ทำไยังไงดีในเมื่อแม่ไม่เข้าใจสังคมที่นี่

 สวัสดีค่ะพี่พี่ ชาว jeban ทุกคน
ตอนแรก คิดว่าจะไประบาย ในเด็กดี แต่ความคิดมันก็คงต่างกัน มาปรึกษาผู้ใหญ่คงจะดีกว่า

หนูอายุ 15 อยุ่ประเทศ iceland ซึ่งมันเป็นประเทศที่เงียบสงบมากกก...
แทบไม่มีโจรไม่มี มิจฉาชีพ ไปไหนก็สบายใจ 
ตามธรรมดา ที่เด็กฝรั่งจะออกไปเล่นข้างนอกตอนหลางคืน
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขา จะไปทำอะไรไม่ดี 
ในความหมายนี้ ที่ไทย อายุ 15 อาจจุแบบว่า เป็นสก็อย ใจแตกอะไรแบบนี้
แต่ที่นี่มันไม่ใช่เมืองไทย 
เขาก็แค่ ไปบ้านเพื่อนนั่งเล่มคอม ดูวิดีโอในยูทูปหรือไม่ก็ ไปกินไอติม นั่งคุยกัน 
สังคมอะไรมันก็ต่างๆกัน 
คิดว่าพี่พี่หลายคนคงเข้าใจ 
หนู อยู่ มา3ปีแล้วค่ะ 
ซึ่งแม่ก็ไม่ค่อยเข้าใจ (แม่ก็อยู่ด้วย)
เพื่อนแม่เขาก็ไม่มีลูก แลล้วในความคิดหนู หนูคิดว่ามีเพื่อนฝรั่งเราได้ภาษากว่า มีเพื่อนไทย 
ในความหมายนี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเพื่อนไทย 
แต่ก็แค่คุยด้วยบางครั้ง 

เข้าเรื่องเลยนะคะ 
คือปม่ไม่เข้าใจ สังคมที่นี่ ว่าการออกไปข้างนอกมันเป็นยังไง
ตามจริงหนูก็ไม่อยากออกไปเล่นตอนกลางคืน หรอก
แต่แค่อยากให้แม่เข้าใจไว้บ้าง 
อย่างบ่อยครั้งที่เพื่อนจัดปาร์ตี้วันเกิด แล้วเขาจะจัด sleep over กัน คือ นอนค้างคืนอ่ะค่ะ 
ก็เล่นด้วยกัน ทั้งคืน ก๋ไใ่มีอะไร มีเกม ดูหนัง 
แต่ก็ปฎิเศษเพื่อนมาตลอด 
เพราะเคยถามแม่ครั้งหนึ่งแล้วเขาโกรธมาก หาว่าเราจะออกไปเล่นข้างนอกไปเถลไถล 
ซึ่งมันไม่ใช่ 
เพื่อนก็บอกว่าให้แม่ โทรไปหาแม่เพื่อนก็ได้ โทรไปถามดู ตามผู้ปกครองคนไทย จะไม่โทรไปค่ะ 
ซึ่งมันก็หมดสนุกนะ อย่างปาร์ตี้เริ่ม 1ทุ่ม ปลับมาบ้านตอน4ทุ่ม ยังไม่ได้ทำอะไรเลย 
อยากให้แม่เข้าใจบ้างว่าสังคมที่นี่มันเป็นยังไง
ไปไหนมาไหนก็กลัวแต่แม่จะว่าให้ดูนาฬิกาตลอด
จนบางครั้งก็เกรงใจเพื่อน 
คิดดูค่ะ หนู กลัวแม่ที่รู้จักกันมา 15 ปีมากกว่า เพื่อน ที่รู้จักกันมา 3ปี 
เพื่อนก็เคยไปบอกครูประจำชั้นว่า ชวนไปไหนหนูก็ไม่ไป 
ครูก็เคยบอกแม่ว่า สังคมที่นี่ เขาอยู่กัยเพื่อนมากกว่าครอบครัว 
ซึ่งแม่ก็ไปว่าครูว่า ครูอะไร สนับสนุนเด็กใจแตก แต่แม่ไม่เคยเข้าใจเลย 
แม่เลิกงานประมาณ 6โมง แต่หนูก็ไม่ได้อยากออกไปเล่นข้างนอกแบบประจำ 
แค่บางครั้งเพื่อนชวนไปดูหนังไปกินไอติมไปเดินห้างก็อยากไปกับเขาบ้าง 
ถ้าแม่เป็นอย่างนี้ก็ปฎิเศษมาตลอด 


