[ระบาย] เพื่อนร่วมโรงเรียนลบชื่อเราออกจากเฟสบุค

 สวัสดีค่ะ สมาชิกจีบันทุกคน

เราแวะเวียนเข้าจีบันบ้างยามว่าง นานๆ ที วันนี้มาขอระบายในที่แห่งนี้ค่ะ

เผอิญว่าเหมือนเราจะทะเลาะกับเพื่อนสาวคนหนึ่ง ถ้าเล่าเรื่องอาจจะมีแต่น้ำมากหน่อย วกไปวนมา ไม่รู้จะอธิบายยังไงดีเหมือนกัน

เรารู้จักพี่ๆกลุ่มหนึ่งทางเพจเกี่ยวกับท่องเที่ยวในเฟสบุคค่ะ ด้วยความที่มีใจรักการท่องเที่ยวเหมือนกัน เราเลยไปกดไลค์เป็นแฟนเพจของพี่ๆกลุ่มนั้น และความที่พี่เขาเป็นแอดมินของเพจนั้นๆ เขาเลยเข้ามาดูโปร์ไฟล์ของเรา และพบว่าเราเป็นรุ่นน้องร่วมสถาบันการศึกษา เพียงแต่คนละวิทยาเขตค่ะ พี่กลุ่มนั้นเขาเลยแอดเราให้เป็นเพื่อนในเฟสบุค และคุยผ่านเฟสบุคเรื่องการท่องเที่ยวอย่างถูกคอ สำหรับเราแล้วไม่มีอะไรอื่นนอกจากถามหาความรู้เรื่องท่องเที่ยวทั่วไป ซึ่งพี่ๆ ก็แนะนำได้ดีและเป็นประโยชน์มากค่ะ อาจเพราะหนึ่งคือ เราเป็นน้องร่วมสถาบันก็ได้

ด้วยความที่ตั้งใจว่าจะ backpack ไปเที่ยวดำน้ำที่ระยองช่วงหยุดรัฐธรรมนูญ เราเลยปรึกษาพี่คนหนึ่งในกลุ่มนั้นว่าจะไปเที่ยวตรงไหนดี มีอะไรน่าสนใจ พักที่ไหน แต่พี่ที่ปรึกษาด้วยแนะนำและชวนให้มาเที่ยวงานคอนเสิร์ตบิ๊กเม้าเท่นที่เขาใหญ่ค่ะ เราเลยตกลงที่จะไปและไปซื้อบัตรเข้างานเก็บไว้ กะว่าอาจจะไปแบบฉายเดี่ยว และพี่ๆเขาก็บอกว่าถ้าไปงานแล้วมีปัญหาอะไรโทรแจ้งขอความช่วยเหลือได้ แบบว่าเป็นห่วงน้องเหมือนกันเพราะจะมาเพียงแค่คนเดียว หลังจากซื้อบัตรมาได้นานแล้วเราก็เลยสอบถามเพื่อนๆ ค่ะ ว่ามีใครสนใจจะ backpack ไปด้วยหรือเปล่า ปรากฏว่าช่วงนั้นมันยังนานมาก อีกหลายเดือนกว่าจะวันงาน เพื่อนๆเขาให้คำตอบไม่ได้ สรุปแล้ว ณ ตอนนั้นไม่มีคนไปด้วย

ก่อนจะไปงานคอนเสิร์ตไม่ถึงสองเดือน พี่ๆ กลุ่มนั้นเขามีทริปไปเที่ยวที่ลาวค่ะ ด้วยความที่พี่ๆนั่งรถทัวร์ผ่านมาที่จังหวัดเราด้วย พี่ๆเขาเลยสอบถามว่าจะไปเที่ยวด้วยไม๊ ไปด้วยได้และชวนเพื่อนๆมาเที่ยวด้วยก็ได้ พี่ๆ ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนห้องพักก็ไปหาเอาข้างหน้า ด้วยความที่ไปแบบ backpack และไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน ทริปนี้เราก็ชวนเพื่อนๆ เหมือนเดิมค่ะ แต่ไม่มีคนว่างตามเคย เราเลยไปแบบฉายเดี่ยว น่ากลัวเหมือนกันนะ ไม่ใช่ไม่น่ากลัว ระแวงเหมือนกันค่ะ ไปกับคนแปลกหน้าซึ่งเราทราบเพียงเป็นพี่ๆร่วมสถาบัน แต่ก่อนไปขออนุญาตทางบ้านแล้วค่ะ ว่าไปกับใคร เอาเฟสบุคให้ดู เอาเพจท่องเที่ยวของพี่ๆกลุ่มนั้นให้ดู ว่าพี่ๆเขาไปเที่ยวแบบไหน ที่ไหนมาบ้าง หน้าตาแต่ละคนแบบไหน ชอบกิจกรรมเที่ยวเหมือนกัน และให้หมายเลขโทรศัพท์พี่ๆกลุ่มนั้นไว้ ทางบ้านเลยอนุญาตให้ไปค่ะ เหตุเพราะเห็นว่าเราเป็นคนชอบเที่ยวแบบนี้ด้วย แต่ก็กำชับว่าให้ดูแลตัวเองให้ดี ทริปเที่ยวลาวก็สนุกดีค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่กลับบ้านไม่ตรงเวลา เหตุเพราะมัวแต่หาซื้อของฝากกันอยู่

