Special treatment Version 4 : ขนจ๋า เค้าลาก่อน

Special treatment Version 4  ทิ้ง ระยะห่างไปนานมาก วันนี้ทรายเอาเรื่องดีๆ มาฝากกันเช่นเคยค่ะ ช่วงทีหายไปเราก็ไปตระเวนพาสาวๆ เค้าไปจัดการปัญหาเรื่องขนๆ มา "ขน" ปัญหาที่จะว่าเล็กก็ไม่ใช่ใหญ่ก็ไม่เชิง อย่างทรายไม่ค่อยมีปัญหานี้เท่าไหร่นอกจากขนน้องจั๊กก้า ที่่ถึงจะมีบ้างก็ปล่อยมันไป ใช้เครื่องโกนบ้าง ถอนเอาให้ผิวเป็นตรูดไก่บ้าง (เจ็บๆคันๆ มันส์ดีพิลึก) ก็ปล่อยมัน แต่ปัญหานี้มันจะไม่ใช่เรื่องเล็กถ้าหากคุณเป็นสาวที่มีขนหน้าแข้งดำปืีด เหมือนขนผู้ชาย การที่จะให้ขนดกๆ แบบนั้นหายไปการโกนการแว๊กซ์ก็อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ดีเท่าไหร่ วันนี้ทรายจะพาไปดูรีวิวดีๆ ด้วย "การกำจัดขนด้วยเลเซอร์" ค่ะ  อ๊ะ อ๊ะ ยังไม่หมดเท่านั้น สำหรับสาวๆ ที่กำลังจะไปซื้อบิกินีสำหรับหน้าร้อน แล้วกำลังหาวิธีจะจัดการน้องสาหร่ายให้อยู่ในที่ทางอันควร เราก็มีรีวิวกำจัดน้องสาหร่ายมาฝากกันด้วย แต่บริเวณนี้จะทำเลเซอร์คงไม่ไหว เราเลยขอนำเสนอวิธีการแวกซ์แทนค่ะ

แต่ก่อนอื่นเรามาปูพื้นเรื่องการ ใช้เลเซอร์กำจัดขนกันหน่อยดีกว่า อย่างที่เรารู้กันว่าการกำจัดขนในบริเวณที่ไม่พึงประสงค์มีหลากหลายวิธี แต่ส่วนใหญ่เจ้าขนที่เราไม่ต้องการก็มักจะกลับมาในเวลาไม่นาน การใช้เลเซอร์กำจัดขน เลยกลายเป็นวิธีกำจัดขนถาวรที่มีคนนิยมกันมากที่สุด โดยเลเซอร์จะมีผลในการทำลายรากขนไม่ให้สร้างขนใหม่ขึ้นมาอีก ทำให้บริเวณที่ใช้เลเซอร์กำจัดขน ดูเรียบเนียนมากขึ้น

ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนกำจัดขนด้วยเลเซอร์

หลีกเลี่ยงการถอนขนในบริเวณที่ ต้องการกำจัดขนถาวรประมาณ 1 เดือน ก่อนการเข้ารับการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ โดยให้ใช้วิธีโกนขนออกไปแทน เพื่อให้รากขนยังอยู่ในตำแหน่งเดิมเวลา เพื่อที่ลำแสงเลเซอร์จะได้ลงไปทำลายรากทั้งหมด โดยจำเป็นต้องใช้เส้นขนและรากเป็นสื่อ เพื่อให้ได้ผลในการกำจัดดีที่สุด

ก่อนการฉายลำแสงเลเซอร์ เจ้าหน้าที่จะทำการกำจัดขนออกให้ด้วยการโกน

ในขณะที่ทำการฉายเลเซอร์ จะรู้สึกคล้ายหนังสติ๊กเล็กดีดเบาๆเท่านั้น การกำจัดขนถาวรที่ได้ผลต้องทำอย่างน้อย 5-8 ครั้ง ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ เส้นขน เชื้อชาติ และสีของเส้นขน เป็นสำคัญ แต่ละครั้งควรห่างกัน 3-4 สัปดาห์ผิวหนังบริเวณที่ทำการกำจัดขน รูขุมขนก็จะดูเนียนเรียบ ไร้กลิ่นที่บริเวณนั้นๆอีกด้วย

เลเซอร์กำจัดขนถาวรเป็นวิธีที่ สะดวก ปลอดภัย ให้ผลอย่างถาวรสำหรับในปัจจุบัน โดยเมื่อทำหมดคอร์ส อาจมีขนที่หลงเหลืออยู่บ้างประมาณ 10-20% ซึ่งจะเป็นขนบางๆ อ่อนๆ เท่านั้น

เหตุผลที่ต้องทำหลายครั้งกว่าที่ ขนจะถูกทำลายหมดก็เป็นเพราะว่า เส้นขนโดยทั่วไปมีทั้งหมด 4 ระยะ เส้นขนที่จะถูกเลเซอร์ทำลายได้ดีที่สุดคือระยะที่ 4 ซึ่งเป็นขนที่โตเต็มที่แล้ว และเส้นขนของเรานั้นก็ประกอบด้วยทุกๆระยะปะปนกันไป ดังนั้นการรอให้เส้นขนในระยะอื่นๆ โตขึ้นมาให้เต็มที่จะทำให้การกำจัดขนด้วยเลเซอร์แต่ละครั้งได้ประสิทธิภาพ สูงสุด

เลเซอร์ที่ใช้ในการกำจัดขนถาวร อย่างเดียว มีหลากหลาย ซึ่งจะใช้ในการกำจัดขนที่แตกต่างกันไปตามสภาพผิวและความเหมาะสม แต่ที่นิยมกัน คือ


- Diode Laser (Light Sheer, MedioStar)
ความยาวคลื่น 810 nm เหมาะสำหรับผิวอ่อนถึงปานกลาง 60% ขนจะขึ้นมาใหม่ใน 9 เดือน 40% ที่เหลือใช้เวลานานกว่านี้

