คุณคิดว่าอะไรคือ Thailand Only!ปุยฝ้ายนุ่มนิ่ม17 Jan 1124ขนมโตเกียว ไปญี่ปุ่นหากินไม่ได้นะนี่!!!! 555+ ........................................................................ สาวๆร่วแชร์แบบขำๆหน่อยสิค่ะ Discussion (24)SEND MOSCHINO14 yr.ส้มตำจ้า อร่อยๆแบบเครื่องครบต้องที่เมืองเท่านั้น แซ่บบบบบบ REPLY ochida14 yr.เข้ามาอีกค่ะ ที่บ้านเราเองคืนนี้จะมีตักบาตรตอนเที่ยงคืน เขาบอกว่าเป็นธรรมเนียมของคนเหนือ ลืมถามว่าเขาเรียกว่าประเพณีอะไร REPLY yaris809614 yr.รถสามล้อพ่วงข้างค่ะ (ซาเล้ง) ฝรั่งมาเห็นที่ภูเก็ต ตะลึงตึง ๆ ไปเลยค่ะ บ้านเค้าไม่มี... REPLY yol14 yr.เมื่อพฤษภาปีที่แล้วเคยมีคนตั้งคำถามนี้ก็เลยเข้ามาตอบ ขอ Copy คำตอบตัวเองมาเลยก็แล้วกันนะคะ ------------ ที่ตอบคราวที่แล้ว คือ --------- Thailand only เท่าที่นึกออกตอนนี้ มี 4 เรื่อง (หลักๆ จะเกี่ยวกับการใช้ภาษา) เรื่องที่ 1 : การใช้คำสรรพนามแทนตัวบุคคล เราสับสนที่สุด เช่น คำว่า “เขา/เค้า” ปกติใช้เรียกบุคคลที่ 3 (ผู้ที่กำลังพูดถึง ซึ่งไม่ใช่คู่สนทนา) เราก็เอามาเรียกเป็นบุคคลที่ 1 (ผู้ที่กำลังพูด คือ ตัวเราเอง) เฉยเลย ส่วนคำว่า “ตัวเอง” ซึ่งน่าจะหมายถึงการเรียกบุคคลที่ 1 (คือผู้ที่กำลังพูด) ดันหมายถึงบุคคลที่ 2 (คู่สนทนา) ซะงั้น ตัวอย่าง -> “ตัวเองทำอย่างนี้กะเค้าได้ไง เค้าไม่ชอบนะ”, คำว่า “เธอ” ซึ่งปกติเราใช้เรียกบุคคลที่สอง (คู่สนทนา) บางครั้งเราก็เอามาใช้บุคคลที่สาม (คนที่เราพูดถึง) ตัวอย่าง -> “ดูยัยดาวสิ เมื่อก่อนมาเกาะกลุ่มเราแจ พอได้แฟนเศรษฐีเข้าหน่อย เธอทำเป็นเชิด”, คำว่า “แก” ปกติเราใช้เรียกบุคคลที่สอง (คู่สนทนา) บางครั้งเราก็เอามาใช้บุคคลที่สาม (คนที่เราพูดถึง) อีกแหละ ตัวอย่าง -> “วันนี้นี้ไม่เห็นลุงสมบุญออกมารดน้ำต้นไม้เลยนะ ไม่รู้แกไม่สบายหรือเปล่า”, คำว่า “เรา” ซึ่งปกติใช้เรียกบุคคลที่หนึ่ง พหูพจน์ เรา (นี่ไงตัวอย่างที่ดีที่สุด) ก็เอามาเรียกบุคคลที่หนึ่งเอกพจน์ (คือตัวผู้พูดเอง) แถมบางทีเอามาเรียกบุคคลที่สอง (คนที่พูดด้วย) ได้อีกต่างหาก ตัวอย่าง -> ครูพูดกับนักเรียนว่า “อะไรกันสมชาย ครูยังไม่ทันสอนก็ออกอาการง่วงเหงาหาวนอนซะแล้ว เมื่อคืนดูบอลดึกล่ะสิเรา” เรื่องสรรพนามแทนบุคคลนี้ ในภาษาต่างประเทศไม่มี (เฉพาะพี่เองเรียน ๔ ภาษา แต่ถามเพื่อนที่เรียนหลายๆ ภาษา เค้าก็ว่าไม่มี) ทุกภาษา “ฉัน” คือ “ฉัน”, “เธอ” คือ “เธอ” ไม่มีมั่วอย่างนี้ เรื่องนี้ทำคนต่างชาติที่เรียนภาษาไทย มึนทุกคน เรื่องที่ 2: การใช้คำว่า “ไป” กับ “มา” มาประกอบประโยคบอกสิ่งที่เพิ่งผ่านไป เพื่อนฝรั่ง (ที่เรียนภาษาไทย) เคยสงสัยว่า บางทีเค้าชวนเพื่อนคนไทยกินข้าว เพื่อนคนนั้นปฏิเสธ เหตุผลจริงๆ คือ เค้ากินข้าวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งฝรั่งเห็นว่า ตอบแค่ “กินแล้ว” ผู้ฟังก็สามารถเข้าใจได้ แต่ทำไมบางคนบอก “กินมาแล้ว” บางคนก็บอก “กินไปแล้ว” เพื่อสื่อสารในสิ่งเดียวกัน เรื่องที่ 3 : การแผลงเสียงเพิ่มคำขึ้นมาอีกคำหนึ่ง (ซึ่งไม่มีความหมาย) เพื่อประกอบกับคำที่ตัวเองต้องการพูดจริงๆ ต่างชาติงงว่าเพิ่มมาทำไม เช่น “เก้าอ้งเก้าอี้”, “หนังสือหนังหา”, "หยูกยา", "กระปรุ้งกระโปรง" ฯลฯ เรื่องที่ 4 : อันนี้น่าจะเป็นเรื่องค่านิยม แต่มันสื่อออกมาทางภาษา เคยมีเพื่อนเป็นจนท.สถานทูตจีนเมื่อสักประมาณสิบกว่าปีก่อน เค้าเรียนภาษาไทยมา (จบมหาวิทยาลัย) ตอนนั้นเพลง “ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ” ของสามโทนกำลังดัง เผอิญมันมีช่วงนึงที่ร้องว่า “คิดเงินให้ได้ทอง คิดทองให้ได้เงิน ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ” เค้าก็บอก ทำไมเค้าอยากได้เงินแล้วเราอวยพรให้เค้าได้ทอง พอเค้าอยากได้ทอง เราอวยพรให้เค้าได้เงิน อย่างนี้ก็เท่ากับแช่งให้เค้าผิดหวังสิ ถือเป็นคำอวยพรได้ยังไง ---------------------- มาถึงตอนนี้ นึกออกอีกบางเรื่อง 1. ไหว้เด็กพิการ สัตว์พิการ ต้นไม้พิการ และพร้อมจะไหว้อะไรทุกอย่างที่ตัวเองเห็นว่าแปลกหรือไม่เคยเห็น แถมเมื่อมีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าอะไรเป็นอะไรก็ยังคงเลือกที่จะเชื่ออย่างเดิม 2. อิฐปูพื้นฟุตบาธเพื่อนำทางคนตาบอด เดินๆ ไปเจอแผงลอยขวางบ้าง ตู้โทรศัพท์ขวางบ้าง หรือไม่ก็หายหรือถูกเปลี่ยนสลับที่โดยไม่มีเหตุผล 3. การใช้ชื่อเล่นเป็นสรรพนามแทนตัวระหว่างคนที่สนิทๆ กัน (ก็คือ แทน I กับ You นั่นแหละ) เช่น "แหม่มขอเข้าเดินไปกดตังค์แป็บนึงสิ ยุ้ยรอตรงนี้นะ" แบบนี้ฝรั่งไม่มี หรือแม้แต่ชาติในเอเชียของเราก็ไม่มีค่ะ 4. นอกจากรถแท็กซี่หลากสีอย่างความเห็นข้างบนแล้ว รถเมล์ก็สารพัดสี แถมแต่ละสีคิดค่ารถไม่เป็นมาตรฐานเดียวกันอีก 5. วัยรุ่นไทย (ไม่รวมกลุ่มเรียนสองภาษาหรือเรียนตปท.) ร้องเพลงไทยชอบทำเสียงแบบภาษาอังกฤษ เช่นเสียง ช.