Review แป้งผสมรองพื้นราคาประหยัด! มาสวยแบบพอเพียงกันเถอะสาวๆ
onceupon1232สวัสดีค่ะ ^O^ จี๊ปเองค่า
หมักดองมานานกว่าสามเดือน กับ Review แป้งผสมรองพื้นราคาประหยัด >_<
บางตัวทำไว้นานจนเกือบลืมแล้วเชียว แต่ในที่สุดก็พยายามหาเวลามาลงจนได้
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกๆ คนนะคะ
แป้งที่นำมารีวิวในครั้งนี้มีแต่แบรนด์ไทย กำหนดราคาไม่เกิน 300 บาท
ซึ่งจี๊ปเป็นคนชอบลองของอยู่แล้ว ประกอบกับหน้าไม่ค่อยแพ้ ก็เลยใช้คนเดียวซะเยอะขนาดนี้
การรีวิวครั้งนี้ทำให้รู้ว่า แป้งแบรนด์ไทยก็มีดี ไม่ต่างจากแบรนด์ญี่ปุ่น – อเมริกาหรอกค่ะ
น้องๆ นักศึกษาหรือคนที่เริ่มทำงานใหม่ ไม่ต้องรีบใช้แป้งราคาเป็นพันก็ได้ เก็บตังไว้กินหนมดีกว่า :P
ปล.1 รูปภาพอาจมีแสง - สีต่างกันไปบ้าง เนื่องจากถ่ายคนละวัน บางวันแสงเยอะ บางวันแสงน้อย สลับกันไป
แต่ถ่ายตอนเช้าทุกวันนะ อ้อ! ไม่มีการรีทัชรูปใดๆ ทั้งสิ้นนะจ๊ะ มีแค่ปรับให้ชัดขึ้นเท่านั้นจ้ะ
ปล.2 ความคิดเห็นต่อไปนี้เป็นเพียงความคิดเห็นของข้าพเจ้าเพียงผู้เดียวนะจ๊ะ
ถ้าใครมีความเห็นต่างกันอะไรยังไงก็แชร์กันได้ ไม่ว่ากันจ้า
เริ่มจากหน้าเปล่าๆ อันน่ากลัวของข้าพเจ้า *O*
สภาพผิว - มันขั้นเทพ แต่ขาดน้ำ - -”
รูขุมขนกว้างยิ่งกว่าดวงจันทร์
ใต้ตาดำคล้ำเพราะอดนอน
แพ้ไม่ง่าย นานทีปีหน เลยกล้าลองของบ่อยๆ
สิวผดขึ้นประปราย และจะขึ้นเยอะช่วงก่อนประจำเดือน
สีผิวประมาณ NC 25 – 30
ใช้ Lunasol สี YO02
ตกใจหน้าตัวเองเล็กน้อย!
วิธีทดสอบ
การทดสอบครั้งนี้จี๊ปพยายามควบคุมให้ชัวร์ที่สุดว่าผลลัพธ์ที่เที่ยงตรงจริงๆ ของแป้งแต่ละตัว
เพราะฉะนั้นในช่วงที่ทดสอบ จี๊ปจะมีการใช้ Skin care 4 ตัวนี้เท่านั้น
เพราะถ้า Skin care เปลี่ยนไป คุณสมบติของแป้งอาจเปลี่ยนตามได้
แป้งทุกตัวจี๊ปจะทดสอบอย่างน้อย 1 สัปดาห์ (ยกเว้นตัวที่แพ้)
ดังนั้นผลที่นำเสนอจะมาจากการสรุปรวม 7 วันนะคะ
Skin care ตอนเช้าที่จี๊ปใช้หลังจากล้างหน้าจะมี 4 ตัว คือ
ตัวนี้จะเป็นเซรั่มลดสิว ที่จี๊ปว่าใช้ดีมากๆ
เพราะแต้มสิวอักเสบเม็ดใหญ่เท่าเหรียญ 25 สตางค์ สัปดาห์เดียวก็เหลือเท่าหัวไม้ขีดแล้ว
เสียอย่างเดียวราคาแพงไปหน่อย ต้องฝากเพื่อนหิ้วมาจากอเมริกาเอา
ตัวนี้เป็นเอสเซนส์ที่ช่วยให้หน้าชุ่มชื้นแต่ไม่มัน แถมลดจุดด่างดำได้ดีทีเดียว
เพราะหลังกลับจากเที่ยวทะเลมีจุดด่างดำขึ้นเยอะมาก จี๊ปเลยแอบจิ๊กตัวนี้ของแม่มาใช้
แค่เดือนเดียวจุดดำๆ ที่เกิดตอนไปทะเลก็จางลงแล้ว ขวดที่สองและสามเลยซื้อใช้ต่อเอง :P
สองตัวนี้เป็น Must have items ตลอดกาลเลยก็ว่าได้
