รู้ทันคำโฆษณาของBA
missuna4ก่อนอื่นขอขอบคุณเครดิตจากพี่ปูเป้ค่ะ http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q6597871/Q6597871.html
รู้ไว้ใช่ว่า จะได้ไม่โดนโฆษณาและ BA ตามเคาเตอร์หลอกเอา
สวัสดีอีกครั้งนะขอรับทุกท่าน หลังจากกระทู้เปิดตัวได้รับการต้อนรับจากทุกท่านเป็นอย่างดี ปูเป้ปลื้มใจมากขอรับ วันนี้ก็เลยมีเรื่องเล็ก ๆ น้อยๆ มาเล่าสู่กันฟัง
ตามประสาคนที่ชอบดูแลตัวเองนะครับ เมื่อก่อนนี่จะสมัครเป็นสมาชิกนิตยสารไว้หลายฉบับมาก อะไรออกใหม่ ตัวไหนกำลังดัง ต้องรู้ให้หมด กลัวจะเชย ก็เลยตกเป็นทาสของการตลาดแบบสมบูรณ์แบบครับ ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ แล้วก้เป็นคนที่ชอบไปแอ่วตามเคาเตอร์มาก ๆ เช่นกัน ถูกห้อมล้อมไปด้วยเครื่องสำอางค์มากมายรู้สึกเหมือนอยู่ในสวรรค์ ส่วนเหล่า BA นี่ก็เห็นเป็นนางฟ้าเลยสมัยก่อน พูดอะไรมาก็เชื่อ เพราะคิดว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ รู้ดี รู้เยอะ...
แต่ปัจจุบัน คนที่น่ารัก โง่ ๆ ซื่อ ๆ คนนั้นได้ตายหายไปจากชีวิตของปูเป้แล้วขอรับ เหมือนตัวละครในนิยายที่ต้องพ่ายแพ้ไปก่อนแล้วค่อยฟื้นกลับมาใหม่แบบพาเวอร์อัพ ตอนนี้พรรษาแก่กล้าครับ รู้เยอะกว่าแต่ก่อน พวกคำโฆษณา คำบอกที่ฟังดูดีเมื่อก่อน ตอนนี้ได้ฟังทีนี่ฮาเหมือนดูตลกคาเฟ่ยังไงอย่างงั้น แต่ก็จะทำเป็นนิ่ง ๆ เงียบๆ ฟัง ๆ ไปนะครับ ไม่อยากจะไปย้อนอะไรพวกหล่อนมาก กลัวเป็นข่าวหน้าหนึ่งตามหนังสือพิมพ์ โดนด้ามแปรงปัดแก้มเสียบพุงตายอนาถ
ตัวปูเป้เองก็ไมได้เก่งกาจฉลาดเลิศหรือจบดอกเตอร์ด้านผิวหนังมาจากไหน แต่อาศัยประสบการณ์ 14 ปี ที่ผ่านมาในการลองผิดลองถูกเป็นบทเรียนสำคัญ กอปรกับความรู้จากในหนังสือที่เนื้อหาและหลักฐานการวิจัยค่อนข้างแน่นและน่าเชื่อถือครับ ใครคิดเห็นด้วยไม่เห็นด้วยยังไงก็ Comment แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างสุภาพนะขอรับ
เกริ่นมาเยอะแล้ว มาลองดูกันดีกว่าว่าปูเป้เจอคำโฆษณาอะไรที่น่าสนใจและคิดว่าทุกคนน่าจะได้เคยได้ยินมาบ้างไม่มากก็น้อย
จากพี่ BA เวชสำอางค์ ยี่ห้อขึ้นต้นด้วยตัว V
