Review เกรียน ๆ ภาค makeup addicted <3

REVLON.


1.)

Revlon ColorBurst Lip Butter #Tutti Frutti

ลิปบัทเทอร์อันโด่งดังของเรฟล่อนนั่นเองงงงง!
tuesdae จำได้ว่าสีนี้เคยมีปรากฎการณ์หมดเกลี้ยงทุกสาขามาแล้ว :)
คือสีมันสวยมากกกกกก จริงๆนะ
มันจะเป็นสีส้มแบบ ส้มแปร๊ดแป๋นแหลนเลยอะค่ะ
แต่สีบนปากมันก็ต่างกันไปตามพื้นปากเดิมอะนะ
เห็นบางคนบอกทาแล้วออกมาเป็นส้มนม ๆ แบบ ส้มโอเค ไม่ได้แรดมาก
แต่บางคนทาแล้วก็ส้มเด่นเห็นชัดมาแต่ไกล

ของtuesdae ทาแล้วเป็นส้มแป๊ดค่ะ (คือทาแบบย้ำๆ หลายๆรอบหน่อย)
ซึ่งถูกใจมวาก! เพราะมันแรดมากถึงมากที่สุด  

 555 
แต่ถ้าทาแบบแตะ ๆ ก็จะเป็นแค่ส้มเรื่อ ๆ สุขภาพดี 
(คือสีมันเข้ากับสีผิวพอดี สรุปคือ ทายังไงก็สวยอะ! > <)

ลิปบัทเทอร์... ชื่อก็บอกอยู่แล้วอะเนอะว่าชุ่มชื้นแน่ๆ
tuesdae ทาลิปอันนี้ไม่เคยตกร่องนะ ไม่เป็นคราบด้วย
คิดว่าถ้าใครปากแห้ง อยากสวยแต่ขี้เกียจพกหลายอัน (ลิปมัน + ลิปสี)
ก็เลือกรุ่นนี้เลยค่ะ! เชียร์สุดใจ 

ติดทนมั้ย? tuesdae ว่ามันก็ทนอยู่นะ ทากันทีก็อยู่ได้ประมาณ 2-3 ชม.
ที่บอกว่าอยู่นี่คือสีนะ แต่ถ้าเรื่องความชุ่มชื้น (ซึ่งเขาใส่มาเต็มมากกก)
ถ้าไม่กินข้าวกินน้ำแล้วเช็ดปากแบบฮาร์คอร์ (แบบที่ tuesdae ชอบทำ)
ก็อยู่ได้ประมาณครึ่งวันเป็นอย่างต่ำอะค่ะ

คือมันจะอยู่ได้นานกว่านี้มั้ยไม่รู้นะ เพราะไม่เคยอยู่แบบปากว่างๆได้เกิน 2 ชม.
 (ก็ไอ้ที่บอกว่าสีลิปมันทนได้แค่นั้นอะค่ะ คิดว่าเพราะเหตุนี้แหละ 555)

ปัญหาเดียวที่มีคือเรื่องแพคเกจ คือ tuesdae ว่ามันเปิดยากอะ 

ใครที่ใช้คงจะนึกออกใช่มั้ยคะว่าฝามันจะกินที่ไปประมาณ 70% ของตัวแท่ง
แล้วทีนี้ พอมือมันๆจะมาเปิดมันก็เปิดยากอะค่ะ

คะแนน: 9.3/10 หักเรื่องแพคเกจ -.-


2.)

Revlon Super Lustrous Lipstick #Wink For Pink, #Cha Cha Cherry


รุ่นนี้มีอยู่สองสีค่ะ
แล้วก็มั่นใจมากๆว่าจะมีสีที่สาม สี่ ห้า งอกออกมาแน่ๆ 555
รุ่นนี้อยู่ได้ประมาณ 2-3 ชม. พอๆกับลิปบัทเทอร์ค่ะ
แต่จะเลือนง่ายกว่า เพราะเนื้อของลิปบัทเทอร์มันจะออกหนืดๆหน่อย
แต่ของรุ่นนี้ปาดทีลื่นปรื๊ด ๆเลยค่ะ 555 คือมันจะออกน้ำๆหน่อย
รุ่นนี้ก็ชุ่มชื่นมากเช่นกัน แต่พิกเม้นจะแน่นกว่า แล้วก็จะออกวาวๆเหมือนปากชุ่มน้ำ 

สี Wink For Pink จะเป็นสีชมพูหวานๆหน่อย tuesdae ทาแล้วออกมาค่อนข้างบาร์บี้

แต่ก็คิดว่าเหมาะกับคนขาวๆมากกว่า :)

คะแนน: 9/10 อย่างที่บอกค่ะ คือมันไม่ค่อยเหมาะกับตัวเอง -.-

สี  Cha Cha Cherry สีนี้ดูตามสีฟ้อนเลยค่ะ เป๊ะมาก! 555
จะเป็นสีแดงออก... อธิบายไม่ถูก 555
คือสวยนะ สวยมากกกก ชอบมากกกกกกกก
แต่ทาแล้วมันดูหน้าแก่อ่า 

ไม่รู้ทำไม เพราะทาไม่เป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้ 555

คะแนน: 8/10 หักที่ทาแล้วหน้าแก่! ชิ! งอน :(


3.)