ช้าง ออกเสียงแบบ "Ch" เสียง "ท"/"ธ" ออกเสียงแบบ "th" แต่พอให้พูดภาษาอังกฤษเข้าจริงๆ โอ้โฮ! Thai accent มาเต็มๆ จนฝรั่งฟังไม่รู้เรื่อง น่าจะเป็น Thailand only ได้นะ REPLY GermanShepherd14 yr.ใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น เล่นน้ำ REPLY VIEW 5 OLDER COMMENTS
ochida14 yr.เข้ามาอีกค่ะ ที่บ้านเราเองคืนนี้จะมีตักบาตรตอนเที่ยงคืน เขาบอกว่าเป็นธรรมเนียมของคนเหนือ ลืมถามว่าเขาเรียกว่าประเพณีอะไร REPLY
yaris809614 yr.รถสามล้อพ่วงข้างค่ะ (ซาเล้ง) ฝรั่งมาเห็นที่ภูเก็ต ตะลึงตึง ๆ ไปเลยค่ะ บ้านเค้าไม่มี... REPLY
yol14 yr.เมื่อพฤษภาปีที่แล้วเคยมีคนตั้งคำถามนี้ก็เลยเข้ามาตอบ ขอ Copy คำตอบตัวเองมาเลยก็แล้วกันนะคะ ------------ ที่ตอบคราวที่แล้ว คือ --------- Thailand only เท่าที่นึกออกตอนนี้ มี 4 เรื่อง (หลักๆ จะเกี่ยวกับการใช้ภาษา) เรื่องที่ 1 : การใช้คำสรรพนามแทนตัวบุคคล เราสับสนที่สุด เช่น คำว่า “เขา/เค้า” ปกติใช้เรียกบุคคลที่ 3 (ผู้ที่กำลังพูดถึง ซึ่งไม่ใช่คู่สนทนา) เราก็เอามาเรียกเป็นบุคคลที่ 1 (ผู้ที่กำลังพูด คือ ตัวเราเอง) เฉยเลย ส่วนคำว่า “ตัวเอง” ซึ่งน่าจะหมายถึงการเรียกบุคคลที่ 1 (คือผู้ที่กำลังพูด) ดันหมายถึงบุคคลที่ 2 (คู่สนทนา) ซะงั้น ตัวอย่าง -> “ตัวเองทำอย่างนี้กะเค้าได้ไง เค้าไม่ชอบนะ”, คำว่า “เธอ” ซึ่งปกติเราใช้เรียกบุคคลที่สอง (คู่สนทนา) บางครั้งเราก็เอามาใช้บุคคลที่สาม (คนที่เราพูดถึง) ตัวอย่าง -> “ดูยัยดาวสิ เมื่อก่อนมาเกาะกลุ่มเราแจ พอได้แฟนเศรษฐีเข้าหน่อย เธอทำเป็นเชิด”, คำว่า “แก” ปกติเราใช้เรียกบุคคลที่สอง (คู่สนทนา) บางครั้งเราก็เอามาใช้บุคคลที่สาม (คนที่เราพูดถึง) อีกแหละ ตัวอย่าง -> “วันนี้นี้ไม่เห็นลุงสมบุญออกมารดน้ำต้นไม้เลยนะ ไม่รู้แกไม่สบายหรือเปล่า”, คำว่า “เรา” ซึ่งปกติใช้เรียกบุคคลที่หนึ่ง พหูพจน์ เรา (นี่ไงตัวอย่างที่ดีที่สุด) ก็เอามาเรียกบุคคลที่หนึ่งเอกพจน์ (คือตัวผู้พูดเอง) แถมบางทีเอามาเรียกบุคคลที่สอง (คนที่พูดด้วย) ได้อีกต่างหาก ตัวอย่าง -> ครูพูดกับนักเรียนว่า “อะไรกันสมชาย ครูยังไม่ทันสอนก็ออกอาการง่วงเหงาหาวนอนซะแล้ว เมื่อคืนดูบอลดึกล่ะสิเรา” เรื่องสรรพนามแทนบุคคลนี้ ในภาษาต่างประเทศไม่มี (เฉพาะพี่เองเรียน ๔ ภาษา แต่ถามเพื่อนที่เรียนหลายๆ ภาษา เค้าก็ว่าไม่มี) ทุกภาษา “ฉัน” คือ “ฉัน”, “เธอ” คือ “เธอ” ไม่มีมั่วอย่างนี้ เรื่องนี้ทำคนต่างชาติที่เรียนภาษาไทย มึนทุกคน เรื่องที่ 2: การใช้คำว่า “ไป” กับ “มา” มาประกอบประโยคบอกสิ่งที่เพิ่งผ่านไป เพื่อนฝรั่ง (ที่เรียนภาษาไทย) เคยสงสัยว่า บางทีเค้าชวนเพื่อนคนไทยกินข้าว เพื่อนคนนั้นปฏิเสธ เหตุผลจริงๆ คือ เค้ากินข้าวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งฝรั่งเห็นว่า ตอบแค่ “กินแล้ว” ผู้ฟังก็สามารถเข้าใจได้ แต่ทำไมบางคนบอก “กินมาแล้ว” บางคนก็บอก “กินไปแล้ว” เพื่อสื่อสารในสิ่งเดียวกัน เรื่องที่ 3 : การแผลงเสียงเพิ่มคำขึ้นมาอีกคำหนึ่ง (ซึ่งไม่มีความหมาย) เพื่อประกอบกับคำที่ตัวเองต้องการพูดจริงๆ ต่างชาติงงว่าเพิ่มมาทำไม เช่น “เก้าอ้งเก้าอี้”, “หนังสือหนังหา”, "หยูกยา", "กระปรุ้งกระโปรง" ฯลฯ เรื่องที่ 4 : อันนี้น่าจะเป็นเรื่องค่านิยม แต่มันสื่อออกมาทางภาษา เคยมีเพื่อนเป็นจนท.สถานทูตจีนเมื่อสักประมาณสิบกว่าปีก่อน เค้าเรียนภาษาไทยมา (จบมหาวิทยาลัย) ตอนนั้นเพลง “ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ” ของสามโทนกำลังดัง เผอิญมันมีช่วงนึงที่ร้องว่า “คิดเงินให้ได้ทอง คิดทองให้ได้เงิน ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ” เค้าก็บอก ทำไมเค้าอยากได้เงินแล้วเราอวยพรให้เค้าได้ทอง พอเค้าอยากได้ทอง เราอวยพรให้เค้าได้เงิน อย่างนี้ก็เท่ากับแช่งให้เค้าผิดหวังสิ ถือเป็นคำอวยพรได้ยังไง ---------------------- มาถึงตอนนี้ นึกออกอีกบางเรื่อง 1. ไหว้เด็กพิการ สัตว์พิการ ต้นไม้พิการ และพร้อมจะไหว้อะไรทุกอย่างที่ตัวเองเห็นว่าแปลกหรือไม่เคยเห็น แถมเมื่อมีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าอะไรเป็นอะไรก็ยังคงเลือกที่จะเชื่ออย่างเดิม 2. อิฐปูพื้นฟุตบาธเพื่อนำทางคนตาบอด เดินๆ ไปเจอแผงลอยขวางบ้าง ตู้โทรศัพท์ขวางบ้าง หรือไม่ก็หายหรือถูกเปลี่ยนสลับที่โดยไม่มีเหตุผล 3. การใช้ชื่อเล่นเป็นสรรพนามแทนตัวระหว่างคนที่สนิทๆ กัน (ก็คือ แทน I กับ You นั่นแหละ) เช่น "แหม่มขอเข้าเดินไปกดตังค์แป็บนึงสิ ยุ้ยรอตรงนี้นะ" แบบนี้ฝรั่งไม่มี หรือแม้แต่ชาติในเอเชียของเราก็ไม่มีค่ะ 4. นอกจากรถแท็กซี่หลากสีอย่างความเห็นข้างบนแล้ว รถเมล์ก็สารพัดสี แถมแต่ละสีคิดค่ารถไม่เป็นมาตรฐานเดียวกันอีก 5. วัยรุ่นไทย (ไม่รวมกลุ่มเรียนสองภาษาหรือเรียนตปท.) ร้องเพลงไทยชอบทำเสียงแบบภาษาอังกฤษ เช่นเสียง ช.ช้าง ออกเสียงแบบ "Ch" เสียง "ท"/"ธ" ออกเสียงแบบ "th" แต่พอให้พูดภาษาอังกฤษเข้าจริงๆ โอ้โฮ! Thai accent มาเต็มๆ จนฝรั่งฟังไม่รู้เรื่อง น่าจะเป็น Thailand only ได้นะ REPLY
