เอาวิธีดูแลมือ เท้า และ เล็บมาฝากค่ะ
paranoisch8พอดีไปอ่านเจอค่ะ จากเวป For Mum and Me, lady library
http://www.formumandme.com/article.php?a=590
เป็นบทความจาก ELLE ค่ะ น่าสนใจดีนะ แต่ย้าวว ยาว อ่านแล้วแอบมึน
http://www.formumandme.com/article.php?a=590
เป็นบทความจาก ELLE ค่ะ น่าสนใจดีนะ แต่ย้าวว ยาว อ่านแล้วแอบมึน
เคล็ดลับดูแลมือและเล็บ
1. ท่าบริหารที่จะช่วยให้มือและข้อมือเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นและกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต คือ กำหมัดให้แน่นแล้วยืดนิ้วออกให้กว้างที่สุด ค้างไว้ 2 วินาที ทำซ้ำอีก 6 ครั้ง ทั้งสองมือ
2. เพิ่มความยืดหยุ่นให้มือด้วยการบีบลูกบอลนิ่มๆ ไว้ในฝ่ามือแล้วใช้นิ้วบีบให้แน่น ทำซ้ำจนรู้สึกเมื่อยจึงเปลี่ยนข้าง
3. หากมือแห้ง ล้างมือด้วยเกลือป่นเล็กน้อย เช็ดให้แห้งแล้วชโลมโลชั่นให้ทั่วมือ
4. พกครีมทามือขนาดเล็กไปด้วยทุกครั้งและหมั่นทาครีมเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังล้างมือ
5. สูตรน้ำผึ้งบำรุงมือให้ชุ่มชื่นคือ ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา น้ำมันพืช 1 ช้อนชา น้ำมะนาว 1/4 ช้อนชา นวดมือ 10 นาทีแล้วล้างออก มือจะนุ่มชุ่มชื่นขึ้น
6. คลายความเมื่อยล้าให้นิ้วมือและฝ่ามือด้วยการบีบโลชั่นลงบนฝ่ามือข้างใดข้างหนึ่ง ใช้นิ้วโป้งของมืออีกข้างช่วยนวดฝ่ามือ โดยนวดจากโคนถึงปลายนิ้ว จะช่วยให้คลายเมื่อยได้ดีในระหว่างวัน
7. ควรทาโลชั่นที่มีส่วนผสมของสารกันแดดเมื่อต้องออกไปข้างนอกเพื่อป้องกันมือเหี่ยวย่นและหมองคล้ำ
8. หลังล้างมือควรเช็ดมือให้แห้ง เพราะน้ำที่หลงเหลืออยู่บนมือขณะระเหยจะพาความชุ่มชื่นไปด้วย
9. ควรสวมถุงมือหากต้องสัมผัสสารเคมีต่างๆ หรือการทำงานหนักๆ เช่น ล้างจาน ล้างรถ ทำสวน เป็นต้น
10. ดื่มน้ำแครอทคั้นสดวันละ 1 แก้วทุกวัน จะช่วยให้เล็บแข็งแรง เพราะน้ำแครอทอุดมไปด้วยแคลเซียม และฟอสฟอรัส
11. บำรุงเล็บที่เปราะบาง หรือเป็นสะเก็ด โดยกินสารอาหารหลัก เช่น แคลเซียมจากนม กรดไขมันโอเมก้า 3 จากปลาที่มีไขมันมาก ๆ วิตามินซีจากผักและผลไม้สด และสังกะสีจากอาหารทะเลและสัตว์ปีก
12. รับประทานสารอาหารจำพวกโปรตีนเพื่อป้องกันการเกิดรอยเส้นขาวๆพาดกลางเล็บ
13. เล็บติดเชื้อรา ใช้น้ำมันมะกรูดหรือน้ำมันทีทรี ( tea tree oil ) ทาบ่อย ๆ โดยใช้สำลีจุ่มน้ำมันแต้มที่เล็บและหนังโดยตรง
14. วิธีทำให้เล็บเงางามแบบง่าย ๆ ได้แก่ ใช้บาล์มถูเล็บเบา ๆ แล้วเช็ดออกด้วยผ้านุ่ม
