[Review] Blush -> สารพัดสิ่งเติมแต่งแต้มให้แก้มสวย Ver.1
wannee2w57"บลัช" , "บลัชออน" , "บลัชเชอร์" หรือ "ปัดแก้ม"
จัดเป็นเมคอัพชิ้นสำคัญของหญิงสาว
(หรือแม้กระทั่งชายหนุ่ม) ที่ช่วยให้ผิวแก้มมีสีสันดูเป็นธรรมชาติ
ปัดแก้มสามารถขับรูปหน้าให้ดูโดดเด่น สร้างความเปล่งประกาย
ช่วยให้ดูอ่อนวัยลงได้ด้วย
ประวัติศาสตร์การใช้บลัชออน ปรากฎตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณ
ซึ่งแต่เดิมถูกเรียกว่า "rouge" หมายถึงสีแดง เพื่อแต่งแก้ม
และริมฝีปากให้มีสีแดง
สมัยก่อนนั้นมีการใช้ผลิตผลจากผลมัลเบอร์รี่หรือสตอเบอรี่มาบดละเอียด
หรือน้ำจากผลเรดบีท เพื่อนำมาใช้ทาแก้ม
สีสันมากมาย หลากหลายเนื้อสัมผัส
จัดเป็นเมคอัพชิ้นสำคัญของหญิงสาว
(หรือแม้กระทั่งชายหนุ่ม) ที่ช่วยให้ผิวแก้มมีสีสันดูเป็นธรรมชาติ
ปัดแก้มสามารถขับรูปหน้าให้ดูโดดเด่น สร้างความเปล่งประกาย
ช่วยให้ดูอ่อนวัยลงได้ด้วย
ประวัติศาสตร์การใช้บลัชออน ปรากฎตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณ
ซึ่งแต่เดิมถูกเรียกว่า "rouge" หมายถึงสีแดง เพื่อแต่งแก้ม
และริมฝีปากให้มีสีแดง
สมัยก่อนนั้นมีการใช้ผลิตผลจากผลมัลเบอร์รี่หรือสตอเบอรี่มาบดละเอียด
หรือน้ำจากผลเรดบีท เพื่อนำมาใช้ทาแก้ม
สีสันมากมาย หลากหลายเนื้อสัมผัส
เนื้อแป้ง -> ใช้ง่ายที่สุด และให้สีที่ชัดติดทนนาน ใช้ได้กับทุกประเภทผิว
และจะเหมาะยิ่งสำหรับผิวมัน เพราะเนื้อแป้งจะเกาะกับพื้นผิวได้ดี
เนื้อครีม -> เหมาะสำหรับผิวแห้ง ด้วยส่วนผสมที่เป็นน้ำมัน และให้ความชุ่มชื่น
และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานกลางคืน
เนื้อเจลหรือลิควิด -> เหมาะกับผิวธรรมดา, ผิวผสม เพราะติดทนนาน
และมักจะไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน และยังมีสรรพคุณกันน้ำ
ยังใช้ได้ดีกับผิวที่ค่อนข้างมีอายุ เพราะให้ผลลัพธ์ที่ดูบางเบา
ทินท์บลัช -> คล้ายเนื้อเจล แต่แห้งเร็วกว่า และยังติดทนนาน ไม่เป็นคราบอีกด้วย
บรอนเซอร์ -> เหมาะกับคนที่มีผิวคล้ำ ปัดแล้วดูเป็นธรรมชาติ
และยังเป็นตัวช่วยสำหรับคนที่ต้องการมีผิวสีแทน (แทนการบ่มแดด)
แม้เนื้อครีมจะเหมาะกับผิวแห้ง แต่ผิวผสมและผิวมันก็สามารถใช้ได้เช่นกัน
เกริ่นนำซะยาวเชียว เข้าเรื่องกันซะที....
อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่า บลัชมีหลากสีสัน หลายเนื้อสัมผัส
ดูซิว่า มี "บลัชออน" แบบไหนอยู่บ้าง ใช้แล้วเป็นอย่างไร
Giorgio Armani Blushing Fabric
Blushing Fabric ดูลักษณะอาจจะเหมือนกับบลัชเนื้อครีม เพราะไม่ใช่บลัชเนื้อฝุ่น
ถ้าเรียกว่า "มูสบลัช" คงจะนึกภาพได้ชัดเจนมากขึ้นกว่าไหม...