- Yag Laser 1064 Laser (Gentle Yag) มี ประสิทธิภาพสูงมาก ทะลุทะลวงถึงรากขน เหมาะสำหรับผิวสีเข้ม ส่วนมากวิธีนี้ใช้ลบรอยสัก แต่ก็นำมากำจัดขนได้เช่นกัน เพราะความยาวคลื่นสูงมาก


- IPL (Quentum, Ellipes, Flex) ที่จริง IPL ไม่ใช่เลเซอร์แต่ใช้หลักการสร้างของ xenon flashlamp วิธีการคล้ายๆ เลเซอร์ แต่เกิดจากคนละหลักการ ซึ่ง IPL เป็นวิธีลดจำนวนขนอย่างถาวร ส่วน Laser เป็นวิธีกำจัดขนอย่างถาวร


รู้ข้อมูลคร่าวๆ ของเลเซอร์กันไปแล้ว เราลองไปดูสาวๆ ที่ไปทำการทดลอง มารีวิวกันดีกว่าค่ะ



 
 

 ทำการทดลองโดย Otwo

สถานที่ทำการทดลอง : APEX (www.apexprofoundbeauty.com/th/)


ได้รับโอกาสให้ไปลองของ กับคอลัมภ์ jeban lab มาค่า เนื่องจากเราเนี่ย ไม่สามารถทำ  อะไรกับหน้าได้เลย เพราะเป็นคนขี้แพ้สุดๆ นึกไปนึกมา ขอลองกำ  จัดขนถาวรที่หน้าแข้งดีกว่ า เพราะว่าคิดมาซักพักใหญ่ๆแล้วว่าอยากจะเอาออกอ่ะนะ ก็อย่ารีรอ ออกตัวแรงขอเค้าไปเลย


ท้าวความกันเล็กน้อย ว่าปกติเป็นคนมีขนหน้าแข้งประปราย ก็ใช้วิธีโกนมาตลอด อาทิตย์ละครั้งไรก็ว่าไป แต่ช่วง 2-3 ปีให้หลังมานี่ โกนก็ไม่ได้ซะงั้น เพราะผิวจะเห่อเป็นตุ่มๆ คันๆแสบๆขึ้นมากันเลยทีเดียว ก็เอาละซิ ต้องทนเป็นกอริล่านี่่นะ อร๊ายยย จะไหวเหรอคะ ก็เลยกลายเป็นต้องใส่แต่กางเกงขายาวตลอดเวลา ทนไม่ไหวที ก็ลุกมาโกนที ก็เห่อไปอีกเป็นอาทิตย์ T_T


คราวนี้ได้ฤกษ์ ขนจ๋า ยุ้ยลาก่อนกันซะที ทาง APEX เค้าให้โอกาสลองเทสต์กำจัดขน ด้วยวิธี Yak laser ที่เค้าว่าด๊กว่าเลเซอร์แบบอื่นๆ เพราะมันจะเจ็บน้อยกว่า แล้วก็ให้ผลดีกว่า เมื่อทำครบคอร์ส ประมาณ 3-5 ครั้งในการเลเซอร์ แล้วขนก็จะอันตรธานหายไปเป็นเวลา 2-3 ปีเลยทีเดียว (กรี๊ดดดด เริ่ดเนอะ)

ขั้นตอนการทำ yak นั้น ต้องให้คุณหมอเป็นคนยิง เนื่องจากความร้อนของเลเซอร์ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญมากระดับหนึ่งเป็นคนทำ จึงจะใช้เครื่องมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทอราปิสต์จะทำเองไม่ได้นะคะ ขั้นแรกสุดก็ต้องเปลี่ยนชุดเป็นผ้าคลุม เพื่อให้เปิดขาได้สะดวก และง่ายต่อการทำงานของคุณหมออ่ะนะ แล้วก็ต้องทำการโกนขนหน้าแข้งออกให้หมดก่อน เพราะ yak จะทำงานโดยการจับสีขนที่มีสีเข้มและเข้าไปทำให้ขนตายด้วยความนร้อน ถ้าเราไม่เอาขนออกก่อน ผิวส่วนที่ยังมีขนอยู่ก็อาจจะถูกแสงเลเซอร์เบิร์นได้นั่นเอง หลังจากโกนขนแล้ว ก็ได้เวลาพอกเจลเย็น ขั้นตอนนี้เพื่อช่วยให้ผิวไม่ทรมานจากความร้อนของเลเซอร์มันเย็นได้ใจเหมือน เอาน้ำแข็งมาโบกขานั่นแหละค่ะ ซักพัก คุณหมอก็จะเริ่มยิงเลเซอร์แล้ว สำหรับ Yak laser สาวๆบางคนบอกว่าเจ็บนิดๆเหมือนโดนหนังสติ๊กยิงที่ผิวเปรี๊ยะๆๆ ไรก็ว่าไป สำหรับเรากลับไม่รู้สึกอะไรเลยแฮะ คุณหมอคอยถามตลอด ร้อนไปป่าว เจ็บไหมคะ เราได้แต่ส่ายหน้า ก็มันไม่รู้สึกอะไรเลย ได้แต่คิดในใจ แล้วมันจะขนหายจริงเหรอเนี่ย เสร็จไป 1 ขา อย่างว่องไววิทย์ เทอราปิสต์ก็รีบเอาครีมโบกทันที คุณหมอก็เริ่มยิงอีกขาแบบชิลๆ เสร็จ 2 ขาไปในเวลาไม่ถึง 30 นาที จากนั้นคุณหมอก็จะตรวจดูผิว ว่ามีการตอบสนองต่อเลเซอร์หรือไม่อย่างไร ซึ่งกรณีของเรามีตุ่มแดงๆขึ้นเล็กน้อย ด้านหลังขา ซึ่งคุณหมอไม่ได้ให้โกนขนออก เพราะคิดว่ามันเป็นขนสีไม่เข้ม ไม่น่าจะมีผลกับเลเซอร์ซักเท่าไหร่ แต่เอาเข้าจริงผิวเราโดนไปเต็มๆ

