D.I.Y ฺัBy Pookyz ตอน หมักผมด้วยวิธีธรรมชาติ

 

 

เก็บไว้สอง เผื่อแม่ด้วย คนละอัน 
 

สภาพผมก่อนสระ คือดูจากภาพอาจจะไม่ดูชัดว่าแห้งเสียจริงรึป่าว 

เพราะกล้องซูมไม่ถึงขนาดโครงสร้างผมเหมือนในโฆษณา 

งั้นจะขออธิบายตามความรู้สึกนะคะ ผมจะแห้ง ลีบไม่เป็นทรง 

ตรงปลายผมจะแห้ง แล้วหัก ไม่ตรง แตกปลาย หลายเส้น 

อาการก็เข้าขั้นหนัก เพราะสระผมที โอ๊ยยย คิดอยู่ทุกวัน 

พรุ่งนี้จะมีผมให้เชยชมมั้ย เพราะร่วงเยอะมากกกก ฮ่าๆๆ

 

วิธีการก็ไม่ยากคะ ปุ๊กหมักผมโดยแช่น้ำแช่ข้าวตอนผมแห้ง ประมาณ 10-15 นาที

แล้วสระผม ตามด้วยครีมนวด และบำรุงตอนผมหมาด
พอผมแห้ง แค่นี้ ผมก็อยู่ทรง

เริดมากๆๆ  อาจจะไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้
แต่ก็รู้สึกได้ว่าผมมีน้ำหนักมากขึ้นกว่าเดิม ผมดูสุขภาพดีขึ้นกว่าเดิม 
แล้วที่สำคัญ ไม่มีสารเคมีตกค้างบนหนังศรีษะ
ลดอาการคันจากรังแคและความอับชื้นได้ด้วย 

ป๊าดดด อะไรจะขนาดนั้น...

 พอผมแห้งผมก็สลวย  เริดจะตายย อิอิ

 

เมื่อลองใช้น้ำมันมะกอกเพื่อเปรียบเทียบ
ส่วนตัวปุ๊กชอบน้ำซาวข้าวมากกว่า 

เพราะความมันของน้ำมันมะกอก ทำให้ผมมันเร็ว
เหนอะหนะ คะ

 

 
ก็เพราะถ้าหมักหลังจากสระผม 

อาจจะทำให้ผมเหม็นอับกลิ่นข้าว 

เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์บนศรีษะ คนรอบข้างจะอี๋ได้นะเธออ

 

สรุปว่าน้ำซาวข้าวเหลือจากการหมักผม ปุ๊กราดตัวเลยคะ
ช่วยเรื่องความชุ่มชื่นและการชะลอความหย่อนคล้อยของผิว
แอบเหม็นกลิ่นอับข้าวนิดๆ ไม่เป็นไร ทนได้ ฮ่าๆ
แต่หน้ายังไม่กล้าคะ เพราะกลัวแพ้  แล้วแอบไปเจอข้อมูลที่ว่า น้ำซาวข้าวมีฤทธิ์กัดผิวและลอกผิวหน้า
พร้อมกับชะล้างไขมันมาก ไม่เหมาะกับคนที่หน้าแห้งและผิวบอบบาง
คนสมัยก่อนเอาน้ำซาวข้าวมาล้างถ้วยชามจนสะอาดเนื่องจากคุณสมบัติคล้ายซันไลต์
ไม่ควรใช้น้ำซาวข้าวแบบเข้มข้นและไม่ควรทิ้งไว้บนใบหน้านานๆเพราะจะทำให้หน้าแห้งตึงมากและลอกเป็นขุยได้
ขอบคุณเว็บ acnethai ด้วยนะคะ สำหรับข้อมูล
โหยยย แค่ตัวก็พอคะ ฮ่าๆๆ
หมดแล้วค๊าา สำหรับการรีวิว ครั้งหน้าถ้ามีเรื่องสวยๆงามๆ
จะรีบอัพเลยน๊าา

ขอบคุณค๊าาาา

Pookyz