สาวๆ เริ่มลดน้ำหนักกันเพราะอะไรคะ มาแชร์ประสบการณ์กันดีกว่า
motto13
สวัสดีนะคะ ชื่อ แพรวนะ แฝงตัวอยู่ในจีบันมาก็หลายปีแล้ว โดยมากจะเห็นเราจากกระทู้ดราม่าซ่ะส่วนใหญ่ วันนี้ขอมาแชร์ประสบการณ์การลดน้ำหนักดีกว่า
เราเริ่มลดน้ำหนักรอบนี้ ได้ประมาณสองสัปดาห์แล้ว ไม่ใช่ผู้ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักหรอกค่ะ ก่อนที่จะมาเล่าเรื่องราวของแรงบันดาลใจในการลดน้ำหนัก ขอบรรยายรูปร่างของตัวเอง พร้อมกับประสบการณ์การลดน้ำหนักคราวๆ ก่อนนะคะ
เราอ้วนมาตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่เคยได้ชื่อว่าจะหุ่นดีเลยสักครั้ง เชื่อไหมคะว่า เราเริ่มกินยาลดน้ำหนักตั้งแต่ ม.1 ถ้าจำไม่ผิดนะ ถึงขนาดช็อคหามเข้าโรงพยาบาลเลยทีเดียว (ค่ายา คุณพ่อเป็นคนสนับสนุนค่ะ อยากให้ลูกสวย) หลังจากนั้นท่านเลยไม่ยุ่งอีก กะว่าโตเป็นสาวแล้วจะคิดได้
พอโตขึ้นมา เชื่อไหมคะว่า เรารักสวยรักงามมาก ชอบแต่งตัว ชอบแต่งหน้า แต่ไม่เคยให้ความสำคัญกับการลดน้ำหนักเลย จะลดก็อาศัยตัวช่วย กินยาบ้าง กินกาแฟบ้าง แต่สุดท้ายเหมือนจะผอม แต่กลับอ้วนหนักยิ่งกว่าเดิม
การลดน้ำหนักจริงๆ ของแพรวเริ่มครั้งแรก ก็ตอนที่เลิกกับแฟนคนก่อน (ใครยังไม่รู้จัก จิ้มกุ๊กไก่ได้นะคะ) ไม่ได้เกิดจากการลดน้ำหนักนะคะ เกิดจากการเครียด กินไม่ได้ สุดท้ายได้หามกันเข้าโรงพยาบาลคะ ตอนนั้นวันเดียวสามารถลดลงได้โลกว่าๆ โดยไม่ต้องทำอะไร คิดสภาพเอานะคะ ว่าแพรวจะเป็นยังไง
ออกจากโรงพยาบาลได้ระยะ หนึ่ง เริ่มใช้ชีวิตปกติ มีแฟนใหม่ (ก็แฟนคนก่อนนู๊นนน นั้นแหละค่ะ) น้ำหนักเริ่มอ้วนขึ้น พิกัดสูงสุด 85 คะ ทำไปด้ายยยย ก็เลยตัดสินใจลดน้ำหนัก ด้วยการควบคุมอาหาร ออกกำลังกายด้วยการเต้นแอโรบิค ประมาณ 2 เดือน แพรวลดได้เหลือ 77 ค่ะ แต่การควบคุมอาหารแบบไม่ดูแลตัวเอง ทำให้โรคกระเพาะและลำไส้อักเสบที่เคยเป็นกำเริบ รักษาอยู่ร่วมเดือน ทำอะไรก็ไม่ได้ กลับมากินข้าวเหมือนเดิม สรุปว่า น้ำหนักขึ้นคะ ตอนนั้นพิกัดอยู่ที่ 80 กิโลกรัม
คราวนี้ ถึงเวลาปัจจุบันที่ตัดสินใจจะลดน้ำหนักแบบจริงๆ จังๆ อย่างมีสติ เพราะอะไรรู้ไหมคะ ไม่ได้อยากสวย อยากดูดี อันนี้ไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ประเด็นหลักคือ “คุณแฟน” คะ พักหลังเค้าติดเพื่อนๆ ติดสังคม ไม่งั้นก็ไปตกปลา อารมณ์ร้าย ไม่สนใจเราเลย ชนิดจะเจ็บจะป่วยก็ไม่ได้มาสนใจ แพรวนั่งจมกองน้ำตามาร่วมเดือน