หลังจากนั้น ทาง APEX ก็ให้ครีมมาทาเพื่อบรรเทาอาการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นได้ แล้วก็นัดมายิงอีกครั้งหลังจากนี้ 1 เดือน ในครั้งแรกของการยิงเลเซอร์นั้น ขนจะลดลงเลยทันที 20% ครั้งที่ 2 ก็อาจจะหายไปอีก 40%  จึงต้องทำให้ครบคอร์สตามความเหมาะสม ขึ้นอยู่กับขนและผิวของแต่ละคน


กลับมาวันนั้น ด้วยขาไร้ขน ลื่นๆ สบายๆ สวยงาม แอบหยิบกางเกงขาสั้นบ้างไรบ้างมาเตรียมไว้เลย ปรากฏว่าเย็นวันนั้น  เกิดอาการคันคะเยอะสุดๆ พร้อมกับผื่นแดงๆ ขึ้นเป็นหย่อมๆ ไอ้รอยตุ่มแดงๆ เริ่มขยายวงกว้าง....เหวอออออ นี่มันอาการแพ้เห็นๆ


วันรุ่งขึ้้น อาการผื่นยิ่งหนักกว่าเดิมจนต้องกลับไปที่คลีนิค เค้าก็บริการดีมากมายใช้เครื่องผลักครีมด้วยความเย็นประคบให้เราทันที คุณหมอประจำคลีนิกแจ้งว่าเป็นอาการรูขุมขนอักเสบก็จะหายได้ไม่นาน ปรากฏว่าตุ่มแดงๆยิ่งเห่อหนักเข้าไปอีกแบบไม่น่าเชื่อ ทั้งคัน ทั้งตุ่ม เป็นผิวคางคกดีๆ นี่เอง จิตตกขั้นแมกซ์ 


วันที่ 2 และ 3 ตุ่มและผื่นลามเต็มขาแบบควบคุมไม่ได้ เลยตัดสินใจไปหาหมอผิวหนังประจำ  ตัว พร้อมรับคำ  ตำ  หนิว่าหาเรื่อง 555 อยู่ดีไม่ว่าดี บลาๆๆ  (ตกลงหมอหรือพ่อนู๋คะนี่) แล้วก็ให้ยามาทั้งยากินยาทาเลยทีเดียว  เนื่องจากผิวหนังอักเสบมากจากความระคายเคือง หลังจากนั้น อาการก็ค่อยๆดีขึ้น จนเหลือแต่รอยดำๆ แล้วก็จางหายไปในราวๆ 3 สัปดาห์


หลังจากเลเซอร์ได้ 1 เดือน เราก็ไม่ได้กลับไปทำต่ออ่ะนะ เนื่องจากคุณหมอห้ามขาดเลยว่าอย่าไปทำอะไร เนื่องจากผิวที่แพ้ง่ายมากๆ แห้งมากๆ ของเราเอง แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนเลยคือ ขนหายไป ไม่ขึ้นกลับมาเลยครึ่งต่อครึ่ง เห็นชัดๆเลยว่ามันได้ผลจริงๆ เพราะฉะนั้นถ้าสาวๆ ไม่ได้เป็นผิว over sensitive (ยิ่งกว่าแพ้ธรรมดา 555) เราว่าวิธี Yak laser นี้น่าสนมากกกกกกกก ถ้าทำจนครบคอร์ส เชื่อได้ว่าเนียนแน่นอน


ถึงปัจจุบัน เราเลเซอร์มาได้ 3 เดือนกว่าแล้ว ขนกลับมาขึ้นเต็มสตรีมเหมือนเดิม ทั้งสีขน ความยาวของขน เหมือนกับตอนก่อนทำเปี๊ยบ ก็ืถือว่าเป็นลองของที่ตื่นเต้นระดับนึเลยทีเดียว ยังไงก็ต้องขอบคุณทั้ง jeban และ apex ที่ให้โอกาสได้ลองนะคะ ถึงขนไม่หายไปถาวร ก็ยังดีใจที่ได้ลองอ่ะน้า :)

 



 

 ทำการทดลองโดย  ว.น.ม.ย.

สถานที่ทำการทดลอง : APEX (www.apexprofoundbeauty.com/th/)


การกำจัดขนใต้วงแขนคงเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับสาวๆอย่างเราๆเนอะ..

จะโกน.. เผลอแป๊บเดียวก็ยาวอีกละ..

จะถอน.. หนังไก่ก็ถามหา แถมกว่าจะถอนเสร็จ อาจจะได้ตาเหล่แถม

จะใช้ครีม.. บางคนก็แพ้ซะงั้น

จะแว็กซ์.. ทำที่ร้าน ราคาก็ไม่ใช่น้อย อยากประหยัดทำเองก็ยุ่งยาก แถมไม่ได้ผลดีเท่าทำตามร้านอีก เฮ้อ..เหนื่อยใจ..

