Burberry Lips Cover Review

 
วันนี้จะมา swatch สีพร้อมทั้งรีวิว ลิปสติกทุกสี ทุกเฉดของเครื่องสำอางเบอเบอร์รี่ ที่เพิ่งมาเปิดเคาน์เตอร์ในไทยไปไม่นานนี้ ให้สาวๆ จีบันได้ลองดูกันค่ะ  โดยคราวนี้จะมีการเปรียบเทียบให้ดูด้วยว่าริมฝีปากที่ค่อนข้างมีสีและมีขอบปาก กับริมฝีปากธรรมดาๆ  ทาลิปสติกแท่งเดียวกันแล้วจะออกมาเป็นสียังไงบ้าง ต่างกันมั้ย  ลองติดตามกันดูนะคะ
 
เกริ่นก่อน ลิปสติกของเบอเบอรี่จะมีด้วยกัน 2 เนื้อ ตามที่ทางเบอเบอร์รี่บอกมา คือมีรุ่น Lip Cover ซึ่งเลขสีจะเป็นเลขตัวเดียวและสองตัว  
 
กับอีกรุ่น  Lip Mist  จะเป็นเลข 3 ตัว ตั้งแต่ 201-209 
 
ความแตกต่างของ 2 รุ่นนี้ คือเนื้อลิป ตัว cover จะปกปิดสีปากได้มากกว่า เพราะเป็นเนื้อครีม เม็ดสีชัดกว่า เนื้อหนักกว่า ตัว mist ที่จะออกเนื้อเชียร์ๆ หน่อย  
 
ตัว Lip Cover จะมีด้วยกัน  สี  สีจะเรียงกันจากหมายเลข 1 ไปจนถึงหมายเลข  26 ซึ่งแต่ละหมายเลขจะเรียงตามเฉดสีที่ใกล้กันด้วย  ง่ายต่อการหาสีสันที่ต้องการมากๆ  เพราะมันเรียงกันไปเลย 
 
ซึ่งลิปทั้งสองรุ่นนี้ แพคเกจจะเหมือนกัน เป็นแท่งสีเงินดำเงาวับ มีลายเบอเบอร์รี่ ทำให้หรูหรามากขึ้น ฝากะตัวลิปจะเป็นแม่เหล็ก เวลาใส่ปลอกเข้าไปมันจะดูดกันให้เข้าล็อค เจ๋งดี ไม่เหมือนใคร 
 
คราวนี้มาดูกันดีกว่าว่าแต่ละสี สวยแตกต่างกันยังไงบ้าง เผื่อเพื่อนจะได้ดูก่อนตัดสินใจซื้อเนอะ 
 




No. 1 Nude Beige ชื่อ สีก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นสีอะไร ตามชื่อเลยค่ะ
สีนู้ดที่เป้นโทนเบจ ซีดได้ใจ ไม่สามารถปิดขอบปากได้ ถ้าจะทาสีนี้
ยังไงก็ต้องแต่งตาค่ะ ไม่งั้นป่วยสุดๆ แถมดูหลอกด้วย



 

 
No.2 Cameo เป็น ลิปครีมสีพีช ชมพูอมส้ม ผสมนม หวานแหวว
ทาแล้วสวยมาก ดูเป็นผู้หญิงน่ารักๆ คนผิวขาวทาแล้วสามารถแอ๊บว่าเป็นสีปากดั้งเดิมยังได้
เพราะทาแล้วไม่หลอก ใช้ได้ทุกวันค่ะ เม็ดสีชัดดี ปิดสีปากเดิมได้พอประมาณค่ะ





No.3 Cameo Pink สีใกล้กับหมายเลข 2 มาก แต่จะออกชมพูกว่า ตามชื่อสีเลย
อันนี้สีจะเข้มกว่าสีเมื่อกี๊นิดนึง เพราะเป็นสีชมพูอมส้มที่ออกชมพูมากกว่า  แท่งนี้
ก็สามารถใช้ได้ทุกวัน จริงๆ สำหรับเบอร์ 2 และ 3 อยากให้ลองดูบนปากก่อนตัดสินใจ
เพราะบางคนทาเบอร์ 2 แล้วสวยกว่า บางคนก็ทาเบอร์ 3 สวยกว่าล่ะ เหมือนบลัชออนนาร์ส
สี Orgasm กับ Deep Throat อ่ะค่ะ ที่ต้องเลือกว่าทาอันไหนแล้วเกิดกว่ากัน 

