เป็นเนื้องอกที่หน้าอกซ้าย ยังไม่ช้ำใจเท่าโดนแบบนี้

ก่อนหน้านี้ ห้าหกเดือนก่อนคลำๆเจอแข็งๆที่หน้าอกซ้าย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร

จนมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเจอว่ามันก้อนใหญ่ขึ้น เลยไปหาหมอที่โรงบาลที่ทำงานอยู่

หมอบอกว่าเป็นอาจเป็นแค่เนื้องอกธรรมดาอยากให้รออีกสามเดือน 

เราเครียดมาก เพราะเราไม่อยากให้มันอยู่กะเราอีกต่อไปแล้ว เรากลับมาทำงานด้วยความเซ็งสุดๆ

เช้าวันรุ่งขึ้นเราเลยเขียนใบลาพักผ่อนเพื่อจะไปหาหมอที่สถาบันมะเร็ง เพื่อตรวจให้ละเอียด

 แล้วเราก็เลยต้องบอกหัวหน้าเราว่าเราเป็นแบบนี้ๆ แต่ความจริงแล้วเราก็ไม่อยากบอกใครเลย

เพราะเรารู้สึกว่ามันค่อนข้างเป็นเรื่องส่วนตัวมากสำหรับเรา แต่เพราะรู้สึกว่าสนิทกะหัวหน้าก็เลยบอกไป

ไปหาหมอที่สถาบันมะเร็ง ก็พบว่ามีก้อนเล็กๆอีกก้อนนึงแอบอยู่ค่ะ เรายิ่งเครียดเว่อไปอีก 

แต่หลังจากเราไปหาหมอกลับมาทำงานวันรุ่งขึ้น  เราก็พบว่าเพื่อนร่วมงานที่คลีนิกเรา รู้เรื่องที่เราเป็นเนื้องอกกันหมด

เราอึ้งไปเลย.... เรารู้สึกดีกะหัวหน้าเรามาก เวลาเค้ามีเรื่องอะไร คุยให้เราฟัง เราก็ไม่เคยไปพูดกะใคร

เพราะปกติเราก็ไม่ค่อยสุงสิงกะใครอยู่แล้ว  แต่พอมาเจอแบบนี้เราเสียความรู้สึกมาก ทำไมเอาเรื่องเราไปพูด

เรื่องแบบนี้มันสมควรเอาไปพูดเรี่ยราดง่ายๆยังไงก็ได้เหรอ เราไม่เข้าใจ  ตอนนี้เราไม่รู้จะทำหน้ายังไงดีเวลาเจอหัวหน้า

มันทุกข์ใจเกี่ยวกับเรื่องเนื้องอกที่ตรวจเจอแล้ว เรายังต้องเสียความใจคนแบบนี้อีก ตอนนี้เรารู้สึกแย่สุดๆอ่ะ

ตอนเจอก็อยากจะพูดนะ แต่มันก็ไม่สามารถลบเรื่องราวที่เค้าเอาเรื่องส่วนตัวของเราไปพูดกะคนอื่นได้เลย

มีแนวทางดีๆบ้างมั้ย รบกวนด้วยค่ะ

เพราะเราไม่เก่งเรื่องเข้าสังคมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว  มีเพื่อนสนิทไม่กี่คน ยิ่งมาเจอแบบนี้อีก เรายิ่งรู้สึกต่อต้านสังสมไปเลย

 

 

 

Discussion (10)

จริงๆเค้าอาจจะเอาไปพูดเพื่อให้คนมาให้กำลังใจก็ได้มั้ง

แบบถ้าคนเราเป็นโรค ก็ต้องการกำลังใจเยอะๆ แล้วเรื่องแบบนี้คงไม่มีใครเอามานั่งนินทาหรอกค่ะ

คงจะมีแต่คนอยากให้กำลังใจ

ก็เหมือนเราตอนป.5 (นานมาก อิอิ ^^) เราเป็นลำไส้อักเสบ เพราะกินเผ็ดเยอะไป เราหยุดเรียนไปไม่แน่ใจนะว่ากี่วัน