"แบรนด์ของเราเป็นเวชสำอางค์นะคะ ทีมแพทย์ผิวหนังของเราบรรจงสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ ใช้แล้วไม่แพ้แน่นอนค่ะเพราะผ่านการทดสอบทางคลีนิคแล้วว่าเป็น Hypoallergenic จึงปลอดภัย"
เอ่อ ฟังดูน่าเชื่อถือ ดูดี มีหมอผิวหนังมารับรองฟันธงการันตีว่าดีเลิศ แต่มันไม่จริงซะทีเดียวหรอกนะครับ เวชสำอางค์สำหรับผิวแพ้ง่าย...แต่ ครีมทาหน้ามีทั้งสี ทั้งน้ำหอม โทนเนอร์นี่แอลกฮอล์ตรึม อยากจะถามครับว่าแพทย์ผิวหนังคนไหนที่แบรนด์นั้นเป็นคนจ้างมาทำงาน จบสถาบันไหนมาเนี่ยอยากรู้จริงๆ
ที่บอกก็คืออยากให้ระวังตัวไว้หน่อยครับ อย่าซื้อเพียงเพราะว่าเป็นเวชสำอางค์และบอกไว้ว่าสำหรับผิวแพ้ง่าย ถ้าอ่านส่วนผสมแล้วจะซึ้งเลยครับว่าเวชสำอางค์ที่ขายกันดาษดื่นตามร้านขายยาในปัจจุบันนี้ เกินครึ่งมีส่วนผสมที่ทำให้ผิวระคายเคือง มันสำหรับผิวแพ้ง่ายตรงไหน???????????? แล้วทาง FDA ไม่ได้กำหนดมาตราฐานในการทดสอบการแพ้พวกนี้เอาไว้นะครับ ดังนั้นไม่ว่ายี่ห้อไหนก็สามารถอ้างได้ทั้งนั้น แค่ให้แพทย์ผิวหนังยกครีมมาดู ๆ แล้วบอกว่าใช้ได้ ก็สามารถแปะข้างกล่องได้แล้วว่า dermatologist tested
จากพี่ BA แบรนด์เครื่องสำอางแนวธรรมชาติจ๋า ขึ้นต้นด้วย O
"สวัสดีค่ะ สนใจผลิตภัณฑ์ตัวไหนคะ? แบรนด์ของเรามุ่งเน้นให้ผู้ใช้ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ผ่อนคลาย สินต้าของเราทุกตัวใช้สารสกัดธรรมชาติคุณภาพดีค่ะ ไม่มีสารเคมีเลยนะคะ จากธรรมชาติล้วน ๆ เลยไม่ต้องห่วงเรื่องอาการแพ้เลยค่ะ แล้วแบรนด์ของเราก็ไม่ทดลองกับสัตว์จึงช่วยพิทักษ์สรรพสัตว์ด้วยนะคะ
โอ้โห เหมือนใช้ไปแล้วได้เป็นขบวนการ 5 สี พิทักษ์โลก เรื่องไม่ทดลองกับสัตว์นี่ก็ฟังดูดีนะครับ แต่มันเกี่ยวอะไรกับประสิทธิภาพของครีม? ไม่เกี่ยวก็ตัดไป แต่ติดใจกับคำว่า "มาจากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมี" ปูเป้เรียนวิทย์กายตอนประถม เขาสอนว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นองประกอบทางเคมีทั้งนั้น คุณพี่จบมาจากสถาบันไหนหรอคับ ผมจะไปฟ้องกระทรวงศึกษาให้ปิดโรงเรียน ถ้าต้องการสื่อว่า เป็นสารเคมีจากธรรมชาติ ไม่ใช่สารเคมีสังเคราะห์ แต่สารจากธรรมชาติไม่ได้หมายความว่ามันจะดีกับผิวนี่ครับ หมามุ่ย ตำแย นี่ก็ธรรมชาตินะครับพี่