15. แช่เล็บในอ่างที่ผสมน้ำมะนาว 1 ช้อนชา กับ น้ำสะอาด 1 แก้ว จะช่วยขจัดคราบเหลืองบนเล็บ
16. อย่ากัดเล็บ นอกจากจะเสียบุคลิกแล้ว ยังทำให้เล็บบิ่น แหว่ง ไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่ง วิธีแก้ไขคือให้พกกรรไกรตัดเล็บไว้ในกระเป๋า หรือลิ้นชักที่ทำงาน เป็นตัวแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
17. หากชื่นชอบการทาเล็บ ควรพักให้เล็บได้หายใจบ้างอย่างน้อย 1 อาทิตย์ ภายใน 1 เดือนเพื่อป้องกันเล็บเป็นคราบเหลืองและแห้งเปราะ
18. เช็ดยาทาเล็บออกด้วยน้ำยาล้างเล็บที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ โดยแช่บนเล็บไว้สักพักแล้วค่อยลูบออกอย่างเบามือ
19. ตะไบเล็บไปทางเดียวกัน ไม่ควรถูไปมา และควรหลีกเลี่ยงตะไบเหล็กเพราะอาจทำให้เล็บเปราะได้ จากนั้นใช้ตะไบสำหรับให้เล็บมันเงาถูเบาๆ จากบริเวณเหนือจมูกเล็บจนถึงปลายเล็บ
20. เมื่อเตรียมเล็บพร้อมแล้ว ควรลองพื้นด้วยเบสก่อน จากนั้นตามด้วยสีทาเล็บ 2 รอบ แล้วปิดท้ายด้วยการเคลือบเล็บอีกครั้ง และเพื่อให้สีเล็บติดทนนานควรเคลือบเล็บทุก ๆ 3 - 4 วัน
21. กรณีเกิดรอยขีดข่วนกลางเล็บขณะที่สียังไม่แห้ง ใช้นิ้วแตะน้ำยาล้างเล็บแล้วแต้มเบาๆที่รอยเพื่อให้เจือจางเล็กน้อย จากนั้นใช้สีทาเล็บทา 1 รอบ ตามด้วยน้ำยาเคลือบเล็บ
22. หากสีเล็บหลุดลอกบริเวณปลายเล็บ ใช้สีทาเล็บเพียงเล็กน้อยแตะเบาๆบริเวณที่สีหลุด ทิ้งไว้สักพักแล้วทาสีทับทั้งเล็บอีกครั้ง แล้วปิดท้ายด้วยน้ำยาเคลือบเล็บ
23. วิธีปรนนิบติเล็บสวยอย่างง่ายๆ
- แช่เล็บในน้ำอุ่นโดยหยดน้ำมันมะกอกหรือเบบี้ออยล์ประมาณ 2-3 หยดเพื่อให้เล็บนุ่ม
- ใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อกำจัดจมูกเล็บทาไปตามขอบเล็บ
- ใช้ไม้ปลายเฉียงพันด้วยสำลีบางๆที่ปลาย ดันเบา ๆ รอบด้าน ไม่ควรดันเล็บขณะเล็บแห้ง จากนั้นตามด้วยออยล์บำรุงรอบเล็บ
24. เคลือบเงาเล็บโดยใช้ยาทาเล็บชนิดใสหรือสีชมพูจางเพื่อให้มือสวยสุขภาพดี
25. เพ้นต์เล็บด้วยตนเอง เพียงใช้สีทาเล็บที่เข้ากันสัก 3 - 4 สี พร้อมยาเคลือบเล็บแบบใส 1 ขวด สีอะคริลิก 1 กล่อง พู่กันเบอร์ 1 และเบอร์ 2 แล้วละเลงลวดลายตามชอบ ดังนี้
- คิดลายไว้ในใจ เตรียมสีที่จะต้องใช้
- ผสมสีอะคริลิกไว้ในจานสี
- เริ่มรองพื้นเล็บด้วยยาทาเล็บสีที่ต้องการ
- ใช้พู่กันเบอร์ 1 หรือ เบอร์ 2 ที่มีปลายเรียวเล็กจุ่มสีอะคริลิกวาดลวดลายได้เลย
- ทิ้งไว้ให้แห้งสนิท แล้วเคลือบเล็บที่เพ้นต์แล้วด้วยยาเคลือบเล็บแบบใส
เคล็ดลับดูแลเท้า
