Review : สุดยอดคลีนซิ่ง....Cleansing Express!!!!!
สตรอเบอรี่ จุฟ926 สวัสดีค่ะเพื่อนๆ
วันนี้เนยไม่สบาย อยู่ห้องก็ไม่รู้จะทำอะไร
น่าเบื่อมากๆ ได้แต่นอนซมอยู่บนเตียง
ก็เลยมารีวิว Cleansing Express ให้เพื่อนๆ ดูกันดีกว่า
ยอมรับว่าซื้อตามกระแสเพื่อนๆ ในจีบันเนี่ยแหละ
เห็นเค้าว่ากันว่าดีอย่างนู้น ดีอย่างนี้
มีเหรอคนบ้ากระแสอย่างเนยจะอดใจไหว
ก็เลยไปสอยมาซะเลย
รู้ว่ามันมีขายที่วัตสัน
ก็ไปด้อมๆ มองๆ อยู่นาน เพราะมันมีหลายสูตรมาก
แต่เห็นเพื่อนๆ ในจีบันฮิตกันอยู่ 2 สูตร
เนยก็เลยสอยมาทั้ง 2 สูตรเลย....กรี๊ดดดดดดดด!!!
วันนี้เนยไม่สบาย อยู่ห้องก็ไม่รู้จะทำอะไร
น่าเบื่อมากๆ ได้แต่นอนซมอยู่บนเตียง
ก็เลยมารีวิว Cleansing Express ให้เพื่อนๆ ดูกันดีกว่า
ยอมรับว่าซื้อตามกระแสเพื่อนๆ ในจีบันเนี่ยแหละ
เห็นเค้าว่ากันว่าดีอย่างนู้น ดีอย่างนี้
มีเหรอคนบ้ากระแสอย่างเนยจะอดใจไหว
ก็เลยไปสอยมาซะเลย
รู้ว่ามันมีขายที่วัตสัน
ก็ไปด้อมๆ มองๆ อยู่นาน เพราะมันมีหลายสูตรมาก
แต่เห็นเพื่อนๆ ในจีบันฮิตกันอยู่ 2 สูตร
เนยก็เลยสอยมาทั้ง 2 สูตรเลย....กรี๊ดดดดดดดด!!!
ปริมาณ 300 ml.
ราคาขวดละ 380 บาท
Made in Japan
.................................................................................................................................
ก่อนอื่นต้องมาทำความรู้จักเจ้าตัวนี้กันก่อนนะคะ
มันคือ "ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า สูตรน้ำ จากญี่ปุ่น" ค่ะ
สโลแกนของมันคือ :
"สะดวก รวดเร็ว สะอาด หมดจด ลบเครื่องสำอางออกง่ายในขั้นตอนเดียว!!!"
เหมาะสำหรับ.....
- คนที่ทำงานดึก เหนื่อยล้า อยากรีบนอน
- คนที่เพิ่งกลับจากปาร์ตี้ ง่วง อยากรีบนอน 555
.................................................................................................
ขวดสีฟ้า (ขวดซ้าย) คือสูตรผิวขาวกระจ่างใสค่ะ (Bright Up)
ขวดสีเขียว (ขวดขวา) คือ สูตรกระชับรูขุมขน สำหรับผิวผสม-ผิวมันค่ะ (Sebum)
ความเหมือนของ 2 สูตรนี้นะคะ
1. เป็นโลชั่นสูตรน้ำ ลบเมคอัพได้สะอาดหมดจดในขั้นตอนเดียว
เพียงแค่เช็ดเบาๆ ด้วยสำลีเมคอัพก็หลุดออกอย่างง่ายดาย
โดยไม่ต้องล้างซ้ำด้วยเจลหรือโฟมใดๆ
2. ทำความสะอาดได้หมดจดล้ำลึกถึงรูขุมขน ไม่เหนอะหนะ
รู้สึกสบาย สดชื่น นุ่มละมุนผิว
3. เป็นผลิตภัณฑ์ที่ 100% Oil Free ไม่มีน้ำหอม ไม่มีสี ไม่มีแอลกอฮอล์
ไม่มีสารกันเสีย ผ่านการทดสอบการแพ้และระคายเคือง ไม่ทำให้เกิดสิว
............................................................................................
ความต่างของ 2 สูตรนี้นะคะ
- ขวดสีฟ้า (Bright Up) จะมีส่วนผสมของ AHA ที่ได้จากน้ำนม
ช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวเนียนกระจ่างใส และมีส่วนผสมของชาเขียว
(Green Tea) ช่วยกระชับรูขุมขนด้วย
- ส่วนขวดสีเขียว (Sebum) จะมีส่วนผสมของชาเขียว (Green Tea)
ช่วยกระชับรูขุมขน และมีสารสกัดจากถั่วเหลือง และวิตามินอี
ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง
...............................................................................................
วิธีใช้ : กดหัวปั๊มให้คลีนซิ่งโลชั่นหยดลงในสำลีจนชุ่ม
แล้วเช็ดเบาๆให้ทั่วผิวหน้า เปลี่ยนสำลีเช็ดใหม่จนกว่าจะหมดคราบ
โดยไม่ต้องล้างน้ำออก สามารถลบมาสคาร่าและคราบลิปสติกได้
สามารถใช้ได้กับผิวรอบดวงตาและริมฝีปาก
.................................................................................................
ที่นี้มาดูประสิทธิภาพของมันกันนะคะ...ว่าจะสมราคาคุยรึป่าว
เนยจะใช้มันลบเครื่องสำอางค์ทีละอย่างให้ดูกันเลยนะคะ เริ่มจาก.....
1. Eyeliner (เลือกมาแต่ตัวเทพๆ ที่กันน้ำ กันเหงือ และไม่แพนด้า)
นั่นก็คือ Code B/ Oh My Eye Line/ In2it
อันดับแรกก็กดหัวปั๊มลงไปบนสำลีจนชุ่มเลยนะคะ (อยากจะบอกว่าเปลืองมาก)
และก็ลองปาดไป 1 ครั้งค่ะ ผลที่ได้คือ เจ้า in2it จางลงไปก่อนเพื่อนเลย
...................................................................................................................
ที่นี้ลองมาปาดกันต่อ (เนยใช้สำลีแผ่นเดิมนะคะ)
ปาดไปครั้งที่ 2 เจ้า Oh My Eye ก็เริ่มไปละค่ะ แต่ Code B ไม่สะทกสะท้าน
ปาดครั้งที่ 3 in2it ไปหมดละ
ปาดครั้งที่ 4 ไปกันทั้งคู่ in2it + Oh My Eye แต่ Code B ก็เริ่มสึกกร่อนบ้างละ
ดูสภาพสำลี...เป็นสีดำๆ และมีเส้นแผ่นฟิล์มของ eyeliner ติดอยู่อย่างเห็นได้ชัด
....................................................................................................................
สรุปว่า...กว่าจะลบเจ้า Eyeliner พวกนี้ออกจนสะอาดหมดจด ต้องใช้สำลี 2 แผ่นค่ะ
.............................................................................................................
2. คราบ Lipstick
ลิปสติกที่จะนำมาลบวันนี้มีทั้งหมด 5 สี
คละยี่ห้อกันไป มี ZA/ bsc/ in2it
(อยากให้รีวิวลิปสติกสีไหนก็ขอกันเข้ามานะคะ) พูดอย่างกะเป็น DJ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
ขั้นตอนก็เหมือนเดิมค่ะ..คือกดปัํมลงบนสำลีให้ชุ่ม
แล้วก็ปาดคราบลิปสติก ปาดไปครั้งแรกก็เลือนไปหมดเลยค่ะ
แต่ก็ต้องปาดคร้้งที่ 2 เพื่อความชัวร์.....
สรุปว่าสำหรับคราบลิปสติกต้องใช้สำลี 1 แผ่นค่ะ
...............................................................................................................................
3. คราบ Eye Shadow
อายแชโดว์ที่นำมาทดลองในวันนี้เป็นของ Revlon ค่ะ
เป็นพาเลต 4 สี โทนน้ำตาล
(ใครอยากดูรีวิวก็ขอกันเข้ามานะคร้า)
สำหรับคราบอายแชโดว์นี้ เนยก็ใช้สำลีแผ่นใหม่ กดปั๊มให้ชุ่มอีกเช่นเคยค่ะ
ปาดไปครั้งเดียวคราบอายแชโดว์ก็หลุดออกหมดเลย แค่ครั้งเดียวจริงๆ
................................................................................................................................
4. คราบ BB หรือ รองพื้น
ตัวซ้าย คือ รองพื้นของ Revlon รุ่น Photoready #003 Shell
ตัวขวา คือ BB ของ Freshel #2
กดหัวปั๊มให้ชุ่มเหมือนเดิม แล้วปาดลงไปบน BB และ รองพื้นเลยค่ะ
ปาดไปแค่ครั้งเดียวมันก็หลุดมาอยู่บนสำลีหมดแล้ว
สำลีกลายเป็นสีของ BB และรองพื้นแทน
...........................................................................................................