 นั่งคำนวนค่าแว็กซ์ไปมา อย่ากระนั้นเลย.. มากำจัดขนแบบใช้เลเซอร์ดีกว่า

ก่อนทำก็ไม่มีอะไรมากค่ะ งดเว้นจากการถอน/แว็ก ซ์ ซักประมาณ1เดือนค่ะ ช่วงนั้นก็อาศัยการโกนไปก่อน

 

วันนี้ว่านมาทำเลเซอร์กำจัดขนที่ APEX สาขาทองหล่อค่ะ อยู่ทองหล่อซอย8

จะขับรถมาก็สะดวกสบาย มีที่จอดรถมากมาย หรือถ้าจะมารถไฟฟ้า ก็ลง BTS ทองหล่อได้เลย แล้วใช้บริการแท็กซี่/รถแดงหรือมอเตอร์ไซค์ก็ได้

APEX ทองหล่อนี้ สถานที่สวยงาม เป็นส่วนตัวดี

เมื่อมาถึง พนง.ต้อนรับก็จะให้เราเปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะ จากนั้นก็บริการเครื่องดื่ม มีทั้งเครื่องดื่มสมุนไพร หรือน้ำชากาแฟโอวัลตินให้เลือก

 


การกำจัดขนใต้วงแขนด้วยเลเซอร์ของที่ APEX นี้ ก็ใช้ระยะเวลาไม่นานเลย

เริ่มจากเข้าห้องทรีตเมนต์ คุณพยาบาลจะนำกระดาษมาเหน็บแขนเสื้อเรากันเลอะ แนะนำว่าใส่แขนกุดหรือสายเดี่ยวมาเป็นดีค่ะ

หลังจากนั้นก็จะโกนกำจัดขนส่วน เกิน เช็ดทำความสะอาดใต้วงแขน แล้วทาด้วยเจลเย็น( เจี๊ยบ ) ทางพยาบาลจะเป็นผู้ดูให้ ว่าควรจะใช้เลเซอร์ตัวไหนกับเรา ซึ่งที่ APEX นี้มีเลเซอร์หลายชนิดสำหรับการกำจัดขน ของว่านวันนั้น เป็นตัวLumenisค่ะ  จากนั้นก็ยิงเลเซอร์.. ทีแรกก็แหยงๆว่าจะเจ็บ( มาก )ไหม ก็ไม่เจ็บมาก.. นะ (เจ็บกว่าหนังยางดีดหน่อย แบบว่าเพี๊ยะๆ พอทนได้ค่ะ)  รักแร้แขนซ้ายตอนแรกที่ทำรู้สึกเจ็บหน่อย แต่พอมารักแร้แขนขวา ก็ไม่เจ็บมากแล้วค่ะ เพี๊ยะๆ เพี๊ยะๆ (^^

ใช้ขั้นตอนการทำแค่ 10-15 นาที ก็เสร็จเรียบร้อย (หลังทำอาจจะมีอาการแดงบ้าง เป็นเรื่องปรกติค่ะ )

แล้วก็อาจจะเห็นเป็นเศษดำๆเป็น เส้นๆติดอยู่ นั่นคือขนจั๊กก้าที่ม่องไปแล้วนะคะ หลังทำ1-2 วันแรก น้องขนจั๊กก้าอาจจะทยอยสิ้นชีพออกมาได้บ้างค่ะ ไม่ต้องตกใจ

 

ข้อควรปฏิบัติ

หลังทำ 2-3 วันแรก ควรเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น การใช้สบู่ และการใช้โรลออนบริเวณใต้วงแขนแล้วก็ควรเลี่ยงแดดด้วย ฉะนั้นไม่ควรทำก่อนจะใส่บิกินี่ไปลั้นลาตามชายหาดนะคะ ถ้าทำครั้งแรก ทาง APEX จะมีให้ครีมทาใต้วงแขน สำหรับบริเวณที่เป็นรอยแดงมาด้วย

วันรุ่งขึ้น ทางพนักงาน APEX ก็จะโทรมาสอบถามด้วยว่าแนวรบใต้วงแขนเป็นยังไง มีอาการอักเสบหรือบวมแดงไหม ใส่ใจดีมากเลยค่ะ ^^

 หลังทำประมาณ 4-6 สัปดาห์ ก็ได้ฤกษ์การทำครั้งต่อไป.. อ้าว.. แล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะ ว่ามัน 4 หรือ 6 สัปดาห์ -"- ดูได้จากความเร็วของการขึ้นของเส้นขนเราค่ะ ถ้าขนน้องจั๊กก้าขึ้นเร็ว 4 อาทิตย์ก็กลับมาทักทายกันเหมือนเดิมแล้ว ก็มายิงครั้งต่อไปได้แต่ถ้าขนน้องจั๊กก้าเริ่มยอมศิโรราบ.. ขึ้นแบบเบา-เบา จะรอถึง 6 อาทิตย์ก็ได้ค่ะ

การกำจัดขนด้วยเลเซอร์นี้ ต้องทำประมาณ 5-8 ครั้ง น้องขนก็จะจางบางลง จนไม่กวนใจอีกค่ะ ที่ต้องทำหลายครั้ง เพราะเลเซอร์จะสังหารขนได้ดีที่สุด ในระยะๆนึงของชีวิตน้องขน  การขึ้นของขนจะมี 4 ช่วง ฉะนั้นจึงต้องเว้นระยะการทำ และทำหลายครั้ง จะได้ทยอยกำจัดขนทุกช่วงชีวิตของมันได้หมดจดค่ะ อาจจะยังมีเสนอหน้ามาบ้าง แต่จะจางและบางมาก จนไม่เป็นที่สังเกต อันนี้จะจริงแท้แค่ไหน จะมารายงานให้ทราบในครั้งต่อๆไปนะคะ 


 

 

 ทำการทดลองโดย ฟร้า

สถานที่ทำการทดลอง : Immagini (www.immagini.com)
 

ฟะร้า : กำจัดขนบริเวณช่วงขา ด้วยเครื่อง Soprano XL ที่ immagini สาขาเซ็นทรัลเวิร์ล ชั้น 3 โซนฟอรัม