Revlon Matte Lipstick #Strawberry Suede

ลิปตัวนี้... มัน... แมทสมชื่อมวากกกกกกค่ะ!
แมทแบบ แม๊ททททท แมท แต่ทาไปแล้วปากไม่แห้งนะ 

ไม่ได้ดูดความชุ่มชื่นของปากไปแต่อย่างใด
ติดทนนานมากกกกกก tuesdae ทาเข้าไปนั่งเรียนพิเศษ
สี่ชั่วโมงต่อมามันยังอยู่! โอ้มายยยยยยย
แต่ 4 ชม. นี่ไม่ได้กินอะไรนะคะ แค่ดูดน้ำนิดหน่อย

สีนี้จะออกแดงอมชมพูพีชๆหน่อย
แรงได้ใจ 

คะแนน: 9.5/10 หักที่สีแรงไปหน่อย ขัดใจท่านแม่ 555


มาต่อกันที่แบรนด์ที่สอง
ไม่เชิงว่าลูกรัก แต่เป็นแบรนด์คลาสสิก
เชื่อว่าทุกคนมีติดบ้านเป็นไอเท็มกันตายกันอย่างน้อยคนละชิ้นสองชิ้นแน่ๆ 555


Maybelline New York.


1.)

The Falsies Volum' Express Black Drama

อันนี้เป็นมาสคาร่า(อดีต)ลูกรักกันเลยทีเดียว
หนา ยาว ดำ เข้ม สะใจ ปัดง่าย อยู่ทน เลิศ!
ข้อเสียคือ มันไม่กันน้ำค่ะ = =
คือ teusdae ใส่คอนแทคเลนส์อะค่ะ
แล้วมันก็ต้องหยอดน้ำตาเทียมใช่ม้าาา
ถ้าวันไหนปัดหนา/ หยอดน้ำตาเทียมไม่ดีมันก็จะละลายออกมาเลอะอะค่ะ
เลอะนี่ไม่เท่าไหร่ เช็ดได้ แต่เช็ดออกแล้วก็ต้องปัดใหม่ มันเปลืองค่ะ! 555

เรื่อง fall out ก็มีบ้าง
แต่คือ tuesdae ปัดแบบดราม่าจริงๆเลยนะ
ก็ถ้าปัดแล้วไม่ดราม่าแล้วเขาจะตั้งชื่อรุ่นมาว่า black drama ทำไมล่ะ จริงมั้ย? 555
ปัดแบบ สี่ห้าชั้น จัดเต็มมากกกกก
ข้อดีคือไม่เป็นก้อน (แต่ก็ต้องมีเทคนิคนิดนึง)
หนาจริง ยาวจริง ดราม่าจริง อะไรจริง
แต่ด้วยตัวแปรง มันกระจายขนตาได้ไม่ค่อยดีเท่าไร
หัวแปรงใหญ่ ปัดขนตาล่างไม่ค่อยได้

สรุปข้อเสียก็คือ ไม่กันน้ำ กระจายขนตาไม่ค่อยดี ปัดขนตาล่างยาก

ป.ล. ชื่อรุ่นว่า drama แต่จะปัดเบาๆให้เป็น natural look ก็ได้นะ :) 
ปัดแค่รอบเดียวแล้วก็หาหวีมาแยก ๆขนตาเอา - เลิศ 

คะแนน: 8/10 หักตามข้อเสียที่บอกไป แล้วก็หักเนื่องจากมีของใหม่ที่ีดีกว่า
ที่สำคัญที่สุดคือมันไม่มีในไทย! (เอ๊ะหรือมี? แต่ไม่เคยเห็นนะ -.-)


2.)

Maybelline The Falsies Flared Volum' Express Mascara

จากอันข้างบน ที่โดนหักคะแนนไปก็เพราะเจ้าตัวนี้นี่เองค่ะ!
เฮ้ย คือแบบ อันนั้นว่าเลิศ อันนี้เลิศกว่าอ้ะ! 

คือมันก็เหมือนแบล็คดราม่าอะค่ะ
หนา ยาว(อันนี้จะเน้นยาวมากกว่า) natural ได้ drama ได้
คือเนื้อมาสคาร่าเหมือนกันทุกอย่างอะ
สิ่งที่ต่างคือแปรงค่ะ แปรงของรุ่นนี้จะแยกขนตาได้ดีกว่ามากกก
แล้วก็จะตักเนื้อมาสคาร่าขึ้นมาได้น้อยกว่า ทำให้โอกาสเป็นก้อนน้อยกว่า
แต่ก็ทำให้บิลด์ขนตาให้หนายากกว่าด้วย

สรุปคือ ดราม่าเน้นหนา เป็นแพ อลังการ แบบนางโชว์ แต่แฟลร์จะเน้นยาว เรียงเส้น สวยคุณหนู ๆ ผู้ดี ๆ

อ้าว... ถ้ามันเน้นคนละอย่างกัน ทำไมถึงบอกว่าแฟลร์ดีกว่าล่ะ?