หลังจากนั้นมาก็รู้จักกันมากขึ้นค่ะ เราเองก็ยังให้ความเคารพพี่ๆ กลุ่มนั้นในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ร่วมสถาบัน และเป็นแฟนเพจการท่องเที่ยวของพี่ๆ

ก่อนจะไปบิ๊กเม้าเท่น พี่ๆกลุ่มนั้นก็แนะนำว่าให้ชวนเพื่อนๆ ไปเยอะๆ ค่ะ จะได้สนุกกัน กลัวว่าเราเดินไปไหนมาคนเดียว ถ่ายรูปคนเดียวจะเหงา เราก็เลยชวนเพื่อนอีกรอบ รอบนี้มีเพื่อนสาวสองคนจะไปด้วยค่ะ เราบอกเพื่อนไปว่าไปกับรุ่นพี่ร่วมสถาบัน แต่คนละวิทยาเขต เราไปอาจจะไม่ตามพี่ๆไปแต่จะไปทางของเรา ไปแบบลำบากหน่อยนึง ห้องน้ำแบบรวม เดินทางไปเองโดยรถโดยสารประจำทาง ให้เอาแต่สัมภาระจำเป็นไป รวมถึงถุงนอนและเสื้อแขนยาวตัวหนาๆ เพราเกรงว่าอากาศจะเย็นมาก ส่วนเตนท์เราเป็นคนเอาไปเองค่ะ หนึ่งในเพื่อนสาวคนหนึ่งเลยตัดสินใจไม่ไป ด้วยเหตุผลไม่สะดวกเรื่องห้องน้ำ เราก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ ไม่ได้เสียใจที่เพื่อนไม่ได้มาด้วย และก็บอกว่าถ้ามีเที่ยวทริปหน้าเราจะชวนอีกที ซึ่งเราคาดว่าคงจะมีอีกหลายทริปเที่ยวกับรุ่นพี่ของเรา สรุปแล้วกับเพื่อนคนนี้ไม่มีปัญหาอะไร

ส่วนเพื่อนสาวอีกคนที่ไปกับเราค่ะ ก่อนหน้านี้เขาเจอเรื่องแย่ๆมาเยอะเหมือนกัน เราก็เลยชวนให้ไปเที่ยวด้วยกัน เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น เขาได้ฝากให้เราทำธุระเรื่องตั๋วนู่นนี่ให้ เพราะเขาบอกว่าจะเคลียร์งานให้เสร็จก่อนไปเที่ยว จะได้เที่ยวได้สนกุๆ เราก็จัดการเรื่องบัตรให้เรียบร้อยด้วยดี คืนก่อนวันจะไป เราไม่ทราบว่าเพื่อนสาวเราคนนี้เขาปั่นงานส่งอาจารย์ค่ะ เหมือนกับว่าส่งงานไปแล้วแต่อาจารย์ไม่ให้ผ่าน ตีกลับให้มาแก้ค่ะ เรามาทราบอีกทีตอนสายๆ ขณะนั่งรถโดยสาร เขาบอกว่า เมื่อคืนทำงานส่งอาจารย์เลยตื่นสาย ตัวเราก็ไม่ได้โกรธนะ (แต่คนที่หงุดหงิดคือพี่ชายเราค่ะ เขาเป็นคนตรงเวลา เขาไปส่งเรา นั่งรอเป็นเพื่อนเราตั้งแต่ตีห้า จนเพื่อนเราโทรมาแจ้งว่าถึงแล้ว ตอนนั้นก็เกือบประมาณหกโมงเช้าแล้ว เพราะเรานัดเพื่อนว่าตีห้าให้มาเจอกัน ขึ้นรถตอนตีห้าครึ่ง) และเพื่อนสาวก็แจ้งอีกว่าเขาจะต้องไปอบรมต่อ ซึ่งเราก็สอบถามว่าอบรมที่ไหน สะดวกหรือเปล่า เพราะเกรงว่าเขาจะลำบาก เขาก็บอกว่าอยู่ใกล้ๆ นั่งรถไปแป๊บเดียวก็ถึง เราเลยโล่งอกค่ะ