26. วิธีหนึ่งที่ช่วยขจัดกลิ่นเท้า และผลัดเซลล์ที่ตายแล้ว คือ ผสมน้ำมะนาวและน้ำสะอาดในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 แล้วใช้กระดาษทิชชูแผ่นใหญ่ชุบเช็ดให้ทั่วเท้า หรืออาจใช้สำลีชุบแอลกอฮอลล์เช็ดทั้งเช้าและเย็นแทนก็ได้
27. พอกเท้าด้วยส่วนผสมทำเองโดยใช้สตรอเบอร์รี่ 8 ผล สับเป็นชิ้นเล็ก ๆ น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ และเกลือ 1 ช้อนชาผสมให้เข้ากัน นำไปนวดให้ทั่วเท้า จากนั้นล้างออกแล้วเช็ดให้แห้ง
28. พยายามอย่าทาโลชั่นบริเวณง่ามนิ้วเท้า เพราะความชื้นอาจก่อให้เกิดเชื้อราได้
29. การไม่สูบบุหรี่จะช่วยให้เท้าอุ่นขึ้น สิงห์อมควันมักจะมีเท้าแห้งและเย็น เพราะร่างกายกำลังต้องการออกซิเจน
30. หากต้องเดินทำโน่นทำนี่อยู่ในบ้านบ่อย ๆ ควรสวมรองเท้าแตะไว้เพื่อป้องกันเท้าหยาบกร้าน
31. พกสเปรย์หรือโลชั่นช่วยระงับความอับชื้นพร้อมให้ความสดชื่นแก่เท้า หากต้องเดินทางตลอดวัน
32. ผ่อนคลายเท้าหลังจากเดินนาน ๆ โดยแช่เท้าในน้ำเย็น 30 วินาที จากนั้นแช่ในน้ำอุ่น 3 นาที อาจหยดเอสเซนเชียลออยล์เพิ่มความหอมละมุน แล้วห่อเท้าด้วยผ้าขนหนูเนื้อนุ่ม นอนพักประมาณ 20 นาที
33. แช่เท้าในน้ำอุ่นก่อนตัดเล็บเพื่อช่วยให้เล็บนุ่มตัดง่าย และควรตัดให้ตรง อย่าให้เล็บโค้งตรงมุมเล็บ เพราะอาจทำให้เล็บขบได้เมื่อเล็บงอกยาวขึ้น
34. หากทาน้ำยาเคลือบเล็บไว้ ควรล้างออกหลังจากผ่านไป 1 อาทิตย์ เพราะน้ำยาเคลือบเล็บจะพาความชุ่มชื่นออกไป ทำให้เล็บเปราะหักได้ง่าย
35. การเดินบนชายหาดเป็นอีกวิธีที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเท้าให้หลุดลอก และทำให้เล็บเงางามด้วย
36. อย่าสวมรองเท้าที่คับจนเกินไป เพราะอาจเป็นสาเหตุให้นิ้วเท้าผิดรูปได้
37. อย่าลืมทาครีมกันแดดที่เท้าด้วยเมื่อเดินเล่นชายหาด
38. ป้องกันส้นเท้าแตก โดยใช้แปรงขัดเท้าหรือหินขัดที่ทำจากหินภูเขาไฟสังเคราะห์ขัดสนเท้าขณะอาบน้ำ เพราะจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกตามร่องส้นเท้าแตกได้ดี จากนั้นบำรุงเท้าด้วยครีมชนิดเข้มข้น หรือครีมป้องกันส้นเท้าแตกโดยเฉพาะ
39. ลองเลือกสครับที่มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวหนังที่เสื่อมสภาพ หรือจะทำสครับเองโดยใช้เกลือทะเลผสมน้ำมันมะกอกขัดเท้าให้เพลินใจ จากนั้นอย่าลืมตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ให้ความชุ่มชื่นก่อนนอนเพื่อคืนความมีชีวิตชีวาให้เท้า
40. ขั้นตอนบำรุงเท้าก่อนการทาเล็บ
- เช็ดสีทาเล็บเดิมออกด้วยน้ำยาล้างเล็บอย่างเบามือ
- แช่เท้าในน้ำอุ่นโดยอาจใส่เอสเซนเชียลออยล์โดยเฉพาะทีทรีออยล์ เพื่อช่วยบำบัดและฆ่าเชื้อโรค หรือผลิตภัณฑ์สำหรับแช่เท้า แช่ไว้ประมาณ 5 - 10 นาที