อย่างที่บอกค่ะ แฟลร์ไม่เน้นหนาก็จริง แต่มันบิลด์ได้! :D
แล้วก็ไ่ม่ต้องหาหวีมาแยกขนตา เพราะแปรงของแฟลร์ตอบโจทย์ตรงนี้ได้แล้วแบบสุดยอด

ส่วนปัญหาก็เรื่องเดิมค่ะ... tuesdae ชอบปัดหนาๆ
พอปัดหนา ปัดเยอะ fall out มันก็จะมา -.-
แล้วก็นะ ไม่กันน้ำ ต้องคอยระวังเวลาหยอดน้ำตาเทียม

คะแนน: 8/10 ค่ะ! เอาไปเลยลูกรัก มีสิบให้สิบ มีร้อยให้ร้อย มีล้านให้ล้าน
ที่เห็นให้แค่ 8 คือหักที่มันไม่มีในไทยค่ะ โกรธมากกกก งอนเมเบลลีนอย่างที่สุด ชิ! :(


3.)

Eye Studio Lasting Drama Gel Eyeliner

จริงๆ tuesdae ไม่ค่อยได้ใช้ gel eyeliner เท่าไร เพราะว่าตาสองข้างมันชั้นไม่เท่ากัน
เขียนยากมากกกก - - 

ไม่เคยกรีดออกข้างนอกด้วย อันนี้ซื้อมาฝึกเฉยๆ 555
เพราะฉะนั้นจะไม่ให้คะแนนนะคะ ที่เอามารีวิวนี่แค่อยากจะบอกว่า
แปรงเขาดีมว๊ากกกกกก > < ชอบอะ 555
แปรงนุ่ม ขนแน่น เขียนง่าย สุดยอด!
(เอ๊ะตกลงนี่ซื้อแปรงหรือซื้อไลเนอร์กันแน่เนี่ย? 555)
เนื้อเจลก็ดีค่ะ เขียนง่าย ลื่นปรื๊ดๆ แห้งไวใช้ได้
สรุปคือ มือใหม่ซื้อเถอะค่ะ ได้แค่แปรงก็คุ้มแล้ว จริงๆ 555

4.)

Clear Smooth Shine-free Blush #Fresh Apricot 

ชอบมากกกกกกกกกกกกก
เป็นบลัชออนสีส้มๆ ปัดมาก็ส้มๆ เข้ากับสีผิวอย่างยิ่งยวด
คือแก้มจะเรื่อ ๆ บ่มแดด เหมือนเพิ่งไปวิ่งเล่นริมหาดตอนเที่ยงมา 

มีวิ้งเล็กๆ ที่เล็กจริงๆ ทาไปก็มองไม่เห็น
แทบจะแมทด้วยซ้ำ

ติดทนมากกกกกกกกกกกกกกกกก
มากถึงมากที่สุด
แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่า tuesdae ผิวแห้งมาก แห้งยิ่งกว่าทะเลทรายซาฮาร่า
เพราะฉะนั้นลืมเรื่องความมันตรงข้างแก้มไปได้เลย
ตอนอยู่เดนมาร์ก
ปัดตั้งแต่แปดโมง ส่องกระจกอีกทีตอนทุ่มนึงแก้มยังแดงอยู่!
โอ้มายยยยยยยยยยยยยย

อยู่ไทย เดิน ๆไปเหงืื่่อแตกพลั่ก ๆ (คือเป็นคนชอบเดินในแดด ไม่หลบอะไรใดๆทั้งสิ้น)
ส่องกระจกเรื่อยๆหน้าก็แดงอยู่อย่างนั้นทั้งวัน
แต่ก็ไม่แน่ใจว่าไอ้ที่แดงนั่นเพราะมันไปบ่มแดดมาจริง ๆหรือเปล่า 555

อีกประเด็นนึง - มันถูกมวาก!
ราคาเต็ม 179 บาท มีโปรเรื่อยๆ (ตอนนี้เห็นลดราคาอยู่ที่วัตสัน จะไปเอาสีอื่นเพิ่ม! > <)

สรุปคือ แนะนำสำหรับคนไม่ใส่คอนแทคเลนส์ค่ะตัวนี้

คะแนน: 9/10 หักที่ไม่เหมาะกับเราซึ่งใส่คอนแทคเลนส์ = =



จบแล้ววววววว

555 เสร็จซะที รีวิวแรก เขียนซะสะใจเลย
จริงๆมีเยอะกว่านี้ แต่อันนี้คัดมาเฉพาะของเทพที่พอมีโอกาสหาซื้อได้ในไทย
จริง ๆ จะรีวิว Rimmel ด้วย แต่แยกกระทู้ดีกว่า ของเขาเยอะ 555

เจอกันภาคหน้า skincare lover นะจ๊ะชุบุ 

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจค่า :D
*ไหว้งามๆ*