พอถึงงาน พี่ๆกลุ่มนั้นก็มารอรับค่ะ อัธยาสัยดีตามเคย พาไปลงทะเบียน (ส่วนเรา พี่ที่มารอรับขอให้เราเฝ้าโทรศัพท์ไว้ให้ค่ะ เพราว่าต่อคิวรอชาร์จแบตฯ อยู่) กางเตนท์เสร็จ กำลังจะเข้าไปดูงานข้างใน เพื่อนสาวบอกเรากับพี่ๆ ว่าเอาโน๊ตบุคมาทำงานด้วย ในสมองเราตอนนั้นตื้อเลยค่ะ คาดไว้และภาวนาขออย่าให้ของหาย พี่ๆกับเราเลยบอกให้เพื่อนเอาโน๊ตบุคใส่เป้แบกไปด้วย เหตุการณ์ปกติดีค่ะ เพียงแต่เพื่อนสาวลืมนาฬิกาไว้ในห้องน้ำ หาไม่เจอเลย เรากับน้องผู้หญิงอีกคน(มาพร้อมกับพี่ๆกลุ่มนั้น) เลยพาไปแจ้งฝ่ายประชาสัมพันธ์ของงานค่ะ เหมือนโชคดีปรากฏว่าได้นาฬิการคืน

คืนสุดท้าย ดึกหน่อย เราปวดข้อเท้าค่ะ ประมาณว่าเมื่อวานนี้เต้นเกินพิกัด รองเท้ากัดด้วย ไม่ไหวแล้วจริงๆ เลยขอตัวกลับเตนท์ก่อน ส่วนเพื่อนสาวขอแยกตัวไปดูคอนเสิร์ตอีกเวทีค่ะ แต่ก็มีน้องผู้หญิงคนนั้นไปดูด้วย

ก่อนกลับพี่ๆ ก็พากันไปอาบน้ำที่วัด เพื่อนสาวจะล้วงตังค์ในเป้ทำบุญ ปรากฏว่ากระเป๋าตังค์ของเพื่อนสาวหายค่ะ ค้นทุกกระเป๋าก็ไม่มี เราเลยสอบถามไปเรื่อย ว่าเหตุการณ์เป็นไง สรุปความของเราคือ คงมีคนล้วงเป้ของเพื่อนสาว และเอากระเป๋าตังค์ไป ตอนที่แยกไปดูคอนเสิร์ตกับน้องผู้หญิงค่ะ เพราะกล้องถ่ายรูปของน้องผู้หญิงเอาไว้ในกระเป๋าสะพายไหล่ก็หายเหมือนกัน เราเองก็เหลือเงินติดตัวค่ารถแค่ห้าร้อยค่ะ กับเงินส่วนเกินของเพื่อนสาวที่ฝากไว้ทธุระเรื่องบัตรให้ ด้วยความที่เพื่อนเราต้องไปอบรมต่อ พี่ใหญ่สุดของกลุ่มเลยให้เพื่อนสาวเรายืมตังค์ค่ะ เอาไว้เป็นค่ารถค่าเดินทางไปอบรม

พอมาวันศุกร์มะกี้ (ถ้าจำไม่ผิดนะ) เพื่อนสาวเค้าโพสต่อว่าเราในเฟสบุคค่ะ ว่าเราไปหลอกลวงเขา ไปทำให้เขาลำบาก คิดว่าเรามีอะไรแอบแฝงในการชวนเขาไปเที่ยวด้วย เขาบอกว่าความผิดของเราคือ "ไม่บอกว่าคนที่จะไปด้วยคือ คนที่เจอในเน็ต" และวันต่อมาเพื่อนสาวก็ลบเราออกจากในรายชื่อเพื่อนของเขาค่ะ

