^ สาวๆ จ๋า ชีวิตคู่เป็นของคน 2 คนก็จริง แต่อย่าลืมพ่อแม่นะคะ ^

พอดีว่าเพิ่งผ่านการงานศพของอากู๋ (น้าชาย-น้องชายแม่) ไปไม่นานมากค่ะ

แล้วที่บ้านก็เป็นเชื้อสายจีนซะด้วย ซึ่งในงานศพ ..นึกย้อนไปถึงงานของอากง (คุณตา) เมื่อหลายปีก่อนด้วยอีกที

ซึ่งในหลายๆ พิธีของคนจีน บางขั้นตอนจะต้องให้ลูกชายเป็นคนทำให้

อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ค่ะ ว่าคนจีนอ่ะชอบลูกผู้ชายมากๆๆๆๆๆๆ

 

ย้ำ “ๆ” เยอะ เพราะบางบ้านจะชอบมากจริงๆ

บางบ้านเว่อร์มากซะจนลูกสาวแทบไม่มีตัวตนเลยอ่ะ

ใครเป็น ยกมือสูงๆ เลยค่ะ ^^

แต่เปาเปาโชคดี ที่เดี๋ยวนี้พ่อกับแม่ไม่เป็นแล้วค่ะ (แต่เมื่อก่อนอ่ะ เป็นเยอะมากเลยนะ หุหุ/แอบปาดเหงื่อ)

 

กลับมาเรื่องคนจีนต่อค่ะ

ในหลายๆ พิธีกรรมของคนจีนเนี่ย จะต้องให้ลูกผู้ชายเป็นคนทำให้

ถ้าบ้านนั้นไม่มีลูกชาย ก็ให้หลานชาย หรือลูกเขย ทำให้แทนค่ะ

 

เรื่องมันก็มีอยู่ว่าบ้านของเปาเปาเนี่ย

มีแต่ลูกสาว เบ็ดเสร็จ 4 นางค่ะ เค้าว่าผู้ชายเจ้าชู้จะมีลูกสาว สงสัยจะจริงแฮะ

และยังไม่ได้มีนางใดแต่งงานกันเลยสักคน ..อ่ะจึ๋ยยยย (แฟนอ่ะมีนะ แต่ยังไม่ได้แต่งงานไง ^^)

 

ก็เลยมาลองแย่บๆ ถามพ่อกับแม่ดูค่ะ ว่าถ้ามีอะไรแบบนี้

อ่ะ อ่ะ พูดแบบนี้ เค้าไม่ได้แช่งนะ อยากให้พ่อแม่อยู่ไปนานๆ ให้เราได้เลี้ยงท่านให้สบายก่อน

คิดตลอดเลยว่า ..อย่าเพิ่งรีบไปเฝ้าเง็กเซียนฮ่องเต้เลยนะ ท่านพ่อ ท่านแม่

อยู่ไปอีกหลายๆ ปีให้ข้าน้อยได้ตอบแทนที่เลี้ยงดูก่อน ฮ่า ฮ่า

ที่บ้านมีแต่ลูกสาว ก็ให้ลูกสาวทำให้แล้วกันนะแม่

อีกอย่าง เราเป็นลูก เปาเปาก็อยากจะทำให้เองอยู่แล้ว ไม่อยากให้คนอื่นมาทำให้หรอก

หรือไว้ให้ลูกสาวแต่งงานก่อน ก็ให้ลูกเขยทำให้ไง ^_____^


แต่ตอนนี้ยังไม่มีลูกเขยนะ ท่านพ่อ ท่านแม่ มีแต่ว่าที่ อิอิ

((--ข้างบนเกริ่นนำนี่ ไม่ค่อยเกี่ยวไรกับหัวข้อเท่าไรเล้ยยยยย 555 ---))

 

 

ทีนี้เกี่ยวไรกับ”ชีวิตคู่”ละ เกริ่นมาตั้งยาว

ก็คืองี้ค่ะ สมัยนี้เห็นหลายคู่ ที่คบกัน อยู่กินด้วยกันมาหลายปี แต่ก็ไม่ได้แต่งงาน

ซึ่งก็คงไม่ได้แปลกแยกอะไรเหมือนกันสมัยก่อนๆ แล้ว

แล้วเปาเปาเองก็รู้สึกงั้นเหมือนกันค่ะ ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วของหลายๆ คน

ที่จะลองใช้ชีวิตด้วยกันก่อน แล้วค่อยแต่งงานกัน

 

ที่นี้ก็มาถึงประเด็นค่ะ เปาเปาเห็นคนรอบๆ ข้างหลายคน

ก็เป็นแบบเนี้ย คบกันหลายปี สุดท้ายตัดสินใจร่วมหอลงโรง ย้ายข้าวของมาอยู่ด้วยกันซะเลย