- ตัดและตะไบเล็บไปในทางเดียวเป็นแนวเหลี่ยม แล้วใช้ตะไบลบคมด้านข้าง เพื่อให้เล็บนุ่มและเข้ารูป
- แช่เท้าอีกรอบแล้วใช้แปรงเนื้อนุ่มขัดบริเวณใต้เท้าและซอกเล็บ จากนั้นใช้หินขัดโดยเน้นบริเวณส้นเท้าและข้อเท้า ตามด้วยผลิตภัณฑ์สครับขัดให้ทั่ว
- กำจัดจมูกเล็บโดยใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะชนิดครีมหรือออยล์ทาบริเวณแนวขอบเล็บแล้วนวดเบา ๆ จากนั้นดันจมูกเล็บเบา ๆ ด้วยไม้ปลายเฉียง พันด้วยสำลีบาง ๆ
- บำรุงเท้าด้วยครีมบำรุงทั่วไปหรือสำหรับเท้าโดยเฉพาะ นวดเท้าเพิ่มเติมโดยกำมือเป็นกำปั้นนวดฝ่าเท้าให้ทั่วแล้วพันเท้าด้วยผ้าขนหนู นั่งพักประมาณ 5 - 10 นาที
- เช็ดความมันส่วนเกินออก แล้วเริ่มทาเบสเล็บ ตามด้วยสีทาเล็บ ปิดท้ายด้วยน้ำยาเคลือบเล็บ
41. วิธีง่ายๆที่จะช่วยให้เท้านุ่มน่ามอง คือ หลังอาบน้ำทาโลชั่นให้ทั่วเท้าแล้วนวดเบา ๆ ทั้งนิ้วเท้าและหลังเท้าประมาณ 3 นาที เพราะการให้ความชุ่มชื่นกับเท้ามากเท่าไร เท้าจะยิ่งนุ่มมากขึ้นเท่านั้นและก่อนนอนอาจเพิ่มความนุ่มด้วยการสวมถุงเท้าไว้
42. วิธีทาเล็บเท้าให้สะดวก สำหรับผู้ถนัดขวาให้ทาข้างขวาโดยเริ่มจากนิ้วโป้งไปหานิ้วก้อยและเท้าข้างซ้ายจากนิ้วก้อยไปหานิ้วโป้ง สำหรับผู้ที่ถนัดซ้ายให้ทำในทิศทางตรงกันข้าม
43. สวมถุงเท้าหรือถุงน่องที่สะอาด ไม่ควรนำถุงเท้าที่ใส่แล้วยังไม่ได้ซักมาใส่ซ้ำอีก ถ้าทำบ่อยๆอาจเกิดการหมักหมมของเชื้อโรคและกลิ่นเหงื่อได้
44. บริหารเท้าบ้างด้วยการหมุนข้อเท้าเป็นแนววนและสลับด้าน หรือนวดกระตุ้นการหมุนเวียนโลหิตด้วยเครื่องสำหรับนวดเท้า หรือถ้าจะให้ประหยัดกว่านั้นให้แช่ลูกแก้วในน้ำอุ่นแล้วนำมานวดคลึงให้ทั่วเท้าแทนได้
45. ไม่ควรใส่รองเท้าส้นสูงทุกวัน ลองสลับกับส้นเตี้ยบ้างเพื่อป้องกันการปวดหลัง
46. ผู้ที่เท้าเหงื่อออกง่าย ควรพกสเปรย์ระงับกลิ่นเท้าที่ช่วยให้แห้งและสดชื่นในระหว่างวัน และใส่รองเท้าที่ทำจากวัสดุเนื้อบางเบาและระบายอากาศได้ดี
47. วิธีวัดขนาดเท้า วางเท้าเปล่าบนกระดาษ ใช้ปากกาขีดเส้นหลังส้นเท้าและปลายนิ้วเท้าที่ยาวที่สุด ตัดกระดาษและวางเข้าไปในรองเท้า โดยให้มีพื้นที่เหลือระหว่างกระดาษและขอบส้นรองเท้าประมาณ � หรือ 1 นิ้ว เพื่อป้องกันการใส่รองเท้าที่คับเกินไป
48. หากต้องเดินทางบนเครื่องบินเป็นเวลานานควรใส่รองเท้าหลวมหน่อย เพราะเท้าจะขยายใหญ่ขึ้น และควรถอดรองเท้าบ้างโดยสวมถุงเท้าไว้ นอกจากนี้อาจบริหารเท้าเพิ่มเติมโดยการหมุนข้อเท้าบ้างเป็นระยะ