สารสกัดธรรมชาติก็มีดีหลายตัวนะครับ แต่ก็มีหลายตัวมีที่ผลเสียกับผิวเหมือนกัน โดยเฉพาะพวก Essential Oil หรือพวกน้ำมันหอมระเหย ที่มีผลเชิงบวกต่อเมื่อสูดดม แต่ถ้าทาไปบนผิวจะเกิดผลเชิงลบกับผิว ยกตัวอย่างเช่น Lavender Oil ที่มีกลิ่นทำให้ผ่อนคลาย แต่ถ้าทาผิวมันจะทำลายเซล์ผิวนะ Orange Oil ที่มีกลิ่นทำให้สดชื่น แต่ถ้าทาลงบนผิวจะทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้นเป็นต้น บางคนก็บอกกับผมว่าเขาก็ใช้ได้ไม่มีปัญหา แต่ปูเป้ว่า ในเมื่อมันไม่มีประโยชน์กับผิวแถมยังมีโอกาสเสี่ยงทำให้เกิดอาการแพ้ได้อีก เราจะไปใช้ทำไมล่ะครับ? ถ้าผิวบอบบางจริง ๆ เลี่ยงได้ก็เลี่ยงดีกว่านะครับ
"เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด แนะนำให้ใช้ครบเซ็ทนะคะ จึงจะเห็นผล"
มาอีกแล้ว การตลาดแบบคลาสสิค ถ้าต้องใช้ทั้งเซ็ทแล้วถึงเห็นผล ผมไปเอาเงินไปซื้อครีมที่แค่ใช้ตัวเดียวก็เห็นผลแล้วดีกว่าป่ะครับพี่ ผลิตภัณฑ์หลาย ๆ ตัวก็เป็นอะไรที่ไม่จำเป็นเลย แล้วออกมาเป็นชุด ทั้งชุดมี 10 อย่าง แต่ที่ส่วนผสมดี ๆ อาจจะมีแค่เอสเซ้นส์แค่ตัวเดียว นอกนั้นเป็นของทำมาแปะ ๆให้มันเต็ม ๆ เป็นตัวประกอบ งเงินเราหายาก เราก็ต้องเลือกใช้แต่เฉพาะของที่ดีที่สุดเท่านั้น จริงมะคับ
"โทนเนอร์นี่จำเป็นมาก ๆ เลยนะคะ เพราะมันช่วยปรับค่า PH ที่เป็นด่างของผิวหลังล้างหน้าให้เป็นกรดอ่อนเหมือนผิวสุขภาพดี แล้วยังช่วยเตรียมผิวให้พร้อมกับการบำรุงในขั้นต่อไปด้วยนะคะ"
อืม ฟังดูดีเหมือนมีข้อมูล แต่แท้จริงแล้วเป็นการประจานสินค้าของตัวเองเลยนะครับนั่น การที่สภาพผิวหน้าจะเป็นด่างได้ก็ต้องใช้คลีนเซอร์ที่เป็น สบู่ก้อน หรือโฟมที่มีสารทำความสะอาดพวก Potassium ซึ่งไม่เหมาะกับผิวประเภทไหนทั้งสิ้น นอกจากจะทำให้ผิวแห้ง ระคายเคืองแล้ว ยังสามารถทำให้ผิวอุดตันได้อีกด้วย ดังนั้นหากใช้คลีนเซอร์ที่อ่อนโยนแล้ว โทนเนอร์จึงไม่ใช่สิ่งจำเป็นเลยครับ แต่ถ้าอยากจะใช้ก็แนะนำให้ใช้โทนเนอร์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์ เมนทอล มินท์ หรือส่วนผสมที่ทำให้ผิวระคายเคืองต่างๆนะครับ
จาก BA เครื่องสำอางค์ยี่ห้อ C...