เราเลยตอบในคอมเมนต์ของเพื่อนสาวก่อนที่เพื่อนจะลบชื่อเราออกไปประมาณว่า ขอโทษ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แย่ๆแบบนี้ และเพราะเห็นว่าเพื่อนเจอแต่เรื่องแย่ๆ ไม่ดีมา เลยอยากให้ไปเจออะไรอีกมุม ไม่ต้องออกจากโลกความจริง แต่ให้มองออกไปให้กว้าง เห็นอะไรที่แตกต่างและแปลกแยก ไม่เคยคิดร้ายหรือคิดไม่ดีกับเพื่อนเลย เราหวังไว้ให้เขาไปสนุกกับเราเท่านั้น ส่วนเรื่องคนที่ไปด้วยเราพบเจอในเน็ตนั้นเราไม่ได้ตอบค่ะ เพราะเราเห็นว่า พี่ๆกลุ่มนั้นไม่ใช่คนแปลกหน้าที่เจอกันในเน็ต เรามองพี่ๆ กลุ่มนั้นในฐานะรุ่นพี่ร่วมสถาบัน ที่คอยให้ความช่วยเหลือรุ่นน้อง

เราไม่แน่ใจว่าเพื่อนสาวเข้าเวปนี้หรือเปล่า ถ้าเพื่อนสาวเข้ามาอ่าน เราก็อยากจะบอกอีกเหมือนกันว่า ถ้ามองผ่านจากมุมของเรา เมื่อรู้ตัวว่ายังมีภาระที่ต้องทำ มีกังวลในขณะที่ต้องไปเที่ยว ทำไมไม่บอกเรา ถ้าบอกเราให้ทราบในคืนก่อนจะไป เราก็จะไม่โกรธคุณเลยนะ และเราก็จะไม่ให้คุณไปด้วย เหตุเพราะคุณมีกังวลในขณะที่คุณกำลังเที่ยว ซึ่งมันจะทำให้คุณไม่สนุกกับการเที่ยวเลย เราเข้าใจว่าคุณรับปากกับเราว่าจะไปแล้ว เราเข้าใจว่าคุณเสียเงินซื้อบัตรเข้างานแล้ว เราเข้าใจว่าคุณอยากไปเป็นเพื่อนเรา เราเข้าใจว่าคุณจริงใจกับเรา แต่ภาระหน้าที่การงาน การสอบ ของคุณมันสำคัญกว่านะ

สุดท้ายแล้ว เราไม่โกรธอะไรคุณเลยถ้าคุณจะต่อว่าเราหรือลบออกจากชีวิตคุณ เพราะเราไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกรธคุณเลยนะ เราหาเหตุผลที่จะโกรธคุณไม่ได้จริงๆ และเราก็หาความผิดที่คุณกล่าวไว้ไม่เจอเหมือนกัน หรือมันอาจจะผิดในความคิดของคุณ ซึ่งเราเองก็ไปเปลี่ยนแปลงไม่ได้หรอก หากคุณจะเชื่อแบบนั้น เราอยากให้คุณไปทบทวน ถึงแม้ว่ากลุ่มคนที่ไปเที่ยวด้วยเป็นเพื่อนเรียนสถาบันร่วมรุ่นวิทยาเขตกับเราและมีคุณที่ไปเที่ยวด้วยกลับต้องมีกังวลในภาระหน้าที่การงาน หรือทำของหาย มันก็มีค่าเท่ากันนะ คือ สุดท้ายตอนจบของการเที่ยวสำหรับคนที่มีกังวลขณะไปเที่ยวมันก็ไม่สนุกอยู่ดี  เราจริงใจและแคร์กับเพื่อนทุกคนนะ ไม่ใช่แค่คุณคนเดียว

ขอบคุณที่ให้พื้นที่เล็กๆ ที่ตรงนี้

Discussion (5)