อย่างเมื่อคืนล่าสุกเลย 
ปารร์ตี้งานวันเกิดบ้างเพื่อนค่ะ ที่จริงเขามี ค้างคืนกัน 
แต่หนูก็ปฎิเศษไป แค่ไปงานเฉยๆไม่ค้างคืน 
ก็บอกแม่ว่า ประมาณ 5ครึ่งนี่ล่ะนะ ไป 2ทุ่มค่ะ 
พอ5ทุ่มครึ่งแล้ว เกมมันยังไม่จบเราขอออกมาก่อนก็คงจะหน้าเกียด 
ก็เลยอยุ่จนถึง 6ทุ่มค่ะ 
แล้วก็บอกเพื่อนว่ากลับแล้วนะ 
เขาก็บอกว่า ไม่มีอะไรทำ เขาอยากเดินไปส่งหนูที่บ้าน 
เแต่พอดูโทรศัพย์ 3สายไม่ได้รับ ก็ทรไปหาแม่ 
แม่กูพูดประมาณว่า 
แม่ "เออ" 
หนู"ค่ะ"
แล้วก็วางไป หนูก็รีบบอกเพื่อนว่าแม่มารับแล้ว ก็รีบวื่งลงไป กลัวแม่ด่า 
ยังไม่ได้บอกลาเพื่อนเลย 
พอลงไปรถแม่มาพอดี ขี่แบบ เร็วมาก เข้าใจว่าโกรธ พอมาถึงบ้านแม่ก็บอกว่า "ไหนบอกว่า 5ทุ่มครึ่ง"
หนู "ก็เกมมันยังไม่เสร็จออกมาก่อนมันหน้าเกียด"
แม่"ไม่ได้ออกไปไหนมาหรอ?"
หนู "ก็ไม่ได้ไปหนิ ก็เล่นเกมกัน
แม่""พ่อแม่เขาอยู่บ้านไหม?"
หนู "ก็อยู่"
แม่"ทำไมเขาไม่รับโ?รศัพย์บ้านโทรไป88รอบ"
หนู"โทรไปหรอไม่เห็นได้ยิน "
บลาบลาบลา

ไม่รู้จะทำยังไงดี พี่พี่ช่วยคิดหน่อยสิคะ วว่าทำยังไงแม่ถึงจะเข้าใจ 
เข้าใจว่าแม่เป็นห่วงแต่อยากให้แม่คิดอีกด้านหนึ่ง้บาง 
บ่อยครั้งมากค่ะ ที่ ไปไหนมาไหน ก็คอยดูเวลา กลัวแม่ด่า 
ไปไหนมาไหนกับเพื่อนแทบนับครั้งได้ ค่ะ ดูหนัง 2ครั้ง 
ช็ปปิ้ง 1ครั้ง ทุกอย่างนี้คือ 3ปีค่ะ

Discussion (23)