49. ป้องกันเท้าเกิดเชื้อราจากความอับชื้นโดยใช้น้ำมันทีทรีจุ่มสำลีแล้วเช็ดบริเวณซอกนิ้วหรือบริเวณที่เกิดเชื้อรา หรือจะใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำมะนาวแทนก็ได้เช่นกัน
50. เมื่อเท้าสวยแล้ว ควรเผยผิวด้วยรองเท้าแบบสานที่มีพื้นนุ่ม ไม่หยาบกระด้างหรือจะเป็นรองเท้าแตะเท่ห์ ๆ ก็ดูดี
2. เพิ่มความยืดหยุ่นให้มือด้วยการบีบลูกบอลนิ่มๆ ไว้ในฝ่ามือแล้วใช้นิ้วบีบให้แน่น ทำซ้ำจนรู้สึกเมื่อยจึงเปลี่ยนข้าง
3. หากมือแห้ง ล้างมือด้วยเกลือป่นเล็กน้อย เช็ดให้แห้งแล้วชโลมโลชั่นให้ทั่วมือ
4. พกครีมทามือขนาดเล็กไปด้วยทุกครั้งและหมั่นทาครีมเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังล้างมือ
5. สูตรน้ำผึ้งบำรุงมือให้ชุ่มชื่นคือ ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา น้ำมันพืช 1 ช้อนชา น้ำมะนาว 1/4 ช้อนชา นวดมือ 10 นาทีแล้วล้างออก มือจะนุ่มชุ่มชื่นขึ้น
6. คลายความเมื่อยล้าให้นิ้วมือและฝ่ามือด้วยการบีบโลชั่นลงบนฝ่ามือข้างใดข้างหนึ่ง ใช้นิ้วโป้งของมืออีกข้างช่วยนวดฝ่ามือ โดยนวดจากโคนถึงปลายนิ้ว จะช่วยให้คลายเมื่อยได้ดีในระหว่างวัน
7. ควรทาโลชั่นที่มีส่วนผสมของสารกันแดดเมื่อต้องออกไปข้างนอกเพื่อป้องกันมือเหี่ยวย่นและหมองคล้ำ
8. หลังล้างมือควรเช็ดมือให้แห้ง เพราะน้ำที่หลงเหลืออยู่บนมือขณะระเหยจะพาความชุ่มชื่นไปด้วย
9. ควรสวมถุงมือหากต้องสัมผัสสารเคมีต่างๆ หรือการทำงานหนักๆ เช่น ล้างจาน ล้างรถ ทำสวน เป็นต้น
10. ดื่มน้ำแครอทคั้นสดวันละ 1 แก้วทุกวัน จะช่วยให้เล็บแข็งแรง เพราะน้ำแครอทอุดมไปด้วยแคลเซียม และฟอสฟอรัส
11. บำรุงเล็บที่เปราะบาง หรือเป็นสะเก็ด โดยกินสารอาหารหลัก เช่น แคลเซียมจากนม กรดไขมันโอเมก้า 3 จากปลาที่มีไขมันมาก ๆ วิตามินซีจากผักและผลไม้สด และสังกะสีจากอาหารทะเลและสัตว์ปีก
12. รับประทานสารอาหารจำพวกโปรตีนเพื่อป้องกันการเกิดรอยเส้นขาวๆพาดกลางเล็บ
13. เล็บติดเชื้อรา ใช้น้ำมันมะกรูดหรือน้ำมันทีทรี ( tea tree oil ) ทาบ่อย ๆ โดยใช้สำลีจุ่มน้ำมันแต้มที่เล็บและหนังโดยตรง
14. วิธีทำให้เล็บเงางามแบบง่าย ๆ ได้แก่ ใช้บาล์มถูเล็บเบา ๆ แล้วเช็ดออกด้วยผ้านุ่ม
15. แช่เล็บในอ่างที่ผสมน้ำมะนาว 1 ช้อนชา กับ น้ำสะอาด 1 แก้ว จะช่วยขจัดคราบเหลืองบนเล็บ
16. อย่ากัดเล็บ นอกจากจะเสียบุคลิกแล้ว ยังทำให้เล็บบิ่น แหว่ง ไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่ง วิธีแก้ไขคือให้พกกรรไกรตัดเล็บไว้ในกระเป๋า หรือลิ้นชักที่ทำงาน เป็นตัวแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