เนื้อครีมเบา ๆ ผสมซิลิโคนนิด ๆ เนื้อสัมผัสจะนุ่มเบา ไม่หนักหน้า เนียน ลื่น เกลี่ยได้ง่ายมาก ๆ กลืนไปกับผิวอย่างเป็นธรรมชาติ
Blushing Fabric ดูลักษณะอาจจะเหมือนกับบลัชเนื้อครีม เพราะไม่ใช่บลัชเนื้อฝุ่น
ถ้าเรียกว่า "มูสบลัช" คงจะนึกภาพได้ชัดเจนมากขึ้นกว่าไหม...
เนื้อครีมเบา ๆ ผสมซิลิโคนนิด ๆ เนื้อสัมผัสจะนุ่มเบา ไม่หนักหน้า เนียน ลื่น เกลี่ยได้ง่ายมาก ๆ กลืนไปกับผิวอย่างเป็นธรรมชาติ
วิธี ใช้ :- บีบ Blushing Fabric ออกมาขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียวแล้วแต้มตามโหนกแก้ม จากนั้นเกลี่ยด้วยปลายนิ้วหรือแปรงให้สีกระจายตัว และสม่ำเสมอ
ส่วนผสมของซิลิโคนทำให้สามารถเกลี่ยและควบคุมสีได้ง่าย และสีติดทนนนานตลอดวัน
Armani Blushing Fabric #1 Translucent strawberry
สีชมพูแดง ประกายชิมเมอร์ละเอียดสีทอง เม็ดสีค่อนข้างเยอะ
พอเกลี่ยสีจะจางลงไปบ้าง ให้สีชมพูระเรื่อประกายทอง ช่วยให้แก้มดูเปล่งปลั่ง
สีชมพูแดง ประกายชิมเมอร์ละเอียดสีทอง เม็ดสีค่อนข้างเยอะ
พอเกลี่ยสีจะจางลงไปบ้าง ให้สีชมพูระเรื่อประกายทอง ช่วยให้แก้มดูเปล่งปลั่ง
Armani Blushing Fabric #3 Shimmering apricot pink
สีชมพูแอปริคอทประกายชิมเมอร์ละเอียดสีส้ม
เมื่อมองจากหลอดจะไม่ค่อยเห็นความส้ม
แต่เมื่อเกลี่ยออกมาแล้วจะให้สีชมพูสว่างๆอมส้มคอรัลน้อย
ที่มาจากประกาย ชิมเมอร์
สีชมพูแอปริคอทประกายชิมเมอร์ละเอียดสีส้ม
เมื่อมองจากหลอดจะไม่ค่อยเห็นความส้ม
แต่เมื่อเกลี่ยออกมาแล้วจะให้สีชมพูสว่างๆอมส้มคอรัลน้อย
ที่มาจากประกาย ชิมเมอร์
Armani Blushing Fabric #4 Sienna
สีส้มอิฐอมแดงน้อย ๆ ปัดออกมาแล้วจะได้สีส้มอิฐอมแดง
แก้มแลดูส้มบ่มๆปนแดงเลือดฝาดธรรมชาติเรื่อๆ
เมื่อเกลี่ยออกมาแล้วสีจะไม่เข้มและไม่อมน้ำตาลจัด เป็นสีโทนส้มอิฐ
สีส้มอิฐอมแดงน้อย ๆ ปัดออกมาแล้วจะได้สีส้มอิฐอมแดง
แก้มแลดูส้มบ่มๆปนแดงเลือดฝาดธรรมชาติเรื่อๆ
เมื่อเกลี่ยออกมาแล้วสีจะไม่เข้มและไม่อมน้ำตาลจัด เป็นสีโทนส้มอิฐ
Armani Blushing Fabric #5 Raspberry
สีชมพูแดงอมม่วงราสเบอร์รี่ สีนี้เข้มมาก ต้องระมัดระวังมากหน่อยเวลาทา มิเช่นนั้นแก้มอาจจะกลายเป็นก้นลิงได้
สีชมพูแดงอมม่วงราสเบอร์รี่ สีนี้เข้มมาก ต้องระมัดระวังมากหน่อยเวลาทา มิเช่นนั้นแก้มอาจจะกลายเป็นก้นลิงได้
ความเห็นส่วนตัว
สำหรับ Giorgio Armani Blushing Fabric เหมาะกับการทาหลังจากลงแป้งแล้ว ทาแก้มด้วย Blushing Fabric แล้วทาทับด้วยแป้งฝุ่นบาง ๆ อีกนิด ช่วยให้สีสันกลมกลืม ดูเป็นธรรมชาติ ติดทนยาวนานตลอดวัน