ก็เลยเอาใบลาไปให้ครู แล้วก็จะกลับ ครูก็เอาไปเก็บในแฟ้ม แล้วเพื่อนมันเดินมาเปิดดูแฟ้ม มันอ่านแล้วรู้ว่าเราเป็นลำไส้อักเสบ คราวนี้ก็รู้กันทั้งห้องเลย

เราซึ่งไม่รู้อะไรก็เดินกลับมาในห้องอีกครั้งแล้วเพื่อนก็เข้ามาให้กำลังใจเราใหญ่เลย เราก็งงว่าเฮ้ย รู้ได้ไง ไม่ได้บอกใครเลยนะเนี่ย มันก็บอกว่าอ่านจากแฟ้ม

ตอนแรกก็แอบเคืองนิดๆ แต่พอเห็นว่าเพื่อนมาให้กำลังใจกันเต็มไปหมด เราเลยรู้สึกดี มันแสดงถึงว่าเพื่อนเป็นห่วงเราจริงๆ
เราก็ว่าเค้าน่าจะหวังดีนะ
เราว่าหัวหน้าเป็นห่วงคุณมากกว่านะ แล้วที่บอกให้เพื่อนร่วมงานรู้ จะได้ให้เขารู้ และช่วยกันดูแลคุณ คุณบอกใช่ไหมว่า หัวหน้าเป็นคนดีพูดอะไรเขาไม่นำไปบอกใคร แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องปิดเป็นความลับนะคะ ดีเสียอีก บางทีเพื่อนๆอาจรู้อะไรดีๆ เกี่ยวกับโรคนี้ เขาอาจแนะนำคุณได้ คิดมากไปนะคุณน่ะ
เราก็เคยเป็นเนื้องอกในหน้าอกคะ ไม่ใช่ซีสหรือถุงน้ำ แต่เป็นก้อนเนื้อเพียวๆ
เป็นตั้งแต่ตอนมอหก ไซส์ใหญ่มาก ประมาณสิบเซ็น
ตอนแรกก็เครียดมากคะ กลัวเป็นอะไรที่มากกว่าเนื้องอก

การที่หัวหน้าเอาไปบอกเพื่อนร่วมงาน มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายนะคะ
เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องน่าอาย แล้วการที่คนอื่นรู้ก็เป็นประโยชน์ต่อตัวเราด้วยนะคะ
หลังจากผ่าเอาเนื้องอกออก คนอื่นจะได้ระวังคุณ ไม่ให้กระทบกระเทือนแผลอะไรแบบนี้ด้วย
ไม่เห็นต้องเครียดเลยคะ มันไม่ใช่เรื่องความลับสุดยอดอะไรซะหน่อย

อย่าเครียดไปเลย ถ้าอายุน้อยๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นก้อนเนื้อธรรมดา หรือถุงน้ำ (Cyst) แนวทาง 1. แล้วแต่สถาบัน บางคนถ้าคลำเจอก็จะเจาะเอาชิ้นเนื้อมาตรวจ หรือผ่าออก 2. ถ้าดูแล้วไม่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น แม่ พี่สาว น้องสาว เป็นมะเร็ง หรือก้อนโตช้าๆ ก็รอตรวจ Ultrasound และ แมมโมแกรม ทุก 6 เดือน จนครบ 2 ปี ถ้าก้อนเท่าๆเดิมตลอดก็น่าจะเป็นก้อนเนื้อธรรมดา คำแนะนำ ถ้าเป็นถุงน้ำก็คิดซะว่าเป็นการเสริมเต้านมทางธรรมชาติค่ะ ส่วนเรื่องเพื่อนที่ที่ทำงานรู้เรื่อง ก็คิดซะว่าเราเป็นคนทำให้เขาสนใจตัวเองมากขึ้น กลับบ้านไปคงไปตรวจเต้านมกันใหญ่แล้ว (ได้บุญนะเนี่ย เพราะว่ากันจริงๆ คนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้ตรวจเต้านมตัวเอง.. คิดว่าไกลตัว) ถือเอาโอกาสนี้หาความรู้เรื่องก้อนที่เต้านมแล้วอธิบายคนอื่นๆ เป็นวิทยาทานไปเลย ได้เพื่อนด้วย ขอให้โชคดีนะคะ