เริ่มต้นชีวิตคู่ ..เป็นเรื่องดีนะคะ ยินดีด้วยค่ะ ที่เจอคนๆ นั้น คนที่ใช่สักที

แต่ทีงี้ ไงละ ก็ใช้ชีวิตกันไป ผ่านจากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จากปีเป็นหลายปี

ก็ยังไมได้จัดงานแต่งงาน ซึ่ง ..เปาเปาก็ว่าการจัดงานแต่งใหญ่โต

มันคงไม่ได้เป็นตัวการันตีว่าชีวิตคู่ของคน 2 คนนั้นจะยั่งยืน จะอยู่กันไปจนแก่เฒ่า

บางทีจัดงานกันไปเป็นล้าน ต้องเป็นหนี้เป็นสิน จัดเสร็จ ต้องตามใช้หนี้กันอีกหลายปี

ถ้าไม่จัดงานคงจะดีสำหรับหลายๆ คู่ ด้วยซ้ำ ..ถ้าต้องกู้เงินมาจัด ไม่จัดดีกว่านะเปาว่า

 

ไม่จัดงานอ่ะ ไม่เป็นไรนะคะ

แต่เปาเปารู้สึกแปลกใจที่คน 2 คน ใช้ชีวิตกันเหมือนโลกนี้มีแค่”ตัวเอง”

ไม่สนใจพ่อแม่ ไม่สนใจญาติพี่น้อง

บางคู่ คบกัน (อันนี้ใครๆ ก็รู้ค่ะ ที่บ้านก็รู้แหละ) อยู่ดีๆ วันนึงออกมาประกาศปาวๆ

ว่าจะแต่งงานแระ จะไปเข้าร่วมงานอะไรสักอย่างที่เค้าจัดๆ กันตามเทศกาล

 

 

แบบว่า พอเป็นคนใกล้ตัว เราก็รู้ข่าวคราวความเคลื่อนไหว ผ่าน FB, MSN ฯลฯ ไรเงี้ย

 

พอได้ข่าวงั้น เพื่อนๆ ก็พากันร่วมแสดงความยินดีกันยกใหญ่ ทำของขวัญให้ ตามไปร่วมงาน

ช่วยถ่ายรูป แบบว่าจัดเต็มกันไป ตามประสาเพื่อนสนิทมิตรสหาย

 

แต่ไหงพอตามไปดูรูปถ่าย หลังจากวันงานที่บอกว่าจะแต่งงานกัน

ไม่ยักจะเห็นพ่อแม่ญาติพี่น้องไปร่วมงานด้วยเลยสักคน

เอ๊ะ ..มันชักจะยังไงเนอะ ประกาศว่าแต่งงาน แต่แต่งกันเองแค่ 2 คน แปลกกกกกกกอ่ะ

อ่อ มีเพื่อนๆ ไปกันอีกกลุ่มนึงเล็กๆ ..มั้ง

ด้วยความที่ใกล้ตัวเกิน เลยรู้ว่าที่บ้าน ไม่มีใครรู้เลยว่าคน 2 คนนี้จัดงานแต่งงานกันแล้ว

รู้แต่ว่าเค้าคบกันมาหลายปี แล้วไปอยู่ด้วยกันแล้ว เท่านั้น!!

ไอ่ที่ประกาศโต้งๆ ว่าจัดงานแต่ง จดทะเบียนกันอ่ะ เค้าทำกันแค่ 2 คน รู้กันในหมูเพื่อนฝูงเฉยๆ

 

นี่ละค่ะสาวๆ จ๋า เลยอยากจะให้ทบทวนกันนิดนึง ว่าชีวิตคู่เป็นของคน 2 คนจริงๆ ค่ะ

แต่ก็เป็นคน 2 คนที่อยู่ในสังคม มีญาติพี่น้อง แล้วก็มีพ่อแม่ด้วย (ไม่ได้เกิดจากกะบอกไม้ไผ่นะ)

จะทำอะไรสักอย่าง ก็น่าจะให้เกียรติให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ข้างหลังด้วยอ่ะค่ะ

ไม่จัดงานแต่ง แจกการ์ดแบบทั่วๆ ไป ก็น่าจะทำอะไรให้เป็นเรื่องราวนิดนึง

 

อย่างของคนจีน เค้าก็มีพิธียกน้ำชา หรือเรียกว่า “เจี๋ย แต้” ในภาษาจีนค่ะ

ให้ญาติ 2 ฝ่ายมาเจอกัน กินโต๊ะจีนกันนิดหน่อย

หรือถ้าบางบ้านไม่ได้มีเงินมากมาย ก็แค่ซื้อหาอะไรมากินกัน ทำกับข้าวกินกันเองที่บ้าน