เราอายุ ปาไปเลข 2 ปฎิเสธเพื่อนมาตลอด ไม่ว่าจะดูหนัง ไปงานวันเกิดเพื่อน ไปเที่ยวห้าง ก็ตามแต่ จนรู้สึกว่าไม่ค่อยมีเพื่อนเลย เคยคุยกับที่บ้านหลายครั้งแล้ว เค้าบอกว่าไว้รอเข้ามหาลัยก่อน พอเข้ามหาลัย เค้าก็บอกว่าเรียนจบทำงานก่อน และก็เคยให้ครูคุยให้แล้วเค้าก็ไม่เคยฟัง คือไม่ได้ไปไหนอะ ไปไหนก็ไปกับครอบครัวตลอด เราว่าได้ไปยังดีกว่าไม่ได้ไปนะ คือดีกว่าเราละกัน แต่เราก็มีทางแก้ไขนะ แอบไปแต่ไม่บอก ทุกอย่างก็ต้องตัดสินใจเอง เก็บเงินไปเอง เพราะเคยขอเค้าก็ไม่เคยให้ รู้สึกบาปนะแต่ทำไงได้อะไม่แอบไปก็รอทำงาน รอต่อไป รอมานานมากและวันนึงก็รู้สึกว่าต้องเลิกรอ
จริงๆก็พาแม่ไปดูก็ได้นะคะ ให้แม่รู้จักกับเพื่อนของเรา จะได้รู้ว่าเพื่อนเรามีนิสัยยังไง ไว้ใจได้มั้ย
พี่ก้เป็นค่ะ แทบจะไม่เคยได้ไปไหนเลย แต่ตอนนี้โตแล้ว ไปไหนก็บอก แต่เรื่องที่เค้าเป็นห่วง
เป็นเรื่องปกติ ก็อธิบายให้เค้าเข้าใจเนอะ
เราก็ต้องลองมองย้อนกลับนะ เหมือนเวลาเรามีน้อง ถ้าน้องไปค้างคืนบ้านเพื่อนหรือไปเที่ยวดึกๆ น้องก็คงเป็นห่วงเหมือนกัน
แต่ที่สุดแล้ว เราต้องรู้ว่าเราทำอะไรอยู่ รักตัวเอง ทำให้แม่ไว้ใจแล้วเค้าก็จะเชื่อใจนะจ้ะ
ต้องให้เพื่อนมารู้จักกับแม่คะบางทีในมุมมองของผู้ใหญ่เค้าอาจจะเป้นห่วงเรามากเนื่องจากเวลาเราออกไปไกลตาท่านๆอาจไม่รู้ว่าเราทำอะไร ไปไหน อยู่กับใครเลยทำให้พาลคิดไปต่างๆนาๆซึ่งส่วนมากความคิดคนเราส่วนใหญ่มักคิดในแง่ร้ายก่อนเสมอแต่ในมุมมองของเด็กเราอาจจะแปลความหมายของคำว่าเป็นห่วงไปเป็นแม่ไม่เข้าใจเราพี่ว่าไม่ว่าจะยังไงแม่ก็เป็นคนที่รักเราที่สุดเพราะฉะนั้นในเมื่อแม่รักเราเราก็ต้องทำตัวให้แม่เชื่อใจและเชื่อมั่นในคำพูดของเรา พาเพื่อนมาบ้านมาทำความรู้จักให้แม่วางใจและสุดท้ายน้องเองก็ต้องทำตัวให้ดีให้สมกับที่แม่เชื่อใจด้วยนะคะ
เป้นกำลังใจให้คะหันหน้าเปิดใจคุยกัน สู้ๆ
พี่เข้าใจความรู้สึกของน้องนะคะ เพราะพี่ก็เคยเป็นมาก่อนเหมือนกัน จะออกจากบ้านไปไหนกับเพิ่อนก็ห้ามกลับเกิน สองทุ่ม ต้องบอกหมดทุกอย่างว่าไปกับใคร ขอ cellphone number เพื่อจะโทรเช็ค เรื่องนอนค้างบ้านเพื่อนนี่แทบเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่