2 ประเด็นหลักๆ ที่ทำให้แพรวตัดสินใจลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง 1. แพรวทำงานที่หน้าคอมทั้งวัน กลับห้องปวดตามาก เลยเข้าห้องนอนแล้วปิดไฟเลยค่ะ อยากพักสายตา โดยที่แฟนกับหัวหน้างานกินเบียร์อยู่หน้าห้อง พร้อมกับแฟนของหัวหน้างานเค้า ตกดึกแพรวทนไม่ไหว จะให้เค้าออกไปซื้อยาหยอดตาให้ เค้าบ่นๆๆ ว่าๆๆ ให้แพรวว่า แพรวหาเรื่อง ตอนที่แฟนของหัวหน้างานอยู่ (พี่แกเป็นผู้ช่วยพยาบาลค่ะ) ก็ไม่ให้เค้าดูให้ สมอง บลาๆๆๆ แพรวเงียบ จะนอนก็นอนไป เค้าไปเอง สุดท้ายแพรวได้ออกไปโรงบาลเอง พร้อมกับผลการตรวจที่บอกว่า แพรวเป็น “ต้อลม” ค่ะ แพรวกลับห้องประมาณห้าทุ่มครึ่ง ปรากฏว่า เจ้าตัวนอนสบายใจเฉยยย จริงๆ อาการแพรวมันไม่ได้มากมายหรอก แต่ที่ตั้งคำถามในใจคือ นี่หรือคนที่เราจะฝากชีวิตด้วย จะรอดไหมนี่ อีกประเด็นหนึ่งก็คือ เวลาเธอไม่สบาย ฉันไม่เคยว่าให้เธอสักครั้ง ขนาดเธอกินเหล้าตากแดด เป็นไข้กลับมา ฉันดูแลเธอ คิดแต่ว่าทำยังไงเธอจะหาย ไม่เคยว่าให้เธอเลย แต่ทำไมเธอต้องมาว่าให้ฉันด้วย
อีกประเด็นหนึ่งก็คือ คุณแฟนเอาโทรศัพท์มาใช้เครื่องหนึ่งคะ ไม่บอกเรา พอเราถาม บอกว่า “แม่ให้เอามาให้ แม่ใช้วันทูคอล โทรหาไม่ค่อยติด (คุณแฟนกับเราใช้ดีแทคค่ะ) แล้วเราถามกลับว่า “ไม่คิดจะบอกกันเลยใช้ไม่” แฟนบอกว่า “ไม่เห็นมีความสำคัญที่ต้องบอก”
พอคะ เราร้องไห้มาพอแล้ว เราถามตัวเองว่า “เราไม่มีคุณค่าขนาดนั้นเลยหรอ เคยเห็นหัวเราบ้างไหม” คุณติดเพื่อน ติดสังคม ไม่เคยนึกถึงจิตใจเรา ทั้งๆ ที่เราแคร์คุณมาตลอด หลายคนบอกว่าทำไมถึงทน ทั้งๆ ที่เรา ฐานะ ชาติตระกูล การศึกษา หน้าที่การงาน ดีกว่าแฟนทุกอย่าง เพราะ “รัก” ค่ะ ถึงได้ทนตลอดมา
แต่วันนั้น เราปฏิญาณตัวเองแล้วว่า ฉันจะเลิกร้องไห้แล้ว เอาความเสียใจทั้งหมด มาเป็นแรงบันดาลใจในการดูแลตัวเอง ทำให้ตัวเองมีค่าขึ้น ลดน้ำหนักอย่างใช้สติ และครั้งนี้ เราต้องทำให้สำเร็จให้ได้
มาดูวิธีการกันค่ะ จริงๆ ก็ไม่มีหลักการอะไรเลย เราก็กิน สามเวลาเหมือนเดิม แต่เรางดแป้ง เนื้อสัตว์ทุกชนิด มากินผักและผลไม้แทน ลวกผักกับน้ำพริกบ้าง ต้มจับฉ่ายบ้าง โปรตีนเรากินนมถั่วเหลืองผสมงาดำสูตรน้ำตาลน้อยของดีน่าค่ะ ดูแลตัวเอง ออกกำลังการด้วยการเต้นแอโรบิค แล้วก็อบสมุนไพรด้วยคะ
เราทำปฏิบัติตัวมาได้จริงๆ จังๆ ร่วม 2 อาทิตย์ ตอนนี้เราน้ำหนักเหลือ 77 ค่ะ อาจจะไม่ได้ลดมากมาย แต่รู้สึกว่าไม่เหนื่อย ไม่ใจสั่น ไม่ทรมาน บางครั้งสองกระจก แล้วรู้สึกว่าสวยขึ้นนะ (แอบหลงตัวเอง)