"สวัสดีครับ ตอนนี้แบรนด์เราออก Skincare เพื่อผิวที่แตกต่างของผู้ชายโดนเฉพาะเลยนะครับ"
จริงไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมีเครื่องสำอางค์สำหรับผู้ชาย เพราะจริงๆแล้วสิ่งที่ต่างกันระหว่างผิวผู้ชายคือ ผิวผู้ชายหนากว่า หยาบกว่า มันกว่า จบแล้ว แค่เลือกใช้ของที่มีขายอยู่ดาษดื่นให้เหมาะกับผิวก็จบแล้ว skincare สำหรับผู้ชายเป็นการตลาดอย่างนึงครับ ที่แตกต่างกันแค่แพคเกจ กับที่สำคัญ "กลิ่นของน้ำหอม" ซึ่งมันไม่ได้ดีกับผิวของผู้ชายโดนเฉพาะแต่อย่างไร ส่วนใหญ่แล้วจะมีส่วนผสมที่มั่วนิ่มกันเองว่าผู้ชายจะชอบ เช่น มิ้นท์ เมนทอล ซึ่งทำให้ผิวระคายเคืองได้ครับ แล้วเครื่องสำอางค์ผู้ชายมักมีให้เลือกไม่หลากหลาย ทำให้เลือกของที่ส่วนผสมดี ๆ จริงๆก็หาได้ยากกว่าเครื่องสำอางค์ผู้หญิงอีก แล้วเดี๋ยวนี้มันยุคไหนแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครเห็นผู้ชายเจ้าสำอางเป็นตัวตลกแล้วครับ อย่าเหนียมไปหน่อยเลยน่า
จากคนขายเครื่องสำอางค์แบบขายตรงยี่ห้อหนึ่ง
"แบรนด์ของเราติดอันดับขายดี 1 ใน 5ของโลกเลยนะคะ สินค้าทุกตัวล้วนวิจัยมาจากห้องทดลองระดับโลก และจดสิทธิบัตรด้วยค่ะ จึงเป็นสูตรลิขสิทธิ์เฉพาะของเราเท่านั้น จึงมั่นใจได้ว่าคุณจะได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี ที่ไม่สามารถหาได้จากแบรนด์อื่น ๆ"
โอ............. จิงหรอ? ยอดขายไม่สามารถการันตีได้หรอกนะครับว่าของที่ขายได้เยอะจะเป็นของดี เพราะพวกนี้มันเป็นเรื่องของการตลาด จึงไม่นับ ส่วนเรื่องสูตรลิขสิทธิ์ หรือ Patented Formular นี่อธิบายได้ว่า การจดสิทธิบัตรนั้น มีข้อกำหนเเพียงแค่ว่า สิ่งที่นำมาจดนั้นจะต้องไม่ซ้ำกับใคร เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ก็เท่านั้นครับ ไม่ได้กำหนดว่ามันจะต้องดีเลิศเลอ หรือใช้งานได้จริง แล้วอีกอย่าง พวกสูตรเฉพาะเหล่านี้มักมีแค่การวิจัยของผู้ผลิตเท่านั้น ไม่ได้มีการวิจัยทดลองกันอย่างแพร่หลายและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ข้อนี้จึงรับฟังไม่ขึ้นอีกเช่นกัน
"เซ็ทนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ผิวมันเป็นสิวง่ายนะคะ ช่วยในการรักษาสิวและรอยสิวได้ด้วยค่ะ"
ผมไม่เข้าจ๊าย ไม่เข้าใจ ว่าทำไมผลิตภัณฑ์สำหรับผิวเป็นสิวหรือรักษาสิว มันมักทำให้สิวลามเร็วยิ่งกว่าข่าวซุบซิบนินทา กลายเป็นว่า ถ้าไม่อยากเป็นสิวต้องห้ามใช้กลุ่มสำหรับรักษาสิวไปซะนั่น แล้วใครคนไหนเป็นคนบัญญิติหรือครับว่าแอลกอฮอล์รักษาสิวได้ เห็นตะบี๊ตะบันใส่กันจัง ทั้งๆที่มันมีแต่ทำให้ผิวที่มันอยู่แล้ว มันมากกว่าเดิมเพราะระคายเคือง ทำให้สิวที่แย่อยู่แล้ว ยิ่งอักเสบขึ้นไปอีก