สรุปความรู้สึกหลังใช้นะคะ :
จากการใช้แต่ละสูตรจนหมด แล้วนำมาเปรียบเทียบกัน
เนยชอบสูตร Bright Up มากกว่าค่ะ แม้ว่าเนยจะหน้ามัน และต้องการกระชับรูขุมขน
แต่ว่าสูตร Bright Up ก็มีส่วนผสมของชาเขียวที่ช่วยกระชับรูขุมขนเหมือนสูตร Sebum เลย
และที่สำคัญทำให้หน้ากระจ่างใสขึ้นด้วย (ชอบตรงนี้แหละ)
และเนยแพ้ vitamin E ที่อยู่ในสูตร Sebum ค่ะ (ใช้แล้วสิวอุดตันขึ้นตลอดเลย)
ก็เลยชอบสูตร Bright Up มากกว่าค่ะ....ฟันธง!!!!!!!
ข้อดีของตัวนี้ที่เด่นชัดเลยคือ ประสิทธิภาพการล้างเครื่องสำอาง
ถือว่าสุดยอดมาก ไม่ว่าจะเป็นอะไร ลิปสติก อายไลเนอร์ รองพื้น ฯลฯ
ตัวนี้เอาอยู่!! ทุกสรรพสิ่ง
ไม่ว่าจะแต่งหน้าจัดเต็มแค่ไหน ก็ลบออกได้หมด
ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีแอลกอฮอล์ด้วย เลิศมั้ยล่ะ??
ล้างง่ายในขั้นตอนเดียว เหมาะสำหรับคนขี้เกียจอย่างยิ่ง 555
ส่วนความคิดเห็นอื่นๆ คือ
1. เนยว่ามันเปลืองสำลีมากกกกกกกกกกกก
เพราะว่าในการลบแต่ละส่วนนั้นก็ควรจะเปลี่ยนสำลีใช่มั้ยคะ
ไม่งั้นมันก็เละอยู่บนหน้านั่นแหละค่ะ
2. เนยว่ามันเปลืองอ่ะ หมดไวมาก ด้วยความที่เป็นสูตรน้ำนี่แหละ
กดไปบนสำลีแต่ละทีจนชุ่ม ก็ทำให้หมดเร็ว
ถามว่าไม่กดจนชุ่มไม่ได้หรอ ขอบอกว่าได้ค่ะแต่ว่าถ้าสำลีมันไม่เปียกพอ
หน้าของเราก็จะได้รับการระคายเคืองมากขึ้นนะคะ และทำให้เราต้องเช็ดมากขึ้นด้วยค่ะ
ขวดนึงเนยใช้ได้เต็มที่ 3 อาทิตย์เองค่ะ หมดไวมากกกกกกกกกกก
3. เนยไม่ค่อยชอบใช้คลีนซิ่งที่ต้องใช้สำลี เพราะเนยคิดว่ามันเป็นการรบกวนผิวหน้า
(ความเห็นส่วนตัวนะคะ...ที่จริงอยู่ที่คุณภาพของสำลี ถ้านุ่มก็โอเค)
และอาจเกิดการระคายเคืองได้ง่ายกว่าค่ะ ก็เลยจะลองเปลี่ยนไปใช้อีกตัวนึง
ของยี่ห้อนี้แหละค่ะยังไงจะมารีวิวผลให้ฟังกันนะคะ
4. แม้ว่าเครื่องสำอางจะหลุดออกหมด แต่เนยก็ไปล้างหน้าด้วยเจลล้างหน้าอยู่ดี
เพื่อความชัวร์ว่าสะอาดหมดจดแล้วจริงๆ
5. อย่าเผลอให้เข้าตาเชียวค่ะ แสบแทบดิ้น!!!! เข้าตาแล้วมันแสบมากกกกกกก
น้ำตาไหลพราก ๆ เลย ใครเป็นเหมือนเนยบ้างป่ะคะ
..........................................................................................................................
สรุปว่าสองตัวนี้เนยให้ 8/10 แล้วกันค่ะ
หักตรงที่เข้าตาแล้วแสบมาก และเปลืองใช่ย่อย
วันนี้มารีวิวแค่นี้ก่อน...บ๊าย บายคร้า
^______________________^
Discussion (26)
แสบตาเนอะ....เคยโดนเข้าไปทีนึง เข็ดเลย
เข้าตาแล้วแสบสุด คอนเฟิม
ตอนนี้วัตสันลดราคา เหลือขวดละ 342 บาทด้วยค่ะ เราเพิ่งไปสอยมาเมื่อสองวันก่อน
ซื้อที่เจ๊เล้งขวดละ 310 บาท เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่สะดวกไปซื้อที่นั่นนะคะ
รองพื้น บีบี ออกสะอาดมาก
แต่พวกอายไลเนอร์ มาสคาร่า กันน้ำ
ต้องเอาตัวรีมูฟเวอร์ของเมเบลลีนเชดค่อยออก