ก็ไม่ได้ยุ่งยากเกินไปนี่นา สำหรับการแต่งงานง่ายๆ แบบนี้

เปาเปาว่าออกจะน่ารักดีด้วยซ้ำ ไม่สิ้นเปลืองด้วย

 

อ่อ อีกนิด

..มั่นใจนะคะ ว่าตอนไปถามเรื่องของคนคู่นั้น

เปาเปาเห็นน้ำใสๆ เอ่อล้นจากตาของแม่ของคนที่เป็นเจ้าสาวค่ะ

ได้ยินคำพูดประโยคนึงว่า ..”ชีวิตเค้ามีกันแค่ 2 คน ช่างเค้าเถอะ”

ฟังแล้วรันทดหดหู่ น้ำตาพาลจะไหลตาม

ทำไมเค้าไม่คิดถึงหัวอกพ่อแม่บ้างเลย กรรมแท้ๆ

 

นี่ผ่านไปหลายปี ได้ข่าวของคนคู่นี้อีกเมื่อไร ก็จะนึกถึงเรื่องนี้ทุกที

จนไม่อยากจะได้ยินข่าวคราวอะไรอีกเลยค่ะ

 

สาวๆ อ่านแล้ว อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ

พ่อแม่ ญาติ พี่น้อง เราไม่สามารถตัดเค้าขาดออกจากชีวิตได้หรอกค่ะ

เค้าเป็นส่วนนึงในชีวิตของเรา

กับสังคม ถ้าเราสามารถแสดงกิริยาที่ดีกับใครๆ ได้ ก็อย่าลืมแสดงอะไรดีๆ กับคนที่บ้านด้วยนะคะ


*รูปจาก google.com

 

Discussion (14)

เคสนี้ ตรงข้ามกับเราสิ้นเชิงเลยค่ะ
เราอยู่ก่อนแต่ง พอตัดสินใจจะแต่งงาน ก็บอกพ่อแม่ จดทะเบียนทำพิธีแต่งงานเรียบร้อย แม่บอกอยากจัดงานฉลองเราก็จัดให้ ทั้งๆ ที่เราไม่อยากจัดงานใหญ่ เพื่อนฝูงก็อยู่ต่างประเทศกันซะส่วนใหญ่
ปรากฏว่า พอถึงวันงาน แขก 400 คนเรารู้จักไม่กี่คนเอง คนที่ทำงานพ่อแม่หมดเลย
รู้สึกไม่เหมือนงานแต่งงานตัวเองเลยค่ะ มาถึงตอนนี้ ความทรงจำดีๆ แทบไม่มีเลย รู้สึกเหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ พ่อแม่เรา ไม่ค่อยเชิญญาติด้วยนะ คนที่เราแคร์ คนที่เลี้ยงเรามา ไม่ได้มาร่วมงาน เสียใจอ่ะ

แต่ก็มีอย่างนึงที่รู้สึกดี รู้สึกดีที่ได้จัดงานให้เค้า พ่อแม่อยากมีส่วนร่วมเราก็ให้โอกาสเค้าได้ทำ ตอนนี้ก็โล่งใจแล้วล่ะ
@ jejie - จริงค่ะ ให้คิดเองในฐานะหัวอกคนเป็นแม่

ก็คิดว่าคงไม่มีแม่คนไหน อยากให้ลูกสาวไปอยู่กินกับผุ้ชาย ก่อนที่ทำอะไรให้เป็นเรื่องเป็นราวค่ะ

แต่สมัยนี้ บอกตรงๆ ค่ะ ว่าโลกคงเปลี่ยนไปแล้ว

ถึงผู้ใหญ่จะห้าม ถ้าเด็กจะทำ คงตามไปดูไม่ได้อ่ะค่ะ

 เราเห็นด้วยในมุมที่ว่าบางทีก็ต้องมีผู้ใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ขอออกความเห็นเรื่องคู่นั้นได้มั้ย เราว่าเค้าอาจจะไม่ได้อยากเก็บข้าวของไปอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่มีงานแต่งหรอก แต่ว่าอาจจะเป็นได้ว่าพ่อแม่ไม่ยอมรับ เค้าก็เลยต้องทำแบบนั้น
@อ้วน อ้วน - งั้นแต่งเข้า

แล้ว(หลอกล่อ)ให้คุณแฟนมาช่วยดูแลคุณแม่เราด้วยสิคะ

ได้ 2 เด้งเลยนะ อิอิ

เราก็เป็นอีกเสียงหนึ่งที่จะไม่ยอมทิ้งพ่อแม่ไปแต่งงานโดยให้ท่านอยู่บ้านลำพัง
ถึงแม้ตอนนี้จะเหลือแม่เพียงคนเดียว(เราคบกับแฟนมาประมาณ 9 ปีแล้ว)
เราขออยู่บ้านกับแม่เราดีกว่า