Discussion (24)
เข้ามาอีกค่ะ ที่บ้านเราเองคืนนี้จะมีตักบาตรตอนเที่ยงคืน เขาบอกว่าเป็นธรรมเนียมของคนเหนือ
ลืมถามว่าเขาเรียกว่าประเพณีอะไร
------------ ที่ตอบคราวที่แล้ว คือ ---------
Thailand only เท่าที่นึกออกตอนนี้ มี 4 เรื่อง (หลักๆ จะเกี่ยวกับการใช้ภาษา)
เรื่องที่ 1 : การใช้คำสรรพนามแทนตัวบุคคล เราสับสนที่สุด เช่น คำว่า “เขา/เค้า” ปกติใช้เรียกบุคคลที่ 3 (ผู้ที่กำลังพูดถึง ซึ่งไม่ใช่คู่สนทนา) เราก็เอามาเรียกเป็นบุคคลที่ 1 (ผู้ที่กำลังพูด คือ ตัวเราเอง) เฉยเลย ส่วนคำว่า “ตัวเอง” ซึ่งน่าจะหมายถึงการเรียกบุคคลที่ 1 (คือผู้ที่กำลังพูด) ดันหมายถึงบุคคลที่ 2 (คู่สนทนา) ซะงั้น ตัวอย่าง -> “ตัวเองทำอย่างนี้กะเค้าได้ไง เค้าไม่ชอบนะ”, คำว่า “เธอ” ซึ่งปกติเราใช้เรียกบุคคลที่สอง (คู่สนทนา) บางครั้งเราก็เอามาใช้บุคคลที่สาม (คนที่เราพูดถึง) ตัวอย่าง -> “ดูยัยดาวสิ เมื่อก่อนมาเกาะกลุ่มเราแจ พอได้แฟนเศรษฐีเข้าหน่อย เธอทำเป็นเชิด”, คำว่า “แก” ปกติเราใช้เรียกบุคคลที่สอง (คู่สนทนา) บางครั้งเราก็เอามาใช้บุคคลที่สาม (คนที่เราพูดถึง) อีกแหละ ตัวอย่าง -> “วันนี้นี้ไม่เห็นลุงสมบุญออกมารดน้ำต้นไม้เลยนะ ไม่รู้แกไม่สบายหรือเปล่า”, คำว่า “เรา” ซึ่งปกติใช้เรียกบุคคลที่หนึ่ง พหูพจน์ เรา (นี่ไงตัวอย่างที่ดีที่สุด) ก็เอามาเรียกบุคคลที่หนึ่งเอกพจน์ (คือตัวผู้พูดเอง) แถมบางทีเอามาเรียกบุคคลที่สอง (คนที่พูดด้วย) ได้อีกต่างหาก ตัวอย่าง -> ครูพูดกับนักเรียนว่า “อะไรกันสมชาย ครูยังไม่ทันสอนก็ออกอาการง่วงเหงาหาวนอนซะแล้ว เมื่อคืนดูบอลดึกล่ะสิเรา” เรื่องสรรพนามแทนบุคคลนี้ ในภาษาต่างประเทศไม่มี (เฉพาะพี่เองเรียน ๔ ภาษา แต่ถามเพื่อนที่เรียนหลายๆ ภาษา เค้าก็ว่าไม่มี) ทุกภาษา “ฉัน” คือ “ฉัน”, “เธอ” คือ “เธอ” ไม่มีมั่วอย่างนี้ เรื่องนี้ทำคนต่างชาติที่เรียนภาษาไทย มึนทุกคน