ควรจะใช้ แปรงในการทา Blushing Fabric จะเหมาะกว่าใช้นิ้ว แปรงที่ใช้จะคล้ายกับแปรง MAC 187 วรรณเลือกใช้ของ BSC อยู่ค่ะ คุณภาพก็ OK เพราะยังไม่เคยลองแปรง MAC 187
ระหว่างวันหากต้องการเพิ่มสีสัน Blushing Fabric ก็สามารถทำได้ แต่ในการเติมระหว่างต้องระวังในเรื่องของปริมาณที่ใช้ และการทาเนื้อบลัช (สำหรับคนที่ไม่ได้พกแปรงปัดแก้ม)
Bobbi Brown Pot Rouge For Lips and Cheeks
สำหรับ Pot Rouge ของ Bobbi Brown นั้นนอกจากเติมสีแก้มแล้ว
ยังทาปากได้อีกด้วย
สำหรับ Pot Rouge ของ Bobbi Brown นั้นนอกจากเติมสีแก้มแล้ว
ยังทาปากได้อีกด้วย
วิธีใช้ :- วรรณจะทา Pot Rouge หลังลงรองพื้น ก่อนลงแป้งฝุ่น
ใช้นิ้วหรือแปรงทารองพื้นแตะเนื้อครีม แล้วแต้มไปตามโหนกแก้มก่อน
จากนั้นค่อยเกลี่ย ๆ ไปตามพวงแก้ม สามารถทาเข้มได้โดยไม่ต้องกังวล
เพราะเมื่อทาแป้งสีจะดรอปลงไปอีก
Bobbi Brown Pot Rouge For Lips and Cheeks #11 Pale Pink
สีชมพูหวาน ๆ
Bobbi Brown Pot Rouge For Lips and Cheeks #17 Stonewashed Pink
สีแดงอมส้มนิด ๆ
Bobbi Brown Pot Rouge For Lips and Cheeks #21 Cabo Coral
สีส้มใส ๆ ทาเพียงน้อย ๆ จะได้สีพีชอ่อน ๆ ให้แก้มแลดูสุขภาพดี
ความเห็นส่วนตัว
ชอบ Pot Rouge มากที่สุดในบรรดาบลัชเนื้อครีมที่เคยใช้มา
เพราะติดทนทาน ยาวนานตลอดวัน ระหว่างวันแม้จะซับหน้าบ้าง สีก็ยังระเรื่อ ๆ อยู่ เติมเพียงบลัชเนื้อฝุ่นหรือไม่เติมก็ได้
การ ทา Pot Rouge ใช้ได้ทั้งนิ้วและแปรงรองพื้น การใช้นิ้วจะให้สีสันที่กลมกลืนกว่า แต่ต้องใช้ความระมัดระวังในการทามากกว่า หากใช้แปรงรองพื้น สามารถแตะ Pot Rouge แล้วลากตามแนวโหนกแก้ม แล้วค่อยเกลี่ย ๆ ได้ ใช้เวลาน้อยกว่า แต่สีที่ได้อาจจะจัดจ้านกว่าใช้นิ้ว
Clinique Quick Blush
เนื้อของ Quick Blush เป็นกึ่งครีมกึ่งแป้ง ที่เมื่อทาบนแก้มแล้วสีจะแห้ง ไม่มีความมัน
บลัช ออนสีสวยที่มาพร้อมกับแปรงนุ่ม ๆ นวัตกรรมล่าสุดในเรื่องบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ง่ายพกพาสะดวก ให้แก้มมีสีสันเป็นธรรมชาติ ทำให้การเติมแต่งพวงแก้มเป็นไปอย่างง่ายดาย ได้ทุกที่ทุกเวลา
เนื้อของ Quick Blush เป็นกึ่งครีมกึ่งแป้ง ที่เมื่อทาบนแก้มแล้วสีจะแห้ง ไม่มีความมัน
บลัช ออนสีสวยที่มาพร้อมกับแปรงนุ่ม ๆ นวัตกรรมล่าสุดในเรื่องบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ง่ายพกพาสะดวก ให้แก้มมีสีสันเป็นธรรมชาติ ทำให้การเติมแต่งพวงแก้มเป็นไปอย่างง่ายดาย ได้ทุกที่ทุกเวลา