เพราะ Cute Press เกลี่ยง่าย บางเบา แต่ไม่ปกปิดเท่าไหร่ เลยต้องผสมกับ 2nd skin ที่ปกปิดดีแต่เกลี่ยยาก
ในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ใช้เป็นกันแดด ช่วยให้เครื่องสำอางติดทนดีนักแล :D
ผลการทดสอบ
ผลการทดสอบ : 12 Plus Miracle BB powder (เบอร์ C1 ขาวสุด)
ตัวนี้ซื้อมาเพราะมีตลับเล็กขายใน 7-11 แค่ 59 บาท เลยเอามาลองใช้ดูขำๆ
ข้อดี – ปกปิดเนียนมากถึงมากที่สุด ไม่เห็นรูขุมขนเลย แถมพอดีกับสีผิวอีกด้วย
แป้งออกโทนเหลือง ทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากๆ
ข้อเสีย – แอบเป็นคราบนิดๆ ตอนบ่าย และแพ้มาก แพ้กระจุยกระจาย
ใช้สามวันสิวอักเสบขึ้น 4 – 5 เม็ด ทั่วหน้า
ไม่แน่ใจว่าเกิดจากการแพ้สารในแป้ง หรือเป็นเพราะมันหนาจนอุดตันผิว
คะแนน
ความเนียนของแป้ง – 10 เนียนกริบจริงๆ ต้องยอมรับ
กลมกลืนกับสีผิว – 10 พอดีเป๊ะๆ กับผิวเรา
ปกปิดรูขุมขน – 10 มองไม่เห็นรูขุมขนเลย
ไม่แพ้ง่าย – 0 คนแพ้ยากอย่างเรายังแพ้ แล้วคนแพ้ง่ายไม่แย่เหรอ?
ควบคุมความมัน – 5 ไม่ได้ดีมาก ไม่ได้แย่มาก ก็ซับประมาณ 3 – 4 ครั้ง
สีไม่เปลี่ยนระหว่างวัน – 7 หมองลงนิดหน่อยแต่ไม่มาก
รวม - 42/ 60
ซื้อต่อมั้ย – ถ้าไม่แพ้คงซื้อต่อแน่นอน เพราะเป็นแป้งที่เนียนและเข้ากับผิวเราที่สุดเท่าที่เคยมีมา T^T
ผลการทดสอบ : Mistine Pur Gold (เบอร์ S1 ขาวสุด)
เห็นโฆษณาชมพู่ และหลายคนรีวิวไว้ว่าสีไม่หมอง
+ บังเอิญเจอใน Minimart แถวคอนโด ในราคา 199 บาท เลยสอยซะเลย
ข้อดี – ตามที่หลายๆ คนว่าไว้ เนียน บางเบา และสีไม่หมอง
ส่วนตัวรู้สึกว่าติดทนกว่า 12 Plus อีกนะ
ส่วนประกายสีทองในตลับพอทาจริงๆ แล้วไม่มีประกายหรอกจ้ะ แล้วก็มี SPF 25 ช่วยกันแดดด้วย
ข้อเสีย – รู้สึกว่าทำให้รูขุมขนดูใหญ่ และมีกลิ่นน้ำหอม
คะแนน
ความเนียนของแป้ง – 9 แต่ต้องทาหลายรอบเหมือนกันกว่าจะเนียน
กลมกลืนกับสีผิว – 8 สว่างไปโทนนึง น่าจะต้องลอง S2
ปกปิดรูขุมขน – 6 ช่วยน้อยอะ รู้สึกว่ายังเห็นรูขุมขนชัดอยู่
ไม่แพ้ง่าย – 8 มีสิวผดขึ้นเล็กๆ คาดว่าเกิดจากน้ำหอม แต่ไม่มาก
ควบคุมความมัน – 9 ดีกว่าหลายๆ ตัวที่เคยใช้ ตัวนี้ให้ look ค่อนข้างแมทท์
ซับมันแค่ตอนเที่ยงกับก่อนกลับบ้านก็เอาอยู่
สีไม่เปลี่ยนระหว่างวัน – 10 เช้าจรดเย็นยังเป็นสีเดิมอยู่
รวม - 50/ 60
ซื้อต่อมั้ย – อาจลองซื้อสี S2 มาใช้ดูถ้าหมดแล้ว ก็ถือว่าเป็นแป้งที่คุ้มราคาตัวหนึ่ง
ผลการทดสอบ : Mistine Wonder BB compact
เป็นอีกตัวที่ซื้อเพราะโฆษณา ฮ่าๆๆ ดูเนื้อมันน่าจะเนียนและปิดรูขุมขนได้ดี
เลยฝากเพื่อนที่แม่ขายมิสทีนซื้อมาในราคา 139 บาท
ข้อดี – เอ่อ... นึกไม่ออก.... ตลับสวยมั้ง!