ขอกล่าวความเป็นมาเป็นไปก่อนที่ จะไปทำนิดนึงค่ะ  คือฟะร้าเคยกำจัดขนบริเวณใต้วงแขนด้วยเครื่อง IPL มาก่อน และรู้สึกเจ็บมาก รู้สึกเหมือนมีคนมาดีดหนังสติ๊กใส่ทุกรูขุมขน อะไรประมาณนั้น  และรู้สึกค่อนข้างหวาดกลัวการกำจัดขนอยู่พอสมควร  ยิ่งมีคนบอกมาว่า YAG ยิ่งเจ็บกว่า IPL อีก ก็เลยไม่ค่อยจะกล้าทำ จนกระทั่งมีที่นี่ที่เค้าบอกว่าไม่เจ็บ เนื่องจากใช้เครื่อง Soprano XL ซึ่งไม่เจ็บเลย  ด้วยความที่ไม่รู้จักและไม่มีข้อมูลอะไรเลยอยู่ในหัว (แม้กระทั่งตอนไปทำ IPL ก็ไม่ได้มีข้อมูลใดๆ มาก่อน แย่เนอะ)  เลยขอหาข้อมูลนิดนึง ได้ความดังนี้

เครื่อง Soprano XL หรือเรียกอีกชื่อว่า Diode  ใช้ Diode laser

Diode laser (Lightsheer) เป็น laser ที่มีต้นกำเนิดแสง เป็น semiconductor จึงสามารถให้ความยาวคลื่นได้หลายช่วง ซึ่งความยาวคลื่นในช่วง 800 nm เป็นช่วงที่เหมาะสมในการทำลายรากขน เพราะจะถูกดูดซับด้วยเม็ดสีได้พอสมควร และสามารถผ่านลงไปได้ลึกถึงรากขน การกำจัดขนจะได้ผล เฉพาะรากขนที่มีเส้นขนในระยะเจริญ Anagen phase ซึ่งจะมีอยู่ประมาณ 20-40% ของเส้นขนที่ แขนขา จึงต้องทำซ้ำ ประมาณ 4-6 ครั้ง จึงจะทำให้เส้นขนลดลง ประมาณ 80% นอกจาก Diode แล้ว เลเซอร์ที่ใช้กำจัดขนในคนเอเซียได้ดี คือ Nd:YAG


 


และตามไปอ่านรีวิวของคนอื่นๆ ที่เคยใช้เครื่องนี้มาก่อนก็บอกว่าไม่เจ็บ จึงทำให้ตัดสินใจไปลองทำดู

ขั้นตอนการกำจัดขนด้วยเครื่อง Soprano  XL หรือ Diode  น่าจะไม่แตกต่างจากการกำจัดด้วยการทำเลเซอร์หรือฉายแสง IPL หรืออื่นๆ นั่นก็คือ

ต้องมีการโกนขนออกก่อน เหตุผลที่ต้องโกน เนื่องจากเลเซอร์จะไปจับที่เม็ดสี หากเราขนยาว เลเซอร์ก็จะจับตำแหน่งที่เส้นขน  ไม่ใช่รูขุมขน และทำให้เจ็บตัวได้มาก ฉะนั้นจึงต้องโกนขนออกก่อนเพื่อให้เลเซอร์จับตำแหน่งที่บริเวณรูขุมขนและส่ง รังสีไปทำลายได้ถึงรากของเส้นขน ซึ่งการโกนนี่โกนสดๆ ไม่มีการทาครีม ทาอะไรใดๆ ก่อนทั้งสิ้น  ฟะร้าผิวแห้งมาก พี่เจ้าหน้าที่ก็โกนไปเสียวจะบาดไป  ฟะร้าก็รู้สึกแสบๆ นะตอนโกน


เจ้าหน้าที่จะช่วยทำการคูลลิ่งให้เรา โดยใช้เจลใสๆ ที่แช่จนเย็นจัด และนำมาปาดให้ทั่วขา (บริเวณที่ต้องการกำจัดขน)  อันที่จริงเรียกว่าโปะดีกว่า เนื่องจากทาเยอะมาก ที่ต้องทำการคูลลิ่งก็เพื่อให้เรารู้สึกเจ็บน้อยลงและป้องกันการระคายเคือง จากแสงเลเซอร์  แนะนำนะคะ ไม่ว่าจะทำอะไร ให้เค้าทำการคูลลิ่งเราเยอะๆ บ่อยๆ จะทำให้เจ็บน้อยลงจริงๆค่ะ (ทุกส่วนของร่างกายเลยค่ะ)

จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะทำการยิง เลเซอร์ Diode จากเครื่อง Soprano XL โดยมีเครื่องเพื่อสำหรับเซตค่า และมีสายต่อหัวยิงหน้าตาเหมือนปืนอวกาศ  (ตามภาพ)  เจ้าหน้าที่ก็จะเซตค่าให้เราก่อนนะคะว่าควรจะใช้ความแรงระดับไหน แล้วก็ใช้หัวยิงหรือปืนเลเซอร์นั่นแหละค่ะ มาจ่อๆ จี้ๆ ที่ขาเรา ตอนแรกก็คิดว่าจะเจ็บบ้างนิดหน่อย ถึงแม้เค้าจะบอกว่าเครื่องนี้เจ็บน้อยสุด แต่ฟะร้าก็ยังแอบหวั่นใจ  แต่พอลองทำแล้วไม่รู้สึกอะไรเลย แค่รู้สึกว่าหัวยิงนั่นมาจ่อๆ ถูๆ ไถๆ ไปตามขา ทุกรูขุมขนแค่นั้น ตอนโกนขนยังเจ็บกว่าอีก ซึ่งพี่เจ้าหน้าที่ก็จะวนไปมาอยู่ประมาณ 5-6 รอบ เพื่อให้แน่ใจว่ายิงครบทุกรูขุมขนแล้ว จึงทำการทำความสะอาดขา โดยการปาดเจลที่พอกขาอยู่ทิ้ง และใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดให้สะอาด จากนั้นทาครีมที่ช่วยป้องกันการอักเสบและบำรุงผิวให้ด้วย เนื่องจากฟะร้าผิวแห้งมาก (เนื่องจากไม่ค่อยทาครีม ) อาจเกิดการระคายเคืองจากการโกนขนหรือโดนแสงเลเซอร์ได้