จะบอกว่าสีเบอร์ 1,2,3 เนื้อจะเหมือนกัน เป็นเนื้อครีมมากๆ จะเหลวได้ง่าย 
ต้องระวังนิดนึงตอนเก็บ ระวังเละจ้า





 
No.4 Rosewood  เป็นสีชมพูน้ำตาลผสมนมๆ  ออกผู้ใหญ่นิดนึง เนื้อลิปไม่ค่อยเหลวเท่าไหร่
และก็เนื้อไม่แน่นมาก ทาแล้วดูสุขุมหน่อย แนว working woman แต่ทาแล้วหน้าไม่ดุนะ
ยังออกหวานอยู่เพราะเม็ดสีสีชมพูยังมีอยู่ค่อนข้างเยอะ  สำหรับคนขอบปากชัด
คงต้องลงคอนซีลเลอร์ก่อนนิดนึงจ้า






No.5 Heather Rose  แท่งนี้จะเป็นชมพูที่อมน้ำตาลมากขึ้นอีก สีก็เข้มขึ้น
คนปากคล้ำทาแล้วกลืนแฮะ สวยดีนะ  ไม่ดุ  ส่วนฟะร้าทาแล้วแก่แฮะ ๕๕๕






No.6 Nutmeg สีจันทน์เทศน์ สมชื่อค่ะ น้ำตาลแบบสีของเมล็ดจันทน์เทศน์เลย
ทาแล้วน้ำต๊าล น้ำตาล เข้มได้ใจ แต่งหน้าแนวเอิร์ธโทนจะดูสุขุมได้ที่ 
สีเข้มจะปิดสีปากเดิมได้สนิทค่ะ

สำหรับสีที่ 4,5,6 เป็นสีที่ออกแนววินเทจและคิดว่าจะมาแรงในช่วงปีหน้านี้
สมควรมีติดโต๊ะเครื่องแป้งไว้สักแท่งนะจ๊ะสาวๆ









No.7 Mocha  สีน้ำตาลกาแฟเข้มๆ แบบกินแล้วตื่น เข้มสุดในบรรดาเฉดสีน้ำตาลของยี่ห้อนี้
แล้ว  แต่ทาแล้วยังคงความหวานและความสง่างามแฮะ ไม่ดุเป็นแม่มดเท่าไหร่
ยังถือว่าพอทาได้อยู่  แต่คนไทยคงไม่ค่อยนิยมเท่าไหร่ ถ้าไม่แนวจริงๆ แต่เค้ายังยืนนะว่า
ปีนี้สีจำพวกนี้กำลังมา สำหรับความปกปิดนี่สนิทแน่นแม้ทาไปหน่อยนึงเพราะสีจัดชัดเจน





 
No.8 Tea Rose  สีนี้ก็สวยล่ะทุกคน...นนน  สีชากุหลาบงามงด  เพิ่งรู้ว่าชากุหลาบ
สีจะเป็นอย่างนี้ อิอิ สีออกชมพูขาวมุก สวยหวานมากๆ  แบบคุณหนูเลย 
เนื้อไม่เหลวเท่าไหร่และไม่ปกปิดมากค่ะ





No.9 Blush  เป็นอีกสีที่ทาแล้วสวยทุกคน  เป็นสีพีชที่ไปในโทนส้มมากหน่อย 
ทาแล้วดูสุขภาพดี อันนี้ทาบางๆ ก็แอ๊บเป็นสีปากตัวเองได้เลย ฮุฮุ 
เนื้อไม่เหลว เม็ดสีเยอะปกปิดดีค่ะ






No.10 Dusty Rose สีชมพูเนื้อๆ  สำหรับริมฝีปากคล้ำ ทาแล้วเหมือนไม่ทา 
เหมาะสำหรับคนที่แต่งตาเป็นประจำแต่ไม่ชอบปากซีดแบบป่วยๆ สีนี้เป็นตัวเลือกที่ดี
อาจจะมองว่าไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แต่ถ้าลองทาและแต่งหน้าให้ครบ
รับรองว่าสีนี้จะเป็นสีที่ขาดไม่ได้ค่ะ






No.11 Antique Rose  สีนี้ก็จ๋วย...ยย แนวชมพูนู้ด ทาแล้วปากอวบอิ่ม
คนผิวเหลืองแบบฟะร้าปลื้มค่ะ  แต่สำหรับคนผิวสองสีอาจจะไม่ค่อยเหมาะกับลิปสีแนวๆนี้
เพราะจะทำให้ปากสีซีดแบบป่วยๆ ได้ 