ขอบคุณมากๆ ค่ะ T^T เรื่องกระเป๋าตังค์ของเพื่อนสาวหาย ตอนเราสอบถามเพื่อน ได้ใจความว่าน่าจะหายตอนไปดูคุณลุลาแสดงคอนเสิร์ตที่เวทีวัวน่ะค่ะ อาจเพราะเขาสะพายเป้ไว้ด้านหลังไม่ได้เอามาไว้ด้านหน้าด้วย ยังดีที่โน๊ตบุคไม่หายไปด้วย T^T เขาเล่าให้ฟังว่า เขายืนดูอยู่หน้าๆเวทีหน่อยนึง แล้วเหมือนมีคนมาดึงๆรั้งๆกระเป๋าเขาน่ะค่ะ แต่เขาคิดว่าคงเปนคนเดินผ่านไปมาโดนกระเป๋าเขาเฉยๆ พอเพื่อนสาวโทรไปอายัดบัตรแล้วเงินยังไม่ได้กดออก เราเลยคิดว่าเขาคงเอาแค่เงินสดไป ส่วนกระเป๋าตังค์คงทิ้งในป่าแถวๆนั้นค่ะ T^T (ส่วนน้องผู้หญิงที่กล้องหาย เขามารู้ตัวตอนนั่งกินข้าวเที่ยงน่ะค่ะ ตัวน้องเขาเองเลยสัญนิษฐานว่าคงหายไปพร้อมๆกัน)

ขอบคุณอีกครั้งนะคะ อย่างน้อยก็มีคนเข้าใจเรา ว่าตัวเราหวังดีกลับเพื่อนจริงๆ ไม่ได้ประสงค์ร้ายเลย รวมถึงเพื่อนๆคนอื่นที่เราได้ปรึกษาและเล่าให้ฟัง ><!
อย่าว่าแต่ไปเที่ยวเลยค่ะ เดินเต๊นท์ข้างๆที่ทำงานก็โดนล้วงกระเป๋าได้ ของแบบนี้ต้องระวังตัวเอง อย่าไปโทษคนโน้นคนนี้ โทษตัวเองดีที่สุด จริงๆนะ
ไปเที่ยวที่คนเยอะๆ แบบนั้นโดยเฉพาะช่วงเทศกาล มีโอกาสของจะหายสูงอยู่แล้ว
พวกมิชชาชีพมันรู้ว่าคนเยอะ ขโมยของง่าย มั่วๆ กะคนอื่นเยอะๆ หาตัวจับยาก ถ้าเอาของมีค่าไปก็ต้องดูแลทรัพย์สินตัวเองให้ดี

เข้าใจว่า เพื่อน จขกท. ไปเจอคนไม่รู้จัก เลยเกิดระแวงแบบนั้น แต่ไประบายทางเฟสบุ๊ค มันดู...งี่เง่ามากๆ ค่ะ เพราะเหมือนไปกล่าวหาคนอื่น ทั้งๆ ที่ไม่มีหลักฐาน กล่าวหา จขกท. ซึ่งเป็นเพื่อนด้วยซะงั้น แทนที่จะเคลียร์กันดีๆ ตั้งแต่ก่อนจะกลับจะดีกว่าไหม ถ้า จขกท. หรือ เพื่อนทางเน็ตคนไหน ขโมยไป ของมันก็อยู่ในนั้นแหละ กับใครสักคน...แต่ถ้าไม่มี ก็ต้องโทษตัวเองค่ะว่าดูแลไม่ดีเอง จะพาลใส่คนอื่นได้ไง งงมากๆ...

จขกท. ก็นึกซะว่าโชคดีแล้ว ที่เห็นธาตุแท้เพื่อนคนนั้นดีกว่าค่ะ ไร้เหตุผลสุดๆ อย่างงี้พอสอบตกไม่มีหวังมาโทษ จขกท. อีกเหรอว่าพาไปเที่ยว...ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เป็นคนตัดสินใจจะไปเอง

เพลีย...จขกท. อย่าไปใส่ใจเลยค่ะ
 นานาจิตตัง จขกท.ก็ทำดีสุดแล้ว ถ้าเพื่อนเห็นความหวังดีของเราเป็นอื่นก็ช่างเค้าเถอะ 
 ก็ธรรมดาคะ สำหรับเพือนคุณคนนั้น พอไปเที่ยวกับคนที่ไม่รู้จักมาก่อน อะไรหายก็ระแวงไว้ สงสัยไว้ ก็คงจะเป็นเรื่องปกติ เค้าอาจจะโกรธเป็นอารมณ์ชั่ววู่ของคนที่ของหาย บางทีก็กลายเป็นอารมณ์ที่มากไป โทษนู้นโทษนี่เกินพอดี พอเวลาผ่านไปเดี๋ยวเค้าก็คงจะนึกได้เองละคะ  แต่ถ้าเขามาว่ากันถึงขนาดนั้นเป็นเราเราก็รู้สึกอะ นิ่งไว้ดีที่สุดคะ