ฟะร้าเป็นคนผิวคล้ำ ยิ่งชอบใส่กางเกงหรือกระโปรงสั้นโชว์ขาอยู่บ่อย  ก่อนหน้าที่จะทำเลเซอร์ ก็จะมีไปแวกซ์บ้าง  ถ้าขยัน ไม่งั้นก็บ่อยให้ดำๆ รกชัฎอยู่อย่างนั้น คราวนี้โชคดีได้มีโอกาสมาทดลองทำเลเซอร์ ไดโอด  ก็ช่วยให้ดีขึน 

 


ผ่านเรื่องของการกำจัดด้วย เลเซอร์ กันไปแล้ว ทีนี่ก็มาถึงวิธีกำจัดขนที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติกันมากขึ้นอีกนิดนึง นั่นก็คือการแวกซ์ค่ะ
อย่างที่เกริ่นไปแต่ต้นว่า เป็นการแวกซ์น้องสาหร่ายในส่วนที่บอบบาง งานนี้คงไม่สามารถลงภาพประกอบ before-after หรือระหว่างทำได้ เพราะดูจะเสี่ยงเกินไป แต่ยังไงอาสาสมัครของเราก็รีวิวมาให้ชมกันละเอียดทีเดียวค่ะ

 


 

 ทำการทดลองโดย ป้ากุ้ง

สถานที่ทำการทดลอง : The Waxing Bar (www.thewaxingbar.co.th)


เรื่องการกำจัดขนใต้ร่มผ้าผืน น้อยด้วยวิธีการแวกซ์ เป็นเรื่องที่สาวๆ หลายคนให้ความสนใจ แต่ไม่ค่อยมีใครกล้าหาญมารีวิวให้ฟังกันมากนัก ป้ากุ้งเลยไปเป็นอาสาสมัครเป็นตัวแทนไปลองของ เพราะเคยมีประสบการณ์ในการแวกซ์มาก่อนหน้านั้นบ้างแล้ว (แม้จะไม่บ่อยมาก) แต่ก็ทำให้ลดอาการกลัวเจ็บหรืออายลงไปได้มากโข


งานนี้ทีมงานจีบันส่งป้ากุ้งให้ไปขึ้นเตียงแวกซ์กันที่ The Waxing Bar ที่อยู่ในโครงการโอโซโน ในซอยสุขุมวิท 39  ขอท้าวความนิดนึงแล้วกันว่า ป้ากุ้งเคยมาลองแวกซ์ที่ร้านนี้ครั้งหนึ่งแล้วเมื่อประมาณปลายปีก่อน ตอนนั้นเป็นหนแรกที่ได้ลองแวกซ์เลยจริงๆ และก็ได้คุยกับคุณวรรณนันท์ พิพัฒน์มโนมัย ผู้จัดการร้าน ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการแวกซ์บริเวณเซนซิทีฟของผู้หญิงเราว่า ที่รู้จักกันทั่วไปตอนนี้มี 3 แบบหลัก คือ บิกินี บราซิเลียน และฮอลลีวูด ซึ่งบิกินีจะเป็นการแวกซ์ขนบริเวณขาหนีบในส่วนที่เกินออกมาจากแนวบิกินี ส่วนบราซิเลียนจะเป็นการแวกซ์ขนส่วนใหญ่ออก แต่จะเหลือที่บริเวณตรงกลางไว้ ส่วนฮอลลีวูดก็จะแวกซ์ขนออกทั้งหมดแบบเกลี้ยงเกลา (แต่บางทีก็จะไม่มีฮอลลีวูด จะมีแค่บราซิลเลียน แล้วบอกเจ้าหน้าที่ได้ว่าต้องการจะเหลือส่วนไหน หรือเอาออกให้เป็นเบบี๋เลยก็ได้ อันนี้ขึ้นอยู่กับการตั้งเมนูหรือรายการขายของแต่ละร้านจ้ะ)



ฟังแบบนี้แล้วมือใหม่ที่ยังไม่เคยแวกซ์เลยนั้น บราซิเลียนหรือฮอลลีวูด อาจจะฟังดูน่ากลัวเกินไปหน่อย คุณวรรรณนันท์แนะนำว่า อาจจะลองเลือกทำบิกินีแวกซ์ไปก่อนก็ได้ แล้วค่อยๆ เลื่อนระดับขึ้นไปเป็นบราซิเลียนหรือฮอลลีวูดทีหลัง นอกเหนือจากเป็นการเตรียมผิวให้คุ้นชินกับการแวกซ์แล้ว ยังจะได้รู้ว่าเราชอบใจหรือมีปัญหาอันเนื่องมาจากการแวกซ์ด้วยหรือเปล่า เช่น อาการระคายเคืองหรือแพ้ แต่ไหนๆ มาแวกซ์แล้วทั้งที ก็ขอลองให้สุดๆ ไปเลยละกัน ป้ากุ้งก็เลยขอร่วมก๊วนชาวฮอลลีวูดด้วยคน...กึ๋ย...