แล้วตัวของพี่มีพี่ชายคนนึงห่างกันแค่ 2 ปี แล้วเค้าไปไหนมาไหนได้ตลอด จะกลับกี่โมงก็ได้ แล้วทำไมพี่ไปไม่ได้บ้างล่ะ พี่นอนร้องไห้ ไม่เข้าใจ คิดยังไงก็ไม่เข้าใจ น้อยใจตัวเอง ในใจก็คิดแต่อยากเที่ยวๆๆๆ แต่ก็ไปไม่ได้ ก็เลยได้แต่อยู่กลับครอบครัว เรียนๆๆๆๆ คิดว่าถ้าตัวเองเรียนเก่ง แม่จะได้รักบ้าง พี่เรียนเก่งจนเข้าเป็น honor society แม่พี่ถึงได้ลดความเข้มงวดลง (นิดนึง)

พี่เข้าใจในมุมมองของแม่น้องนะคะ คนเป็นแม่ก็ต้องรักลูกที่สุด อยากให้ลูกได้ดี เรียนหนังสือจนจบ มีอนาคตที่ดี มีงานที่ดีๆทำ ที่น่ากลัวที่สุดของลูกผู้หญิงก็คือว่าถ้าเราท้องขึ้นมาตอนเรียนไม่จบ มันทำให้หมดอนาคต ยิ่งเด็ก highschool ที่นี่นะ (เมกา) ท้องกันเป็นว่าเล่น  พี่ทนเรียนจบ college ได้ โดยที่ไปเที่ยว bar  แค่ 2 ครั้ง ค้างบ้านเพื่อนไม่เกิน 10 ครั้ง พี่ก็ให้เพื่อนมาค้างบ้านแทน พี่ว่าถ้าน้องเรียนจบ high school เหมือนไหร่ แม่ของน้องก็คงจะเข้มงวดน้อยลงละล่ะ การให้เพื่อนมาค้างบ้านนี่เป็นทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุด แม่ก็ไม่ต้องห่วง เราก็ได้เล่นกับเพื่อน ตอนแรกๆพี่ก็คิดว่าท่านจะไม่ชอบ แต่กลับกลายเป็นว่าท่านหาขนม หาของกินมาให้เต็มไปหมด

ที่สำคัญคือพี่ไม่อยากให้น้องโกหกแม่ เพราะมันทำให้ท่านเสียใจอย่างมาก และคิดว่าเราโกหกผู้ใหญ่ ตอนนั้นเราก็คิดว่ามันแนบเนียนแล้วนะ แต่ในสายตาของผู้ใหญ่ มันก็คือเด็กอยู่ดี ทำไมท่านจะไม่รู้ เราย้อนมองกลับไปตอนนี้ ก็เหมือนเราเห็นเด็ก 6 ขวบ พยายามโกหกเราน่ะแหล่ะ พี่ก็ทำให้แม่พี่เสียใจหลายครั้งเหมือนกัน (เพราะด้วยความที่อยากเที่ยวน่ะแหล่ะ) พี่พยายามเปลียนความคิดท่านมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งละ แต่ความคิดของผู้ใหญ่มันไม่ได้เปลี่ยนกันง่ายๆ เราต้องเป็นคนเปลี่ยนตามท่าน ถ้าน้องโชคดี แม่ของน้องอยู่ไปอีกซักพักก็อาจจะเปลี่ยนความคิดไปทีละนิดๆเองล่ะ

จนมาถึงตอนนี้ แม่ของพี่ก็ไม่ได้อยู่กับพี่แล้วล่ะ ท่านเป็นมะเร็งตอนช่วงพี่ใกล้จะจบ แล้วท่านก็ทนอยู่จนถึงวัน Graduation day ของพี่ แล้วท่านก็เสีย พี่ก็เลยอยากให้น้องรักแม่ เข้าใจแม่ (พยายาม)ทำตามที่ท่านสั่ง
เรื่องเที่ยว เรื่องเพื่อนเราหาเมื่อไหร่ก็ได้ อายุเพิ่งจะ 15. อย่าลืมว่าเราต้องอยู่ไปอีกอย่างน้อย 40-50 ปี เราต้องคิดถึงอนาคตของเราก่อน อีกหน่อยไม่มีแม่อยู่กับเราแล้วใครจะทำกับข้าวให้กิน ใครจะหาเงินให้ใช้