เรื่องที่ 2: การใช้คำว่า “ไป” กับ “มา” มาประกอบประโยคบอกสิ่งที่เพิ่งผ่านไป เพื่อนฝรั่ง (ที่เรียนภาษาไทย) เคยสงสัยว่า บางทีเค้าชวนเพื่อนคนไทยกินข้าว เพื่อนคนนั้นปฏิเสธ เหตุผลจริงๆ คือ เค้ากินข้าวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งฝรั่งเห็นว่า ตอบแค่ “กินแล้ว” ผู้ฟังก็สามารถเข้าใจได้ แต่ทำไมบางคนบอก “กินมาแล้ว” บางคนก็บอก “กินไปแล้ว” เพื่อสื่อสารในสิ่งเดียวกัน
เรื่องที่ 3 : การแผลงเสียงเพิ่มคำขึ้นมาอีกคำหนึ่ง (ซึ่งไม่มีความหมาย) เพื่อประกอบกับคำที่ตัวเองต้องการพูดจริงๆ ต่างชาติงงว่าเพิ่มมาทำไม เช่น “เก้าอ้งเก้าอี้”, “หนังสือหนังหา”, "หยูกยา", "กระปรุ้งกระโปรง" ฯลฯ
เรื่องที่ 4 : อันนี้น่าจะเป็นเรื่องค่านิยม แต่มันสื่อออกมาทางภาษา เคยมีเพื่อนเป็นจนท.สถานทูตจีนเมื่อสักประมาณสิบกว่าปีก่อน เค้าเรียนภาษาไทยมา (จบมหาวิทยาลัย) ตอนนั้นเพลง “ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ” ของสามโทนกำลังดัง เผอิญมันมีช่วงนึงที่ร้องว่า “คิดเงินให้ได้ทอง คิดทองให้ได้เงิน ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ” เค้าก็บอก ทำไมเค้าอยากได้เงินแล้วเราอวยพรให้เค้าได้ทอง พอเค้าอยากได้ทอง เราอวยพรให้เค้าได้เงิน อย่างนี้ก็เท่ากับแช่งให้เค้าผิดหวังสิ ถือเป็นคำอวยพรได้ยังไง
----------------------
มาถึงตอนนี้ นึกออกอีกบางเรื่อง
1. ไหว้เด็กพิการ สัตว์พิการ ต้นไม้พิการ และพร้อมจะไหว้อะไรทุกอย่างที่ตัวเองเห็นว่าแปลกหรือไม่เคยเห็น แถมเมื่อมีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าอะไรเป็นอะไรก็ยังคงเลือกที่จะเชื่ออย่างเดิม
2. อิฐปูพื้นฟุตบาธเพื่อนำทางคนตาบอด เดินๆ ไปเจอแผงลอยขวางบ้าง ตู้โทรศัพท์ขวางบ้าง หรือไม่ก็หายหรือถูกเปลี่ยนสลับที่โดยไม่มีเหตุผล
3. การใช้ชื่อเล่นเป็นสรรพนามแทนตัวระหว่างคนที่สนิทๆ กัน (ก็คือ แทน I กับ You นั่นแหละ) เช่น "แหม่มขอเข้าเดินไปกดตังค์แป็บนึงสิ ยุ้ยรอตรงนี้นะ" แบบนี้ฝรั่งไม่มี หรือแม้แต่ชาติในเอเชียของเราก็ไม่มีค่ะ
4. นอกจากรถแท็กซี่หลากสีอย่างความเห็นข้างบนแล้ว รถเมล์ก็สารพัดสี แถมแต่ละสีคิดค่ารถไม่เป็นมาตรฐานเดียวกันอีก
5. วัยรุ่นไทย (ไม่รวมกลุ่มเรียนสองภาษาหรือเรียนตปท.) ร้องเพลงไทยชอบทำเสียงแบบภาษาอังกฤษ เช่นเสียง ช.ช้าง ออกเสียงแบบ "Ch" เสียง "ท"/"ธ" ออกเสียงแบบ "th" แต่พอให้พูดภาษาอังกฤษเข้าจริงๆ โอ้โฮ! Thai accent มาเต็มๆ จนฝรั่งฟังไม่รู้เรื่อง
น่าจะเป็น Thailand only ได้นะ
ใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น เล่นน้ำ