วิธี ใช้ :- หมุนปลายด้ามแปรงตามเข็มนาฬิกา 1 หรือ 2 รอบ จากนั้นดึงแปรงออกมา แตะแปรงไปตามโหนกแก้มเป็นจุด ๆ ก่อน จากนั้นค่อยปัดแปรงเกลี่ยให้เนื้อบลัชสม่ำเสมอ
Clinique Quick Blush #01 Hurry Honey
สีส้มพีชอ่อน ๆ ให้ความแวววาว แบบไม่มีวิ้ง ๆ
สีส้มพีชอ่อน ๆ ให้ความแวววาว แบบไม่มีวิ้ง ๆ
Clinique Quick Blush #02 Peach in a Peach
สีส้มคอรัลประกายชิมเมอร์สีทองละเอียด
สีส้มคอรัลประกายชิมเมอร์สีทองละเอียด
ความเห็นส่วนตัว
การ ทา Quick Blush ต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควร เนื้อบลัชที่ติดแปรงออกมาจะเป็นก้อน ต้องทำให้กระจายตัวเสียก่อน หากทาลงไปแบบนั้นสีบนแก้มก็จะกลายเป็นจ้ำ ๆ
Quick Blush ติดทนพอสมควร หากสีจางไป สามารถเติมระหว่งวันได้อีกด้วย จึงเป็นข้อดีอีกอย่างของบลัชรุ่นนี้
NYX HD Grinding Blush
ปัดแก้มเนื้อฝุ่น กระปุกแบบหมุน
ปัดแก้มเนื้อฝุ่น กระปุกแบบหมุน
NYX HD Grinding Blush #01 Georgia Peach สีส้มอมชมพู สีค่อนข้างอ่อน ปัดหลายรอบกว่าจะออกสีพีชน้อย ๆ
NYX HD Grinding Blush #05 American Girl สีส้มพีช
NYX HD Grinding Blush #03 Sangria in Madridสีชมพูเชอรี่ สีนี้ต้องระวังอย่างมากเวลาปัด มิเช่นนั้นแก้มจะกลายเป็น "ตูดลิง" ได้ เพราะเม็ดสีเยอะ สีเข้มมาก ๆ
NYX HD Grinding Blush #07 Nutmeg สีพีชอมชมพูนิด ๆ สีนี้ชมพูดูสุภาพ ปัดเบา ๆ จะได้สีอ่อน
ปัดหลายรอบ ก็จะไม่เข้มจัดจนเกินไป
ปัดหลายรอบ ก็จะไม่เข้มจัดจนเกินไป
NYX HD Grinding Blush #08 Menage a Trois สีส้มพีช ประกายชิมเมอร์สีทอง ปัดแล้วจะได้แก้มสีส้มนิ๊ด..นิด ประมาณลูกพีช สีสวยมาก....ขอบอก
ความเห็นส่วนตัว
ที่ สั่ง NYX HD Grinding Blush มาเพราะอยากลองแพคเกจแบบนี้ คิดว่ากระปุกแบบหมุนจะสะดวกในการพกพา และเมื่อได้ลองแล้วก็ไม่ค่อยปลื้มนัก
ตัวกระปุกแบบหมุน เมื่อหมุนเนื้อฝุ่นออกมาแล้วต้องใช้ให้หมด หากใช้ไม่หมด แล้ววางไม่ดี เมื่อเปิดฝาอีกครั้งเนื้อฝุ่นก็จะเลอะเทอะ
คุณภาพการติดทนพอสมควร พอ ๆ กับบลัชแบบฝุ่นหรือ MMU มีข้อเสียตรงที่ต้องสั่งมาจากต่างประเทศ
Diorblush #639 Sunkissed Cinamon
ปัดแก้มสีพีชระเรื่อ ให้แก้มแลดูสุขภาพดี
ปัดแก้มสีพีชระเรื่อ ให้แก้มแลดูสุขภาพดี
ความเห็นส่วนตัว
สำหรับ Diorblush เป็นปัดแก้มเนื้อฝุ่นอันแข็ง เมื่อปัดจะได้สีสันไม่จัดมากนัก แม้ในสีที่เข้ม ๆ ก็ตามที
เรื่องความติดทน สำหรับ Diorblush พอ ๆ กับ NYX HD Grinding Blush แต่ราคาต่างกันมากมาย
Discussion (7)
ชอบทุกแบบเลย