แม่มีแค่คนเดียวนะคะ รักแม่ให้มากก่อนที่จะไม่มีใครให้รักเหมือนพี่


อยากให้ตัดความ...กลัว...ออกไปอ่ะคะ กลัวแม่ว่า กลัวเพื่อนว่า กลัวเสียมารยาท ตัดทิ้งค่ะ

ถ้าตัดความกลัวไม่ได้ก็ไม่จบแน่ แม่รักเราอยู่แล้วแต่เค้าแค่อาจจะเหนื่อยมาก และเป็นห่วงมาก

บางครั้งอาจจะดูไม่สนใจ แต่ไม่มีทางที่เค้าจะไม่สนใจหรอกค่ะ ต้องเปดใจคุยกับแม่ค่ะ

เราต้องแคร์แม่เราก่อน ส่วนคนอื่นเด๋วก็จะดีเองค่ะ


เท่าที่คิดนะคือ แม่ไม่มั่นใจในตัวเรา และไม่มั่นใจสังคมฝรั่ง
เราต้องทำให้แม่มั่นใจในตัวเราก่อนค่ะ นอกนั้นช่างมันค่ะ


พี่เองทางบ้านก็เข้มงวดมาก พี่อยากแนะนำนะสิ่งที่พี่เคยทำมา

 1.ให้เปิดใจคุยกับแม่ 15ปีที่ผ่านมาเราก็น่าจะเข้าใจแม่ และแน่นอนว่าแม่เข้าใจเรา
เพียงแต่ อาจจะไม่ได้เปิดใจคุยกัน

2. ต้องเป็นคนที่รักษาคำพูดค่ะ ขอแม่ไปไหนก็ต้องขอล่วงหน้าอย่างน้อย 2วัน แล้ววันถัดไปก็พูดอีกว่าเราขอจะไปที่นี้นะ...เวลานี้นะ

3.ถ้าเค้าถามต้องตอบค่ะ ถ้าเค้าไม่ถามต้องเล่าไปคะว่า...ไปกับใครบ้างเล่าให้หมด ถึงแม่จะดูไม่อยากรู้ก็ต้องเล่า/ ไปที่ไหนบ้าง ไปกี่โมง และจะทำอะไรบ้าง/ จะกลับกี่โมง จะกลับยังไง/ ต้องกลับให้ตรงเวลา ห้ามเลทเด็ดขาดไม่งั้นจะขาดความน่าเชื่อถือ

4.ถ้ากลัวว่าจะกลับสาย ให้โทรไปหาแม่ก่อน อย่าให้แม่ต้องโทรมาตามเรา เราต้องแสดงตัวก่อนว่า ท่าทางเราจะกลับไม่ทันเวลา แต่เราจะรีบกลับอีกไม่เกิน30นาที ก็ต้องบอกค่ะ ถ้าเค้าไม่ให้ก็บอกว่าเรากำลังกลับแล้วแล้วกลับมาบ้านทันที ให้เค้าเห็นว่าเรารักษาคำพูด อย่าให้เค้ารอเราเพราะว่าเค้าเป็นห่วงเรา



ทั้งหมดนี้ต้องเล่าให้ฟังก่อนที่จะไปเที่ยวนะคะ (เล่าเท่าที่จะเล่าได้)

พี่อยากบอกว่าทั้งหมดนี้พี่ทำมาก่อน และทำทุกครั้งด้วยถ้าไม่ได้ไปก็คือไม่ได้ไปแค่เล่าให้แม่ฟังว่าเราแค่อยากไป ไม่ได้ไปก็ไม่เป็นไร (ครั้งหน้าซักครั้ง เราก็ต้องได้ไปค่ะ)