ะ แต่อยากมีแต่พิธีการเล็ก ๆ ในครอบครัวพอ
ไม่อยากใหญ่โตอะไรมากมาย...

ส่วนเรื่องความบริสุทธ์
นานาจิตตังจริง ๆ บางคนให้ความสำคัญมาก
แต่ในบางคนถือว่าเป็นเรื่องปกติ
อย่างเรา ถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาตินะ เพราะมนุษย์ทุกคนมีความต้องการ
เพียงแต่ว่าคนที่นอนด้วยนั้นเป็นใคร
ถ้าคน ๆ นั้น มีครอบครัวแล้ว อย่าไปยุ่ง
ไม่ได้มั่ว ไม่ได้แย่งมาจากใคร ๆ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ป้องกันดีที่สุด เรื่องแบบนี้ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุมากกว่า

ยกตัวอย่าง มีเพื่อนคนนึง เคยเป็นคนไม่กินเหล้า ไม่เที่ยว แต่พอเลิกกะแฟน
แทบจะลากผู้ชายกลับบ้านหลังจากเที่ยวกลางคืน
ไม่ซ้ำคน...เฮ้อ...เราก็ไม่พูดมากนะ แค่เตือน ๆอย่างเดียว เพราะว่าโต ๆ กันแล้ว ไม่ใช่เด็ก 20 ต้น ๆ
คือจะ 30 แล้ว คิดเอง ทำเอง เตือนเพื่อนนะเตือนได้ แต่ไม่อยากให้คิดว่าสอน

เรื่องแบบนี้บอบบางมากค่ะ ถ้าไม่สนิทจริง ๆ ไม่อยากสอน ไม่อยากเตือน
เพราะต่างคนต่างความคิดจริง ๆ


ปล.ความเห็นส่วนตัว ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน



 

จาก คห.ของหลายสาวแล้ว เราคิดว่าการแต่งงานอ่ะ....ถ้ายังอยู่ในวัยเด็กหรือยังไม่ทำงานอ่ะน่าจะมีควาฝันมากกว่า พอเข้าถึงวัยทำงานหรือโตขึ้นก็เหมือนกับว่ามองเห็นความเป็นจริง ควาจำเป็นหรือเปล่ามากขึ้น
แต่เราไม่ได้มาขัดคนที่เห็นว่า คนที่คิดว่างานแต่งงานไ่่ม่จำเป็นน๊า แค่จะบอกว่าเพื่อนเราคิดว่าตัวเองไม่มีโอกาสเลยคิดไปเลยเถิดง่ะ
 เราก็มีความฝันที่จะแต่งงานนะ แต่ก็รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้สังคมเปลี่ยนไปคนเราเปลี่ยนไป บางคนไม่อยากแต่งงานเพราะรู้สึกว่า หลังจากแต่งงานเราต้องรับผิดชอบมากมาย อีกอย่างบางคนคงชอบความอิสระ ส่วนเรื่องเพียวไม่ขอคอมเม้น นานาจิตตัง
งานแต่งงานก็แค่จารีตประเพณี คือประกาศให้คนอื่นรู้ว่าชาย หญิงสองคนนี้กำลังเป็นคู่ผัวตัวเมียอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งทั้งสองคนนี้อาจจะแค่แต่งงานกันแต่ไม่จดทะเบียนสมรส

ก็อาจมีบางคู่ที่ไม่มีงานแต่งงานยิ่งใหญ่ ไม่มีสักขีพยานในงานมากมาย แต่ก็จดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฏหมาย

การแต่งงานอาจเป็นการรักษาหน้าผู้ใหญ่ของทั้งฝ่ายหญิงและชาย แต่ถ้าหากฝ่ายชายไม่มีความพร้อมด้านการเงินเพื่อจัดงานที่สิ้นเปลื่องขนาดนั้นได้อาจแค่ขมาพ่อแม่ฝ่ายหญิงแล้วพาไปอยู่ด้วยกัน เอาเงินไปผ่อนบ้าน ซื้อข้าวสารกรอกหม้อยังดีกว่า

ความรักอย่าคิดเป็นเรื่องฝันๆแบบเด็กๆจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นความคิดมันจะสะท้อนออกมาว่าคนๆนั้นยังไม่พร้อมที่จะมีครอบครัวเป็นของตนเอง เพราะสิ่งนี้ต้องใช้ทั้งชีวิตมารับผิดชอบมัน
เราอยากแต่งงานนะคะ แต่ว่าเราจะแต่งแบบตามพิธีการอย่างเดียวอ่ะคะ
แต่คงไม่เลี้ยงโต๊ะจีนอลังการยิ่งไหญ่ แค่จัดพิธีขึ้นให้ญาติมารับรู ให้พ่อแม่ไม่อายก้อพอแล้ว
เงินทองหายากค่ะ เอาไว้ซื้อบ้านเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ดีกว่า

ส่วนเรื่องพรมจรรย์อ่ะเราว่าทางด้านร่างกายมันก็แล้วแต่คนคิดอ่ะคะ
แต่คนที่เปิดซิงไปแล้วยังไงมันก้อไม่เหมือนคนที่ยังไม่เปิดซิงหรอกคะ อย่างน้อยก็ด้านจิตใจแล้ว
ตัวเองเวลาไปมีอะไรกับใครอีกคนในใจมันก็ต้องคิดบ้างแหละว่าไม่ใช่ครั้งแรก

เอาจิงนะถึงเยื่อพรมจารีขาดแล้วตั้งแต่เด็กถึงจะไม่เคยมีเซ๊กซ์
แต่คนที่เคยมีไรกับใคร ส่วนอื่นละคะ คนอื่นก้อเห็นลูบๆคลำๆไปหมดแล้ว

ยังไงเถียงขาดใจอ่ะคะ พรมจารีมันเป็นเรื่องของจิตใจด้วย ไม่ได้แค่เรื่องของตรงนั้นอย่างเดียว

ส่วนตัวมีไรกับแฟนกับคนที่รักมันไม่ใช่เรื่องแย่หรอกค่ะ
แต่การไม่ชอบอ่ะพวกที่มีไรกับใครก้อเอามาอวด เพื่อ...มันไม่เห็นเท่ห์เลย งงอ่ะ