ข้อเสีย – สีไม่เข้ากับผิว รูขุมขนดูกว้าง เนื้อครีมหนา หน้ามัน อุดตัน - -” สารพัดจะแย่
คะแนน
ความเนียนของแป้ง – 10 แต่มันเป็นความเนียนแบบหนาๆ นะ
กลมกลืนกับสีผิว – 5 เป็นโทนชมพูเกินไป ไม่เหมาะกับสาวผิวเหลืองอย่างเรา
แถมทำให้หน้าขาวกว่าคอด้วย
ปกปิดรูขุมขน – 5 ช่วยนิดหน่อยมากๆ
ไม่แพ้ง่าย – 8 มีสิวผดขึ้นเล็กๆ เช่นกัน หรือเราล้างไม่สะอาด??
ควบคุมความมัน – 5 หน้ามันตั้งแต่ 10 โมง! เร็วไปมั้ย?
สีไม่เปลี่ยนระหว่างวัน – 8 สีดรอปลงนิดหน่อยแต่ไม่มาก
รวม - 41/ 60
ซื้อต่อมั้ย – ไม่ ไม่ ไม่
ผลการทดสอบ : Mistine BB Crystal clear (สี S1 ขาวสุด)
แค่ชอบลองของเลยฝากเพื่อนซื้ออีกแล้ว อันนี้ซื้อมาแพงหน่อย 279 แต่แถมน้ำหอมด้วย
(ขวดเหมือนพระจันทร์ กลิ่นคล้าย DKNY Fresh blossom แต่ติดไม่ทนเท่า)
ข้อดี – เนื้อบางเบาแต่ปกปิดได้ดี และทำให้หน้าดู Glow ขึ้นด้วย
ในตลับมีประกายเงินเล็กๆ แต่พอทาออกมาแล้วไม่เห็น และมี SPF 25 ด้วย
ข้อเสีย – ปกปิดรูขุมขนยังไม่ดีนัก และมีกลิ่นน้ำหอมแรงกว่า Pur gold อีก
คะแนน
ความเนียนของแป้ง – 8 เนื้อบางกว่า Pur gold และต้องทาหลายชั้น
กลมกลืนกับสีผิว – 8 สีแอบสว่างกว่าสีผิวจริงเล็กน้อย แต่ไม่น่าเกลียด
ปกปิดรูขุมขน – 8 ปกปิดดีกว่า Pur gold แต่ยังไม่เท่า 12 Plus
ไม่แพ้ง่าย – 6 กลิ่นน้ำหอมแรงมาก คิดว่าคนแพ้ง่ายไม่ควรใช้
ควบคุมความมัน – 7 หน้ามันเร็วกว่า Pur gold นะ แต่ก็ไม่ได้เยิ้มน่าเกลียด
สีไม่เปลี่ยนระหว่างวัน – 8 สีดรอปลงนิดหน่อยแต่ไม่มาก
รวม - 45/ 60
ซื้อต่อมั้ย – อาจจะไม่ เพราะชอบ Pur gold มากกว่าตรงที่พอทาเสร็จให้สัมผัสนุ่มลื่นกว่าตัวนี้
และควบคุมความมันดีกว่าด้วย
ผลการทดสอบ : Evory E (สี WO01)
เห็นแม่ใช้เลยใช้ตามแม่ ตอนแรกใช้ BB
แต่รู้สึกว่าตัวนี้เนียนกว่า ติดทนกว่า และหน้ามันน้อยกว่า
เลยใช้ตัวนี้เป็นตลับที่ 2 แล้วจ้า :D (ซื้อช่วงวันเกิด แค่ 100 กว่าบาทเอง)
ข้อดี – เนื้อเนียน ปิดได้หมดแม้กระทั่งแพนด้า สีเข้ากับผิวคนไทยเพราะออกโทนเหลือง
ปกปิดรูขุมขนได้ดีและไม่มีกลิ่นน้ำหอม แอบมีวิตามินอีด้วย ตัวนี้ได้ลุค Matte เป็นธรรมชาติดี
ข้อเสีย – ถ้าใช้เยอะเกินจะหนาไป ซึ่งใครมีปัญหานี้ลองวิธีเราได้นะ
คือปาดแป้งครึ่งพัฟ ต่อ การเกลี่ยครึ่งหน้า ก็จะช่วยให้ได้แป้งพอดีๆ
คะแนน
ความเนียนของแป้ง – 9 เนียนสนิทแต่ยังมีความรู้สึกว่าเป็นแป้งนิดๆ