ถ้าเป็นสิวแวะร้านขายยา ซื้อยา Benzac AC หลอดละ 3 ร้อยกว่าบาท ใช้คู่กับคลีนเซอร์ชนิดอ่อนโยน กันแดดเบา ๆ ยังจะดีกว่านะครับ
ส่วนเรื่องรอยสิวแดง ๆ นี่เป็น Inflamation หรือการอักเสบของผิวนะครับ ไม่ใช่ Heper pigmentation หรือเกิดจากเมลานิน ไม่มีเครื่องสำอางค์ยี่ห้อไหนลดรอยแดงจากสิวได้ครับ เพราะตัวที่ช่วยลดได้ก็เป็นยากลุ่มวิตามิน A ครับ ซึ่งต้องซื้อในร้านขายยาเท่านั้น
"สบู่ตัวนี้ดีมาก ๆ ค่ะ ใช้แล้วลดสิว ลดฝ้า หน้าไม่มัน ผิวขาวขึ้น คุ้มจริง ๆ ค่ะ"
สบู่เทพหรอคับ ถ้ามันทำได้จริงป่านนี้คงคงใช้แค่สบู่กันแล้วหน้าใสปิ้งเหมือนดารากันทั้งบ้านทั้งเมืองไปแล้ว
"สูตรนี้ไม่อุดตันผิวนะคะ ใช้แล้วสิวไม่ขึ้นเพราะว่าเป็น Non - Comedogenic Non - Acnegenic"
ถ้ามันมีจริง ๆ ก็ดีน่ะสิครับ ครีมในฝันแบบนี้ ความเป็นจริงที่ทำให้ตื่นจากฝันคือ ส่วนผสมทุกอย่างในเครื่องสำอาง นอกจากน้ำแล้ว มันอุดตันผิวได้หมดแหล่ะครับ แค่มีโอกาสมากหรือน้อยก็แค่นั้นเอง ผมเจอบ่อยมากเลยที่ข้างกล่องแปะว่าเป็น Non - Comedogenic แต่เนื้อทั้งหนักทั้งหนึบอย่างกะกาวลาเท๊กซ์ ปาร์ตี้สิวครื้นเครงออกมาวาดลวดลายเต็มหน้าตามระเบียบครับ
"เหมาะกับผิวมันเพราะเป็นสูตร Oil-Free"
นี่ก็ตลกร้ายอีกแล้ว Oil-Free ก็แค่บอกไว้ว่าไม่มีน้ำมัน(ที่อยู่ในรูปแบบที่เรารู้จัก) ก้แค่นั้น แต่ส่วนผสมเครื่องสำอางค์ โดยเฉพาะเนื้อครีม อีมัลชั่น โลชั่น จะมีตัวทำให้ข้น หรือ Thickener ซึ่งก็สามารถอุดตันผิวหรือทำให้เหนอะหน้าได้อยู่ดี ดังนั้นบ่อยไปที่ใช้พวก Oil-Free แล้วหน้ามันแว๊บ หรือใครว่าผมพูดไม่จริง?
"ที่แบรนด์ของเราแพง ก็เพราะว่าเราใช้แต่ส่วนผสมคุณภาพสูงสุดและมีคุณภาพ จึงมีราคาสูงค่ะ"
จริง ๆ แล้ว ส่วนผสมต่าง ๆ ที่ใส่กันลงไปในเครื่องสำอาง มีแหล่งมาจากไม่กี่ที่หรอกครับ แล้วมันก็มีแค่ Industrial Grade กับ Cosmetic Grade ด้วย ส่วนผสมชื่อเดียวกันไม่ว่าจะในครีมขวดละ 400 หรือขวดละ 4000 มันก็มาจากโรงงานเดียวกันแหล่ะครับ มันแพงก็แพงค่าโง่เรานี่แหล่ะครับ ค่าโฆษณา ค่านางแบบ ค่าการตลาด ค่าของแถม ของทดลอง ของแจก ค่าจ้างพนักงานขาย โบนัสผู้จัดการ ค่าน้ำมันรถผู้บริหาร มันก็ไปรวมอยู่ในต้นทุนของครีมราคาแพง ๆ ทั้งหลายนั่นแหล่ะครับ แต่มีเงินซื้อก็ซื้อไปครับ เป็นเรื่องส่วนตัว ปูเป้แค่เห็นว่า ถ้าของที่มันถูกกว่าก็ดีเทียบเท่าหรือในบางครั้งมันดีกว่าเสียอีก จะเสียเงินไปซื้อของแพง ๆ ทำไมล่ะ?