นอกเหนือจากเรื่องกลัวเจ็บกลัว อายแล้ว ปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้สาวๆ หลายคนไม่ค่อยอยากแวกซ์คือ ต้องรอขนให้ยาวขึ้นได้ระดับความยาวพอดีที่จะแวกซ์ได้ แต่ที่ร้านก็มีแวกซ์ตัวใหม่ ซึ่งมีส่วนผสมใหม่เป็นพาราฟิน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการถอนเส้นขนที่ยาวเพียงแค่ 1 มิลลิเมตร ให้หลุดออกมาได้ง่ายขึ้นด้วย นอกจากนั้นแวกซ์รุ่นใหม่ๆ ยังมีกลิ่นหอมของผลไม้และดอกไม้ออกมาให้เลือกหลายกลิ่น รวมถึงส่วนผสมของพืชสมุนไพรซึ่งช่วยถนอมผิว ทำให้ผิวมีสภาพเนียมนุ่มหลังการแวกซ์อีกต่างหาก 


 

ขั้นตอน:
ฟังคุณสมบัติชวนเคลิบเคลิ้มกันไปแล้ว เราก็ต้องลองพิสูจน์กันให้เห็นจริง ซึ่งขั้นตอนก่อนจะเข้าห้องแวกซ์ของที่นี่ เขาจะเริ่มจากการล้างเท้าเหมือนสปา และหลังจากกรอกประวัติข้อมูลต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ก็จะให้เลือกแวกซ์และห้องทำทรีตเมนต์ โดยที่นี่จะมีห้องทรีทเมนต์ 4 ห้อง และแต่ละห้องจะมีแวกซ์ที่มีกลิ่นต่างกันไป เป็นกลิ่นประจำของห้องนั้นๆ คือ ชอคโลแกต-ฮาเซลนัท วานิลา เบอร์รี และมะพร้าว แล้วแต่ความเราชอบแบบไหน และกลิ่นไหนที่จะทำให้เรารู้สึกรีแลกซ์ได้มากที่สุด (แต่คุณสมบัติของตัวแวกซ์ที่ใช้ไม่ได้ต่างกัน)  จำไม่ได้แล้วว่าหนแรกเลือกอะไรไป แต่หนที่ 2 นี้เลือกกลิ่นมะพร้าวค่ะ หลังจากนั้นเขาก็จะให้เราเข้าห้องน้ำทำความสะอาดร่างกายบริเวณที่จะแวกซ์และ เปลี่ยนเป็นชุดคลุมพร้อมขึ้นเขียง  




ประสบการณ์ครั้งแรกของผู้หญิงนี่ เป็นเรื่องสำคัญจริงๆ เพราะมันจะทำให้เราตัดสินใจว่าจะมีครั้งต่อไปดีหรือเปล่า (อันนี้หมายถึงการแวกซ์นะคะ อิอิ) จำได้ว่าหนแรกตอนที่ตัดสินใจมาลองทำ ออกจะกลัวเจ็บเพราะมีคนขู่ไว้แยะ แต่พอได้ลองแวกซ์จริง ก็...เจ็บจริงค่ะ   

 
   แต่มันเป็นความเจ็บในระดับที่พอทนได้นะ มันจะเจ็บในระหว่างดึงตัวแวกซ์ออก แต่หลังจากดึงเสร็จแล้ว มันจะไม่เหลือความเจ็บหรือระบมไว้ค่ะ เพียงแต่เราต้องอดทนให้ผ่านช่วงเวลาปฏิบัติการลอกสาหร่ายออกจากข้าวปั้น ประมาณ 30 นาทีนั้นไปให้ได้ 
   เราก็จะได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เหอๆ...  ข้อดีอย่างหนึ่งของที่นี่คือ เรื่องความสะอาดจะมาเป็นอันดับต้นๆ พวกไม้พายป้ายแวกซ์ทั้งหลายจะใช้ครั้งเดียวทิ้ง และเขาจะไม่ใช้พวกลูกกลิ้งที่จะมาไถๆ เก็บรายละเอียดทีหลัง ซึ่งการใช้ลูกกลิ้งจะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง เพราะมันมีการใช้ซ้ำร่วมกับคนอื่น


 


ผลหลังการแวกซ์:
ป้ากุ้งแบ่งระยะเป็น 2 ช่วง คือ หลังจากทำเสร็จทันทีกับระยะติดตามผล หลังทำเสร็จไม่ว่าจะครั้งแรก หรือครั้ง ที่ 2 ที่เว้นระยะห่างกันประมาณ 5-6 เดือน (เพราะมีไปลองใช้บริการที่อื่นด้วย) มาตรฐานการบริการยังดีเหมือนเดิม และได้ผลค่อนข้างน่าพอใจเหมือนครั้งแรก คือถึงจะเปลี่ยนเทอราปิสต์ แต่หลังการแวกซ์ก็ไม่มีอาการระบม หรือลอกคัน และเส้นขนที่หลงเหลือหลังการแวกซ์นั้นน้อยมาก เหลือแค่ความโล่งสบาย วู้วๆ  





(เคยไปใช้บริการบางที่จะมีอาการลอกบ้างเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแพ้แวกซ์หรือเปล่า แต่เทอราปิสต์บอกว่า เป็นอาการปกติ ก็เลยไม่ค่อยมั่นใจ แต่ก็ไม่ได้กลับไปทำที่ร้านนั้นอีกค่ะ สาวๆ คนอื่นๆ มีอาการแบบนี้บ้างไหมเอ่ย)



ระยะติดตามผล : หลังจากให้เวลาสังเกตการณ์ขนที่ขึ้นมาใหม่ จะอ่อนและบางลงกว่าเดิม และขึ้นช้ากว่าเดิมด้วยค่ะ และขนคุดก็ไม่มากนัก (ถ้าใช้พวกครีมทาด้วย ก็จะช่วยได้เยอะ แต่ป้ากุ้งก็ไม่ค่อยทานะ)  พอผ่านครั้งแรกไปด้วยดี ครั้งต่อๆ ไปเราก็จะรู้สึกเจ็บน้อยลง อาจจะเป็นเพราะว่าเราเริ่มชินด้วย อาการเกร็งต่างๆ เลยน้อยลง รวมถึงเส้นขนที่บางลงด้วย ข้อดีของการแวกซ์เป็นเบบี๋เลย นอกจากเรื่องของความสวยงาม ก็คือ เรื่องของความสะอาด และลดการอับชื้นได้ดีจริงๆ นะ  