กลมกลืนกับสีผิว – 10 สีเข้ากับผิวเป๊ะๆ ไม่ขาวซีดเกินไป
ปกปิดรูขุมขน – 9 มองแทบไม่เห็นรูขุมขน แต่ยังไม่เนียนเท่า 12 Plus
ไม่แพ้ง่าย – 10 ไม่มีน้ำหอม ตัวนี้เป็นแป้งตัวเดียวที่กล้าใช้ตอนสิวขึ้น
เพราะมั่นใจได้เลยว่าสิวไม่อักเสบขึ้นแน่นอน
ควบคุมความมัน – 7 ซับประมาณ 2 – 3 รอบ ดีนะที่ไม่เป็นคราบ
สีไม่เปลี่ยนระหว่างวัน – 8 สีดรอปลงนิดหน่อย
รวม - 53/ 60
ซื้อต่อมั้ย – คงซื้อไว้เป็นแป้งสามัญประจำบ้าน :D ราคาถูกและคุณภาพดี
แต่ถ้ามีตัวอื่นออกมาก็คงซื้อไว้สลับกันใช้
ผลการทดสอบ : Evory Snow (สี WO01 ขาวสุด)
วิ่งไปซื้อเพราะเห็นโฆษณาวันก่อน (เชื่อโฆษณาง่ายจริงจริ๊งงงง T^T )
เค้าบอกว่าผลิตที่ญี่ปุ่น มี SPF 30 และวิตามิน C ด้วย
ส่วนนึงคิดว่า เอาวะ ซื้อมาคงได้มารีวิวนี่แหละ เดี๋ยวจะมีแต่มิสทีนเยอะเกินไปจนเค้าหาว่าเป็นม้า :P
ข้อดี – รู้สึกว่าเนื้อแป้งจะนุ่มขึ้น และบางกว่าตัวอื่นๆ ของคิวท์เพรสที่เคยใช้ (E – BB)
ตัวนี้ก็ทำให้หน้าเนียนและได้ลุค Glow & Dewy
ที่ชอบอีกอย่างคือ SPF เยอะดี และมีสารบำรุง
(แอบคิดไปเองว่ามันคงช่วยบ้างแหละว้า ก็แป้งอยู่บนหน้าเราทั้งวันนี่นา...)
ข้อเสีย – ดูเนื้อแป้งในตลับเหมือนดำ แต่พอทาออกมาดันขาวซะงั้น
จนขาวกว่าหน้าเราไปนิดนึงเหมือนกัน สีเลยไม่ค่อยกลืนเท่าไหร่
ตัวนี้ในตลับเหมือนมีประกายวิ้งๆ เยอะมากด้วย แต่ทาออกมาแล้วไม่เห็นเป็นวิ้งนะ
ออกผ่องๆ มากกว่า อธิบายไม่ถูก แนะนำให้ลองที่ร้านก่อนดีกว่าค่ะ
คะแนน
ความเนียนของแป้ง – 8 เนียนกริ๊บสู้ E ไม่ได้ แต่ตัวนี้จะบางเบากว่า
คนที่ผิวดีอยู่แล้วอาจจะชอบตัวนี้มากกว่า
กลมกลืนกับสีผิว – 8 ขาวกว่าผิวเค้าไปนิดนึงนะตัวเอง
ปกปิดรูขุมขน – 9 ปกปิดได้ดีพอสมควร แทบไม่เห็นรูขุมขนจ้า
ไม่แพ้ง่าย – 10 ไม่มีน้ำหอม และใช้มา 4 – 5 วัน สิวก็ไม่ขึ้นและไม่อักเสบเพิ่ม ถือว่าผ่าน
ควบคุมความมัน – 9 คุมมันได้ดีกว่า E นะ แล้วหน้าจะไม่มันแบบเยิ้ม แต่จะดู Glow ขึ้นมากกว่า
สีไม่เปลี่ยนระหว่างวัน – 9 ตัวนี้สีแทบไม่เปลี่ยนเลยอะ
ขนาดไปขายของที่ JJ ทั้งวัน เติมแป้งเด็ก 2 - 3 ครั้ง ก็ยังโอเคอยู่
อยากให้มันดรอปลงนิดนึงด้วยซ้ำจะได้พอดีกับผิวเรา เหอๆๆ
รวม - 53/ 60
ซื้อต่อมั้ย – อาจจะลองซื้อ
Discussion (32)
เห็นเค้ามีสามสีนะคะ น่าจะไปลองที่ร้านก่อนได้
คุณ Nongmutt
ลองแล้วชอบรึเปล่ามาบอกกันบ้างนะคะ
แต่ตลับฟ้ายังไม่ได้ลองเลย