"ไลน์ของตัวนี้สำหรับผิววัย 25 - 30 ปีนะคะ ส่วนอันนี้สำหรับผิว 30 - 40 ปี ส่วนอันนี้ สำหรับผิววัย 40 ขึ้นไปค่ะ"
มันเป็นครีมมหัศจรรย์หรอครับ ถึงรู้อายุของผิวได้ แล้วผิวทำไมผิวช่วงวัย 40 - 80 นี่มันใช้เหมือนกันล่ะครับ ทำไมถึงมีความเหลื่อมล้ำขนาดนั้นล่ะ?
จริง ๆ แล้วมันก้เป็นเรื่องของการตลาดอีกแล้วครับท่าน เพราะว่าของสำหรับผิวอายุเยอะมักราคาแพงและอวดอ้างว่าลบริ้วรอยได้ (ซึ่ง.... ไม่จริงหรอก)
ความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่แตกต่างกันในช่วงวัย ก็คือ ผิวของเด็กจะสมบูรณ์ดีไม่ต้องเพิ่มเติมอะไรมากแค่ทากันแดดก็เพียงพอแล้ว พอเป็นวัยรุ่นฮอร์โมนก็จะทำให้ผิวมันมีปัญหาสิวก็ พอเริ่มมีอายุมากขึ้นหน้าไม่ค่อยมันแล้วจะเป็นไปทางผิวผสมซะมากกว่า พอมาถึงวัยหมอฮอร์โมนหมดผิวก็จะแห้ง
จากที่กล่าวมา แล้วไม่ว่าผิวในช่วงวัยไหนก็ต้องการสิ่งสำคัญไม่ต่างกัน ก็ คือต้องการ Skincare ที่เหมาะกับสภาพผิวในตอนนั้น ๆ ไม่มีส่วนผสมที่ระคายเคือง และมีสารบำรุงทั้งแอนติออกซิแดนท์ สาร Cell Signaling ที่ทำให้ผิวทำงานได้อย่างปกติ เช่น เรตินอล หรือวิตามิน B3 และใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ขึ้นไป และต้องป้องกันรังสี UV-A ได้ด้วย
"ตอนนี้แบรนด์เราออกไลน์ใหม่ออกมา เหมือนกับทำทรีตเมนท์โดยแพทย์ผิวหนัง แต่คุณทำเองได้ที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็น Botox หรือ Dermabration ลบริ้วรอยโดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอหรือเข็มฉีดยาให้เจ็บตัวค่ะ"
ฟังดูวิเศษสุด ๆ หมอศัลยกรรมตกงานไปกวาดถนนกันหมดทั้งโลกแน่นอนครับ ถ้ามันทำได้จริงอย่างที่อ้าง...... ไม่อยากจะทำลายความฝันของสาว ๆ นะครับ แต่มันเป็นความจริงที่ว่า ริ้วรอยเล็ก ๆ สามารถลดเลือนได้โดยครีมที่มีส่วนผสมดี ๆ เพราะมันทำให้เซลผิวอิ่มเอิบขึ้นจนทำให้ริ้วรอยดูจางลง แต่กับความหย่อนคล้อย ร้อวรอยลึกทั้งหลาย มันมีปัจจัยในระดับที่ลึกกว่านั้นไม่ว่าจะมาจาก
- ความเสียหายจากแสงแดด จะเข้าข้างตัวเองไปหน่อย ที่ผิวเสียจากการไม่ได้ป้องกันแสงแดดมาหลายสิบปี จะสามารถแก้ไขได้ด้วยครีมกระปุกเดียว ไม่มีวันซะหรอกครับ รู้แล้วก็ต้องทากันแดดทุกวันนะครับ ยังไงป้องกันไว้ก้ดีกว่ามาตามแก้แน่นอน