ไม่ใช่การสร้างคุณค่าที่รูปร่างหน้าตาเท่านั้นนะคะ ตอนนี้เราเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบงานราชการด้วย เรากำลังจะไปสอบภาค ข ของกรมการพัฒนาชุมชน ครั้งนี้อย่างน้อยต้องขึ้นบัญชีให้ได้ ถ้าบรรจุได้ยิ่งได้ มันเหมือนเป็นปฏิบัติการเลยนะ ที่จะบอกแฟนว่า “ฉันไม่ใช่ของตายสำหรับเธอ”
อยากเล่า อยากแชร์ประสบการณ์แรงบันดาลใจของตัวเอง เห็นหลายคนเป็นทุกข์เพราะความรัก เราว่าเลิกทุกข์ เลิกนั่งเสียใจ หันมาดูแลตัวเอง ทำให้ตัวเองมีความสุข สร้างคุณค่าให้กับตัวเองดีกว่า แล้วก็ขอกำลังใจจากสาวๆ ด้วยนะคะ ในการลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองในครั้งนี้
ปล. 1. ถ้าพี่ซอรี่ ได้มาอ่าน โครงการอุดหนุนบารากุ ขอพับไว้ก่อนนะคะ หนูขอเอาเงินมาซื้อเครื่องสำอางมาโมดิฟายตัวเองให้สวยก่อน อย่างอนน้องนะคะ พี่สาวที่รัก
2. ตอนนั้นแพรวทำ how to เกี่ยวกับอาหารลดน้ำหนักไว้หลายอันแล้ว เป็นเมนูที่ทำง่ายๆ แถมลองทำแล้วอร่อยด้วย รอติดตามกระทู้ต่อไปนะคะ
*************************ความเจ็บช้ำที่เกินทน จะสอนคนให้ทนทาน****************************
Discussion (13)
เราอ้วนมาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน ไม่ชอบออกกำลังกายด้วย มากสุดที่ 85 (สูง167)
พอเริ่มโต เริ่มอยากสวยก็เลือกกินมากขึ้น
ไม่กินมัน ลงมาที่ 77
พอมีแฟนก็อยากจะสวยอีก
กินแต่ผัดผัก น้ำพริกผักต้ม ลงมาที่ 72
ช่วงที่เครียดทะเลาะกะแฟนบ่อยๆ
อันนี้ลงเอง ลงมาที่ 70
ช่วงที่เข้ามหาลัย ก็อยากใส่ชุดนิสิตสวยๆ
เลือกกินแบบสุดโหด บริหารร่างกาย งดขนม ลงมาที่ 67
แต่ที่ร้ายแรงมากกกก คือ
เพื่อนแฟนมาพูดกับแฟน ลับหลังเรา (แล้วแฟนมาบอกให้ฟังอีกที)
"อย่างมึงเดี๋ยวก็หาดีกว่านี้ได้" "ทำไมแฟนมึงอ้วนจังวะ"
โห มันปรี๊ดปรอทแตก ผู้ชายที่ไม่รุจักเรามาพูด ยุแฟนเราขนาดนี้เลยหรอ
แดนซ์กระจายคลายเครียด กินนับแคลอรี่ ฯลฯ ตอนนี้เลยลงมาที่ 62 ค่ะ
(ทั้งหมดทั้งมวลก็มีขึ้นๆลงๆบ้างอะนะคะ)
เรากินอะไรไม่ได้เลย กินปุ๊บปวดท้อง บางที่ปวดท้องแล้วอ้วก บางที่ก็ไม่อ้วก พอไม่กินแล้วก้ปกติอะ ไม่รู้สึกหิวหรืออยากกินอะไรเลย กินได้แต่น้ำเปล่ากับผลไม้นิดหน่อย จนถึงวันนี้ เกือบ2อาทิตย์
น้ำหนักเราก้ลดนะ สัดส่วนลดลงเยอะเลยโดยเฉพาะพุงหายไปเกือบหมด รู้สึกตัวเบาดีนะ ตอนนี้คุยกับแฟนเหมือนจะดีกันแล้ว แต่เค้ายังไม่มั่นใจกลัวว่าสักวันเราจะวีนแตกอีก ฮาๆ เราก็ต้องคอยปรับไปเรื่อยๆ
ลดน้ำหนักได้เพราะเรื่องนี้มันน่าดีใจไหมเนี่ย