No.12 Sepia   ชื่อสีทำให้นึกถึงภาพเก่าๆ โทนน้ำตาลเหลืองขึ้นมาทันใด 
ลองไปดูสี ก็เป็นน้ำตาลแต่ไม่เหลืองนะ เป็นน้ำตาลม่วงออกนู้ดมากกว่า 
เดี๋ยวต้องลองถ่ายโทนสีซีเปียดูเผื่อถ่ายรูปแบบนั้นแล้วสวยเจิด  แต่ปกติก็โอเคนะ
ไม่ขี้เหร่ ปิดสีปากได้ดีในระดับนึง  เพราะไม่เข้มจัด










No.13 Heather  ใกล้เคียงกับสี Sepia มาก แต่จะมีน้ำหนักของสีม่วงที่เข้มกว่านิดนึง
ก็จะดูเป็นผู้ใหญ่กว่า  สีชัด ทารอบเดียวก็ปิดสีปากได้หมดค่ะ






No.14 Prune เป็นสเตปที่ม่วงขึ้นอีกจากสีเบอร์ 12 และ 13 คือสีลูกพรุน
ดูจากแท่งก็ลูกพรุนซันสวีทเห็นๆ  ทาแล้วก็ขึ้นกับสีปากคนนะ ดูได้จากรูป
ว่าถ้าปากสีคล้ำทาแล้วก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรเท่าไหร่  แต่บนปากฟะร้า
ดูร็อครุ่นเก่าได้อีก เป็นสีสำหรับผู้ใหญ่เปรี้ยวจัดๆ และเด็กที่รักดนตรีร็อคจริงๆ ๕๕๕ 






No.15 Bright Plum  ซอฟท์จากสีลูกพรุนลงมาเหลือสีบ๊วยเค็ม (จะให้แปลว่าอะไร
บ๊วยสว่าง? ปะหลาด  เรียกบ๊วยเค็มละกัน อิอิ)  เป็นสีชมพูม่วง  ยังคงความแซ่บ
แต่แสนซน และหวานขึ้น  เด็กๆ อาจจะไม่โปรดเท่าไหร่ แต่ผู้ใหญ่น่าจะปลื้มนะ





No.16 Claret  สีเริ่มเฟดไปในโทนแดง สีนี้ยังเป็นแดงซอฟท์ๆ แบบแรกเริ่ม ระเรื่อๆ 
สวยดี เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มหัด  อยากริลองทาปากแดงบ้าง ให้เลือกเฉดนี้ทา
ก่อนในขึ้นตอนแรก ก่อนจะค่อยๆ ไต่ระดับความแดง ซึ่งสีนี้สวย ไม่ต้องกลัวว่า
จะเสียตังค์เปล่า รับรองว่าทาได้ทั้งบ้าน ทุกเพศทุกวัย  สวยค่ะ ทาง่าย เนื้อดี
ปิดสีปากได้ค่อนข้างดี





No.17 Union Red  แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าแดง แด๊ง แดง  สาวฮอตห้ามพลาดเด็ดขาดกับสีนี้
ร้อนแรงทุกฤดูแน่นอน ไม่แต่งหน้า หน้าโป๊แล้วทาสีนี้ จบ (ไม่ได้จบชีวิตนะ ๕๕๕ )  เดินออกจาก
บ้านได้เลย กลายเป็นสาวเริ่ด เปรี้ยวจี๊ดทันทีรับรอง  สีผิวยังไงก็ทาแล้วสวยจ้า รับรอง






No.18 Ruby  สีแดงทับทิม  จะเป็นแดงที่มีเม็ดสีน้ำเงินผสมอยู่มากกว่าสีแด๊งแดงแท่งเมื่อกี๊ 
แท่งนี้ก็งาม แต่จะดูเป็นผู้ใหญ่และสง่ากว่าเพราะอิเม็ดสีน้ำเงินที่เจืออยู่นั่นแหละ 
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ สีเปลี่ยนเพียงนิดเดียว เปลี่ยนอารมณ์ได้จริงๆ นะ  ฉะนั้นสีนี้
ถ้าใครอยากเพิ่มความมั่นใจพร้อมกับพลังและอำนาจทาเลยค่ะ  สยบทุกสิ่ง









No.19 Brick Red  สีแดงก่ำ  เป็นแดงผสมน้ำตาล  อันนี้จะเพิ่มความอบอุ่นลงไป 
จะไม่ดูเปรี้ยวซ่าเท่าแด๊งแดง และแดงน้ำเงิน แต่จะมีอารมณ์ของความเป็นแม่ขึ้นมาหน่อย 
แก่ขึ้นอีกนิดนึง  แต่จะดูใจดีขึ้นนะ  จริงๆ สีนี้วัยรุ่นและเด็กแนวก็ทาได้  มันสวยอยู่ 
เหมาะกับเทรนด์ปีนี้อยู่นะ