- การลดลงของเซลไขมันใต้ผิวหนัง อายุมากขึ้นผิวก็จะไม่เต่งตึงส่วนนึงก็เกิดจากการลดลงของเซลไขมันใต้ผิว ซึ่งไม่มีเครื่องสำอางตัวใดสามารถกระตุ้นกระบวนการนี้ได้ครับ ต้องให้หมอฉีดให้อย่างเดียว
- กรรมพันธุ์ อันนี้โทษใครไม่ได้นะครับ แก้ไขไม่ได้ด้วย ต้องตัดต่อยีนส์เอาอย่างเดียวเหมือนกัน
- การเสื่อมของเซล์ อันนี้ไม่มีทางแก้ครับ ยิ่งอายุเรามากขึ้น ประสิทธิภาพในการซ่อมแซมของเซลผิวจจะน้อยลง ๆ ไปเรื่อยๆ หากมีครีมตัวไหนอวดอ้างว่าสามารถย้อนกระบวนการนี้ให้ทำงานได้จริง ๆ ล่ะก็ คนเราก็จะไม่มีวันแก่ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องมะเร็งเลยครับ กลายเเป็นเรื่องที่จิ๊บจ๊อยกว่ารักษาไข้หวัดอีก
ดังนั้นใครที่คิดว่าจะยกเลิดนัดหมอเพียงเพราะซื้อครีมทาผิวที่อ้างสรรพคุณเหล่านี้ ก็คิดดี ๆ อีกรอบนะครับ
ก็พอหอมปากหอมคอนะครับ สำหรับหัวข้อในวันนี้ หวังว่าจะได้สาระและความบันเทิงไปไม่มากก็น้อยนะครับ
คราวหน้าจะมาเล่าวิธีการเลือกซื้อ Skincare แต่ละอย่างตามสไตล์ของปูเป้ครับ ว่ามีการให้คะแนนตัดสินยังไง ยังไงก็ติดตามกันด้วยนะขอรับ
ใครอยากรู้เรื่องส่วนผสมในเครื่องสำอางนี่ แนะนำ Blog ของคุณพี่ phoebe ที่เคารพเลยขอรับ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=phoebe
ส่วนใครอยากรู้เรื่องส่วนผสมในเครื่องสำอาง ตัวไหนทำหน้าที่อะไร ดีไม่ดียังไง ก็แวะชมที่นี่ได้อีกที่นะครับ
http://www.cosmeticscop.com/learn/cosmetic_dictionary.asp?id=6&letter=A
ดูกระทู้ Review ของใช้ประจำวันของปูเป้ได้ที่นี่ครับ
http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q6592239/Q6592239.html
เคล็ด(ไม่ลับ) ในการเลือกซื้อเครื่องสำอาง สไตล์ PuPe
http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q6600251/Q6600251.html
Dermatologist Tested นั้นท่านได้แต่ใดมา ???
http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q6603606/Q6603606.html
Discussion (4)
แล้วพี่ BA ก็จะ ยิ้มหน้าสวยเข้ามา แล้วพูดว่า
รับเลยไหมคะ (แล้วทำตาเป็นประกาย ปิ๊งๆ)
โฮกกกกกกกก****
ยืนแทบมิไหว รับมิได้ค่า มาดูเฉยๆ ( ถ้าเลขศูนย์ ไม่มีค่า ก็ดีดิ 5+)