17. หากชื่นชอบการทาเล็บ ควรพักให้เล็บได้หายใจบ้างอย่างน้อย 1 อาทิตย์ ภายใน 1 เดือนเพื่อป้องกันเล็บเป็นคราบเหลืองและแห้งเปราะ
18. เช็ดยาทาเล็บออกด้วยน้ำยาล้างเล็บที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ โดยแช่บนเล็บไว้สักพักแล้วค่อยลูบออกอย่างเบามือ
19. ตะไบเล็บไปทางเดียวกัน ไม่ควรถูไปมา และควรหลีกเลี่ยงตะไบเหล็กเพราะอาจทำให้เล็บเปราะได้ จากนั้นใช้ตะไบสำหรับให้เล็บมันเงาถูเบาๆ จากบริเวณเหนือจมูกเล็บจนถึงปลายเล็บ
20. เมื่อเตรียมเล็บพร้อมแล้ว ควรลองพื้นด้วยเบสก่อน จากนั้นตามด้วยสีทาเล็บ 2 รอบ แล้วปิดท้ายด้วยการเคลือบเล็บอีกครั้ง และเพื่อให้สีเล็บติดทนนานควรเคลือบเล็บทุก ๆ 3 - 4 วัน
21. กรณีเกิดรอยขีดข่วนกลางเล็บขณะที่สียังไม่แห้ง ใช้นิ้วแตะน้ำยาล้างเล็บแล้วแต้มเบาๆที่รอยเพื่อให้เจือจางเล็กน้อย จากนั้นใช้สีทาเล็บทา 1 รอบ ตามด้วยน้ำยาเคลือบเล็บ
22. หากสีเล็บหลุดลอกบริเวณปลายเล็บ ใช้สีทาเล็บเพียงเล็กน้อยแตะเบาๆบริเวณที่สีหลุด ทิ้งไว้สักพักแล้วทาสีทับทั้งเล็บอีกครั้ง แล้วปิดท้ายด้วยน้ำยาเคลือบเล็บ
23. วิธีปรนนิบติเล็บสวยอย่างง่ายๆ
- แช่เล็บในน้ำอุ่นโดยหยดน้ำมันมะกอกหรือเบบี้ออยล์ประมาณ 2-3 หยดเพื่อให้เล็บนุ่ม
- ใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อกำจัดจมูกเล็บทาไปตามขอบเล็บ
- ใช้ไม้ปลายเฉียงพันด้วยสำลีบางๆที่ปลาย ดันเบา ๆ รอบด้าน ไม่ควรดันเล็บขณะเล็บแห้ง จากนั้นตามด้วยออยล์บำรุงรอบเล็บ
24. เคลือบเงาเล็บโดยใช้ยาทาเล็บชนิดใสหรือสีชมพูจางเพื่อให้มือสวยสุขภาพดี
25. เพ้นต์เล็บด้วยตนเอง เพียงใช้สีทาเล็บที่เข้ากันสัก 3 - 4 สี พร้อมยาเคลือบเล็บแบบใส 1 ขวด สีอะคริลิก 1 กล่อง พู่กันเบอร์ 1 และเบอร์ 2 แล้วละเลงลวดลายตามชอบ ดังนี้
- คิดลายไว้ในใจ เตรียมสีที่จะต้องใช้
- ผสมสีอะคริลิกไว้ในจานสี
- เริ่มรองพื้นเล็บด้วยยาทาเล็บสีที่ต้องการ
- ใช้พู่กันเบอร์ 1 หรือ เบอร์ 2 ที่มีปลายเรียวเล็กจุ่มสีอะคริลิกวาดลวดลายได้เลย
- ทิ้งไว้ให้แห้งสนิท แล้วเคลือบเล็บที่เพ้นต์แล้วด้วยยาเคลือบเล็บแบบใส
เคล็ดลับดูแลเท้า
26. วิธีหนึ่งที่ช่วยขจัดกลิ่นเท้า และผลัดเซลล์ที่ตายแล้ว คือ ผสมน้ำมะนาวและน้ำสะอาดในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 แล้วใช้กระดาษทิชชูแผ่นใหญ่ชุบเช็ดให้ทั่วเท้า หรืออาจใช้สำลีชุบแอลกอฮอลล์เช็ดทั้งเช้าและเย็นแทนก็ได้
27. พอกเท้าด้วยส่วนผสมทำเองโดยใช้สตรอเบอร์รี่ 8 ผล สับเป็นชิ้นเล็ก ๆ น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ และเกลือ 1 ช้อนชาผสมให้เข้ากัน นำไปนวดให้ทั่วเท้า จากนั้นล้างออกแล้วเช็ดให้แห้ง