No.20 Hibicus  แดงเบอร์รี่  อันนี้จะเป็นวัยสาวมากขึ้น  แต่ไม่แนว  จะหวานขึ้น
แต่ยังคงความเปรี้ยวอยู่ เป็นหวานอมเปรี้ยว แบบเบอร์รี่ๆ  แต่ทำไมไม่รู้
สำหรับสีนี้อยากซื้อให้แม่มากกว่าใช้เองนะ





No.21 Deep Burgundy  แดงน้ำตาลอีกแท่งนึง  ซึ่งแท่งนี้จะผสมสีน้ำตาลอย่างเข้มข้น
เอาใหม่ เรียกว่าสีน้ำตาลแดงละกัน  ใครชอบแนววินเทจไปหามาเลย 
ทาแล้วหน้าสว่างขึ้นด้วย  ใช้ไม่เปลืองเลย ทานิดนึงสีชัดเจน





No.22 Delicate Rose  ตัดอารมณ์ ฉับ!!! กลับมาในโทนชมพูหวาน หว๊านหวาน 
เป็นชมพูครีม อมส้มนิดนึง  ทาแล้วน่ารักดี แต่ว่าสำหรับคนผิวสีอาจจะต้องกลัวหลอก
หน่อยนึง  ถ้าแต่งสโมคกี้นิดนึงก็จะแจ๋ว  เนื้อครีมแบบเหลวง่ายกลับมาอีกแล้ว
กับสีจำพวกนี้  เตือนเหมือนเดิมว่าอย่าลืมแช่เย็น





No.23 English Rose  เป็นสีชมพูนู้ดอย่างแท้จริง  สำหรับฟะร้าทาแล้วเหมือนไม่ทา 
ส่วนใครที่มีขอบปากชัด ต้องระวังหน่อยนึง สีนี้ลดสีพีชที่ให้ความกลมกลืนกับ
โทนผิวคนเอเชียไปแล้ว ดังนั้นแท่งนี้จะทำให้ดูหลอกมากกว่า  ควรลบขอบปากก่อนจะใช้ค่ะ





No.24 Romantic Rose เป็นนู้ดโทนส้มส้มอ่อนๆ  งามเลย  ใครที่หาลิปสีนู้ด มาดูแท่งนี้เลยจ้า 
ทาแล้วนู้ดๆ แบบไม่ป่วยสยองขวัญ  สีนี้ออกนู้ดแบบธรรมชาติ เหมือนทารองพื้นที่ปาก
เพียงแต่สัมผัสและสีที่ให้มันสวยกว่า





No.25 Nude Rose  นู้ดมันก็ยังมีหลายนู้ดให้เลือกนะ  นี่เป็นอีกสีที่สวย  เบอร์ 24
จะออกน้ำตาลส้ม แต่แท่งนี้จะมีน้ำหนักของโทนชมพูเข้ามา  ก็สวยไปอีกแบบ 
ทาแล้วธรรมชาติเหมือนกัน  ใครที่สงสัยว่าแล้วมันต่างยังไง ใช้แทนกันได้มั้ย
ขอบอกว่ามันขึ้นอยู่กับสีอายชาโดวที่แต่งแล้ว  ขอบอกว่ามันเข้ากับเฉดสีที่ต่างกัน
และต่างสีก็ให้ต่างอารมณ์






No.26 Nude Cashmere  สำหรับสีสุดท้ายของรุ่นนี้ จะออกสีนู้ดผสมสีม่วงๆ
ทาแล้วสีปากซีดลงหนึ่งขั้น และมีเม็ดวิบๆ อยู่นิดๆ (นิดมากๆ ) หลอนๆ หน่อย ออกเนื้อเชียร์




เป็นไงมั่งคะ ชอบสีไหนกันมั่งป่าว อ่ะ สำหรับใครที่ชอบเนื้อเชียร์ๆ หน่อยอดใจรอรีวิวคราวหน้ากับ Burberry Lip Mist Reviews นะคะ
 

Discussion (18)

โอ้ยยย อยากได้ไปหมดทุกสีเลยค่ะ
many thanks for review kaa :)
 หาซื้อได้ที่ไหนค่ะ ราคาเท่าไร อยากได้...


 No.8 Tea Rose โดนสุดๆ ชอบม๊วก
โทนแดงเป็นอะไรที่ต้องไปโดนมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