ข้อควรระวัง ก่อนและหลังการแวกซ์

- บางคนอาจเกิดอาการแพ้แวกซ์ได้ ทางที่ดีก็ควรจะดูว่าแวกซ์ที่ใช้นั้นผ่านการทดสอบเรื่องการแพ้และได้รับการ รับรองทางการแพทย์หรือเปล่า ก็จะช่วยลดการเสี่ยงต่อการแพ้ลงไปได้


- ช่วงมีประจำเดือนหรือคนที่ใช้ยารักษาสิวพวกเรตินเอ และคนที่ผ่านการตากแดดจัดมา จะเป็นช่วงที่ผิวผู้หญิงเราจะเซนซิทีฟเป็นพิเศษ ก็อาจจะเกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย และหลายคนรู้สึกว่าเจ็บมากกว่าปกติ


-การดูแลภายหลังการแวกซ์ ควรจะอาบน้ำเย็นเพื่อช่วยกระชับรูขุมขน และไม่ควรอาบน้ำอุ่นสัก 1-2 วัน เพราะอาจทำให้เกิดอาการแสบ


- ไม่ควรใช้ออยล์ทาในบริเวณที่แวกซ์ เพราะน้ำมันจะเข้าไปอุดตันในรูขุมขน ควรทาครีมหรือโลชันจะดีกว่า


- หลีกเลี่ยงการเสียดสีในบริเวณดังกล่าว เช่น การเกา หรือใส่กางเกงรัดๆ สัก 1-2 วัน



โดยรวมแล้วที่นี่ค่อนข้างจะโดนใจป้ากุ้งหลายอย่าง ทั้งเรื่องสถานที่ มีห้องอาบน้ำให้เป็นสัดเป็นส่วน รวมถึงบรรยากาศแบบรีแลกซ์ ทำให้เราไม่รู้สึกเกร็งมาก โดยเฉพาะคนที่เพิ่งคิดจะมาทำเป็นครั้งแรก แต่จะเหมาะสำหรับคนที่มีเวลาเยอะหน่อยเพราะที่นี่จะชิลๆ ไม่ใช่มาถึงก็เข้าห้องแวกซ์เลย แต่ข้อเสียสำหรับป้ากุ้งก็คงจะเป็นเรื่องการเดินทางที่ค่อนข้างไกลบ้าน และไม่มีสาขาให้เลือกใช้บริการมากนัก (เห็นว่าจะมีเปิดที่พาราไดซ์ พาร์คเร็วๆ นี้ แต่ก็ไกลอยู่ดี)


ส่วนเรื่องราคา ถ้าเทียบกับร้านแวกซ์อื่นๆ ราคาที่นี่จะค่อนข้างสูง แต่ถ้าเทียบกับการบริการและคุณภาพแล้ว ก็คุ้มอยู่ค่ะ


The Waxing Bar โครงการโอโซโน ซอยสุขุมวิท 39 โทร.  02-204-2800     

 



อย่าลืมว่าก่อนจะเชื่อ จะลองใช้ หรือซื้อตาม อยากให้ทุกคนโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านให้ละเอียดนะคะ 

พิเศษ!!!! สำหรับสมาชิกจีบันสามารถปรินท์คูปองไปรับส่วนลดการใช้บริการต่างๆ ได้ที่  Beauty Offer จ้า~!

 

Discussion (46)

การดูแลผิวให้สวยหลังการแว็กซ์ขน ลองดูนะคะอาฟเตอร์แว็กซ์เจลสูตรอ่อนละมุนต่อผิวกลิ่นดีและใช้งานได้ง่ายสุด พอดีสุดค่ะ http://goo.gl/dKb5JE
ทำที่APEX ผื่นขึ้นเต็มขาเหมือนกันคะ แล้วก็ทิ้งรอยดำไว้ ปรึกษาหมอที่APEX ว่าทำไมเป็นก็ได้คำตอบว่า มันต้องเป็นงี้อยู่แล้ว ก็แบบเอิ่ม ทำไงต่อละ ไม่อยากมีขนแต่ก็ไม่อยากขาลายด้วย แพทย์แถบไม่สนใจเลยคะ แถมเสียค่ายามาทาที่พารากอนคะ เลยไปถามคุณหมอที่เอ็มโพเรี่ยม คุณหมอน่ารักพูดจาดีคะ อธิบายให้ฟังว่าอาจจัเกิดจากการไหม้ของรูขุมขนทำให้เกิดการแพ้ระคายเคือง ก็ให้ยามาทาคะแต่ฟรีนะ
อยากรู้อ่ะ
เราไปทำ Yag แบบ บราซิลเลี่ยนมาที่ immagini เพิ่งทำไป 1 ครั้ง แต่ทั้งคอร์ส ยังเหลืออีก 7 ครั้ง คอร์สละ 15,000 จ่ายครั้งแรกเข้า ยังไม่รวมค่ายาชาอีกครั้งละ 600 และยาทาหลังทำเลเซอร์ 200 ตอนนี้ขนเริ่มขึ้นมาบ้างแล้ว แต่เจอะเจอเป็นขนขาด หรือหลุดติด กกน. เดี๋ยวเดือนหน้าไปทำครั้งที่ 2 ต่อ จะเข้ามาแชร์ให้ฟังนะคะ ว่าดี หรือไม่ดียังไง
เราขอเอี่ยว เราไปทำกำจัดขนรักแร้มาที่ยันฮีแต่ไม่ใช่เลเซอร์นะ เป็นคลื่นRF คอสละ16,000 บาทการันตีเลยเพื่อนที่ทำงานทำมาแล้วหมดเกลี้ยง..เรารอวันหมดอยู่ดีกว่าเลเซอร์นะ