28. พยายามอย่าทาโลชั่นบริเวณง่ามนิ้วเท้า เพราะความชื้นอาจก่อให้เกิดเชื้อราได้
29. การไม่สูบบุหรี่จะช่วยให้เท้าอุ่นขึ้น สิงห์อมควันมักจะมีเท้าแห้งและเย็น เพราะร่างกายกำลังต้องการออกซิเจน
30. หากต้องเดินทำโน่นทำนี่อยู่ในบ้านบ่อย ๆ ควรสวมรองเท้าแตะไว้เพื่อป้องกันเท้าหยาบกร้าน
31. พกสเปรย์หรือโลชั่นช่วยระงับความอับชื้นพร้อมให้ความสดชื่นแก่เท้า หากต้องเดินทางตลอดวัน
32. ผ่อนคลายเท้าหลังจากเดินนาน ๆ โดยแช่เท้าในน้ำเย็น 30 วินาที จากนั้นแช่ในน้ำอุ่น 3 นาที อาจหยดเอสเซนเชียลออยล์เพิ่มความหอมละมุน แล้วห่อเท้าด้วยผ้าขนหนูเนื้อนุ่ม นอนพักประมาณ 20 นาที
33. แช่เท้าในน้ำอุ่นก่อนตัดเล็บเพื่อช่วยให้เล็บนุ่มตัดง่าย และควรตัดให้ตรง อย่าให้เล็บโค้งตรงมุมเล็บ เพราะอาจทำให้เล็บขบได้เมื่อเล็บงอกยาวขึ้น
34. หากทาน้ำยาเคลือบเล็บไว้ ควรล้างออกหลังจากผ่านไป 1 อาทิตย์ เพราะน้ำยาเคลือบเล็บจะพาความชุ่มชื่นออกไป ทำให้เล็บเปราะหักได้ง่าย
35. การเดินบนชายหาดเป็นอีกวิธีที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเท้าให้หลุดลอก และทำให้เล็บเงางามด้วย
36. อย่าสวมรองเท้าที่คับจนเกินไป เพราะอาจเป็นสาเหตุให้นิ้วเท้าผิดรูปได้
37. อย่าลืมทาครีมกันแดดที่เท้าด้วยเมื่อเดินเล่นชายหาด
38. ป้องกันส้นเท้าแตก โดยใช้แปรงขัดเท้าหรือหินขัดที่ทำจากหินภูเขาไฟสังเคราะห์ขัดสนเท้าขณะอาบน้ำ เพราะจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกตามร่องส้นเท้าแตกได้ดี จากนั้นบำรุงเท้าด้วยครีมชนิดเข้มข้น หรือครีมป้องกันส้นเท้าแตกโดยเฉพาะ
39. ลองเลือกสครับที่มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวหนังที่เสื่อมสภาพ หรือจะทำสครับเองโดยใช้เกลือทะเลผสมน้ำมันมะกอกขัดเท้าให้เพลินใจ จากนั้นอย่าลืมตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ให้ความชุ่มชื่นก่อนนอนเพื่อคืนความมีชีวิตชีวาให้เท้า
40. ขั้นตอนบำรุงเท้าก่อนการทาเล็บ
- เช็ดสีทาเล็บเดิมออกด้วยน้ำยาล้างเล็บอย่างเบามือ
- แช่เท้าในน้ำอุ่นโดยอาจใส่เอสเซนเชียลออยล์โดยเฉพาะทีทรีออยล์ เพื่อช่วยบำบัดและฆ่าเชื้อโรค หรือผลิตภัณฑ์สำหรับแช่เท้า แช่ไว้ประมาณ 5 - 10 นาที
- ตัดและตะไบเล็บไปในทางเดียวเป็นแนวเหลี่ยม แล้วใช้ตะไบลบคมด้านข้าง เพื่อให้เล็บนุ่มและเข้ารูป
- แช่เท้าอีกรอบแล้วใช้แปรงเนื้อนุ่มขัดบริเวณใต้เท้าและซอกเล็บ จากนั้นใช้หินขัดโดยเน้นบริเวณส้นเท้าและข้อเท้า ตามด้วยผลิตภัณฑ์สครับขัดให้ทั่ว
- กำจัดจมูกเล็บโดยใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะชนิดครีมหรือออยล์ทาบริเวณแนวขอบเล็บแล้วนวดเบา ๆ จากนั้นดันจมูกเล็บเบา ๆ ด้วยไม้ปลายเฉียง พันด้วยสำลีบาง ๆ
- บำรุงเท้าด้วยครีมบำรุงทั่วไปหรือสำหรับเท้าโดยเฉพาะ นวดเท้าเพิ่มเติมโดยกำมือเป็นกำปั้นนวดฝ่าเท้าให้ทั่วแล้วพันเท้าด้วยผ้าขนหนู นั่งพักประมาณ 5 - 10 นาที
- เช็ดความมันส่วนเกินออก แล้วเริ่มทาเบสเล็บ ตามด้วยสีทาเล็บ ปิดท้ายด้วยน้ำยาเคลือบเล็บ
41. วิธีง่ายๆที่จะช่วยให้เท้านุ่มน่ามอง คือ หลังอาบน้ำทาโลชั่นให้ทั่วเท้าแล้วนวดเบา ๆ ทั้งนิ้วเท้าและหลังเท้าประมาณ 3 นาที เพราะการให้ความชุ่มชื่นกับเท้ามากเท่าไร เท้าจะยิ่งนุ่มมากขึ้นเท่านั้นและก่อนนอนอาจเพิ่มความนุ่มด้วยการสวมถุงเท้าไว้
42. วิธีทาเล็บเท้าให้สะดวก สำหรับผู้ถนัดขวาให้ทาข้างขวาโดยเริ่มจากนิ้วโป้งไปหานิ้วก้อยและเท้าข้างซ้ายจากนิ้วก้อยไปหานิ้วโป้ง สำหรับผู้ที่ถนัดซ้ายให้ทำในทิศทางตรงกันข้าม
43. สวมถุงเท้าหรือถุงน่องที่สะอาด ไม่ควรนำถุงเท้าที่ใส่แล้วยังไม่ได้ซักมาใส่ซ้ำอีก ถ้าทำบ่อยๆอาจเกิดการหมักหมมของเชื้อโรคและกลิ่นเหงื่อได้
44. บริหารเท้าบ้างด้วยการหมุนข้อเท้าเป็นแนววนและสลับด้าน หรือนวดกระตุ้นการหมุนเวียนโลหิตด้วยเครื่องสำหรับนวดเท้า หรือถ้าจะให้ประหยัดกว่านั้นให้แช่ลูกแก้วในน้ำอุ่นแล้วนำมานวดคลึงให้ทั่วเท้าแทนได้
45. ไม่ควรใส่รองเท้าส้นสูงทุกวัน ลองสลับกับส้นเตี้ยบ้างเพื่อป้องกันการปวดหลัง
46. ผู้ที่เท้าเหงื่อออกง่าย ควรพกสเปรย์ระงับกลิ่นเท้าที่ช่วยให้แห้งและสดชื่นในระหว่างวัน และใส่รองเท้าที่ทำจากวัสดุเนื้อบางเบาและระบายอากาศได้ดี
47. วิธีวัดขนาดเท้า วางเท้าเปล่าบนกระดาษ ใช้ปากกาขีดเส้นหลังส้นเท้าและปลายนิ้วเท้าที่ยาวที่สุด ตัดกระดาษและวางเข้าไปในรองเท้า โดยให้มีพื้นที่เหลือระหว่างกระดาษและขอบส้นรองเท้าประมาณ � หรือ 1 นิ้ว เพื่อป้องกันการใส่รองเท้าที่คับเกินไป
48. หากต้องเดินทางบนเครื่องบินเป็นเวลานานควรใส่รองเท้าหลวมหน่อย เพราะเท้าจะขยายใหญ่ขึ้น และควรถอดรองเท้าบ้างโดยสวมถุงเท้าไว้ นอกจากนี้อาจบริหารเท้าเพิ่มเติมโดยการหมุนข้อเท้าบ้างเป็นระยะ
49. ป้องกันเท้าเกิดเชื้อราจากความอับชื้นโดยใช้น้ำมันทีทรีจุ่มสำลีแล้วเช็ดบริเวณซอกนิ้วหรือบริเวณที่เกิดเชื้อรา หรือจะใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำมะนาวแทนก็ได้เช่นกัน
50. เมื่อเท้าสวยแล้ว ควรเผยผิวด้วยรองเท้าแบบสานที่มีพื้นนุ่ม ไม่หยาบกระด้างหรือจะเป็นรองเท้าแตะเท่ห์ ๆ ก็ดูดี
Discussion (8)
ขอบคุณท่านสมาชิกนะคะ
ขอบคุณนะค๊ะ ชอบเรื่องนี้จังได้ความรู้เพิ่มมาด้วย