--*RV-HL*-- สรรพสิ่งที่ช้อปปิ้งในเดือนเมษายนนี้ ! ! (เยอะไปมั้ย)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

  

 

 

 

 

  

นี่คือทั้งหมดที่จะมารีวิวในวันนี้ค่ะ ...มาดูแต่ละชิ้นกันเลย !

 

 

 

 

  

 

 

 

 

 

 

 

 

 

  

เริ่มประเดิมด้วยชุดคุณนายชุดใหญ่

Make Me Classy in Black ของ Sigma จำนวน 12 ชิ้น พร้อมกล่องกระบอก
ราคาแตะ 4,000 บาท 

---

F30 - Large Powder
แปรงสำหรับปัดแป้ง วนทั่วหน้า สามารถใช้ได้ทั้งแป้งฝุ่นและแป้งแข็ง
อาจ adapt มาใช้กับการเบลนบริเวณแก้มในกรณีที่ปัดแก้มเข้มและเยอะเกินไป
ไม่เหมาะสำหรับการปัดแก้มเพียวๆ เพราะหัวแปรงค่อนข้างใหญ่และบาน ทำให้แก้มอาจดูเป็นปื้นๆ ได้


.................................

F50 - Duo Fibre
แปรงดูโอ้ ไฟเบอร์ หรือ แปรงขนสกั้ง แล้วแต่จะเรียกเลยค่ะ
(อันที่จริงปลายขนต้องสีขาวนะคะ พอดีปลายังไม่ได้ทำความสะอาดเลย)
เป็นแปรงที่ใช้คู่กับ Liquid Foundation หรือ Cream Blush ก็ดูเบาๆ ผสมกลมกลืนดีค่ะ


................................. 

F60 - Foundation
แปรงหัวแบน หน้ากว้าง ขนเนื้อแน่น เหมาะสำหรับลงรองพื้นชนิดครีม หรือ ชนิดที่มีความเข้มข้นสูง
สามารถใช้ได้กับ Cream Blush ได้เช่นกันค่ะ แปรงนี้จะให้ลุคที่ปกปิดได้ดีเยี่ยมกว่า Duo Fibre 
ดังนั้นเวลาลงรองพื้นชนิดครีม หรือ Cream Blush จำเป็นต้องเกลี่ยให้ไวเลยค่ะ ไม่งั้นจะเป็นก้อน

.................................  

F70 - Concealer
แปรงคอนซีลเลอร์ แปรงแบน ขนแน่น แสดงถึงการออกแบบที่ต้องการการปกปิดบริเวณที่มีรอยสิว จุดด่างดำ
หรือจุดกระ ฝ้า ลองเหี่ยวย่น และด้วยการออกแบบให้แปรงทีโค้งมน ทำให้ซอกซอนเข้าถึงบริเวณใต้ตา
และหัวตาได้เป็นอย่างดีค่ะ
**...แนะว่า หลังจากใช้แปรงนี้ลงคอนซีลเลอร์แล้ว ให้ใช้นิ้วนาง เกลี่ยต่อ
จะทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นจริงๆ ค่ะ **


.................................  

E05 - Eyeliner
แปรงหัวเล็ก หัวแหลม ออกแบบมาให้เป็นแปรงอายไลเนอร์
จะทำให้ได้ลุคเฉี่ยวๆ หางคมเปรี๊ยะ
สามารถ Create อายไลเนอร์ให้เป็นเส้นหนาๆ และตวัดหางให้ยาวๆ แหลมๆ 
จะเหมาะมากกกก และ สวยมากกก


.................................  

E30 - Pencil Brush
แปรงหัวดินสอ แปรงหัวแหลม แต่มีความฟูๆ อยู่ ทำให้เราสามารถ create ลุคคัดเบ้าได้ดีมากๆๆ เลยค่ะ
ปลาแนะนำแปรงสไตล์แบบนี้ ติดไว้ที่บ้านคนละแปรง** สองแปรงเลยค่ะ ..รับรองว่า จะติดใจจริงๆ 55555



.................................  

E40 - Taperd Blending
แปรงเบลนดิ่ง แปรงทรงยาวๆ หัวฟู
เหมาะมากหากจับคู่กับแปรง Pencil Brush เรียกได้ว่า เป็นอะไรที่ลงตัวสุดๆ**
สามารถเบลนเส้นอายชาโดว์จากแข็งๆ ทื่อๆ ให้กลายเป็นฟุ้งๆ และสมูธได้อย่างสวยงามเลยค่ะ


.................................  

E55 - Eye Shading
แปรงหัวบาน สั้น แต่ขนแน่น เน้นการไว้แท็บสี Pigment หรือ สีอายชาโดว์ธรรมดา**
เพื่อต้องการให้อายชาโดว์ติดแน่นปึ็กไปตลอดทั้งวันค่ะ
ด้วยรูปทรง โค้งมน และบานออก ทำให้เราไม่จำเป็นต้องรูด หรือ ถูแปรงไปมาๆ
แต่เพียงแค่ใช้วิธีแท็บๆ สีๆ กดๆ สีก็พอแล้วค่ะ


.................................  

E60 - Large Shader
แปรงหัวแบน ทรงสูง ขนแน่น เหมาะสำหรับการแท็บสีอายชาโดว์หรือพิกเม้นต์
หรือสามารถใช้ได้กับ Cream Eyeshadow หรือ Eyeshadow Primer ก็ยังได้ค่ะ
แปรงนี้ก็เปรียบเหมือนแปรงลงรองพื้นที่ตาเรา นั่นเอง



.................................  

E65 - Small Angle
แปรงหัวตัด เหมาะสำหรับการวาดเส้นอายไลเนอร์อีกรูปแบบอีกแบบค่ะ
สำหรับแปรงนี้ หลังจากปลาได้ทดลองใช้ แล้วรู้สึกว่า แปรงค่อนข้างหนา (รูปซ้าย)
ทำให้เส้นอายไลเนอร์ค่อนข้างหนา (เกินไป) โดยส่วนตัวแล้วไม่ชอบค่ะ
เลย adapt มาเป็นแปรงเขียนคิ้ว จะเข้ากันกว่ามากๆ ค่ะ


.................................  

E70 - Medium Angled Shading
แปรงหัวตัด หัวฟู ขนาดกลาง ... เป็นอีกแปรงหนึ่งและแปรงสุดท้ายของการรีวิวชุดแปรงซิกม่า
ว่า หามาติดบ้านโดยด่วนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน*** นางคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ค่ะ
ด้วยรูปทรงหัวตัดและขนฟูๆ ด้วย ทำให้สามารถไล้จมูกก็ได้ Hi-light ใ้ต้โหนกคิ้วก็ได้ หรือจะคัดเบ้าก็งามแต้ค่ะ

---

Foundation Primer สูตร Hydrating ของ Laura Mercier
ขนาด 50ml. ใช้ได้ประมาณ 5-6 เดือน (ขึ้นอยู่กับการใช้ของแต่ละคนด้วยค่ะ)
ราคา 1,500+ บาท

มีพลาสติก ซีลปิดอย่างดี

เนื้อผลิตภัณฑ์สีขาวขุ่น Texture เป็นแบบเจลค่ะ จะทำให้เกลี่ยได้ง่าย ได้ทั่วหน้า
ดังนั้นการบีบผลิตภัณฑ์ออกมาไม่จำเป็นต้องมากมายเลยค่ะ บีบในปริมาณที่เรามีปัญหาผิวหน้า

- กลิ่นไม่หอมเลย (แต่มีเหตุผลของแบรนด์นี้นะ)
 ...สาวๆ คนไหนที่ชอบเลือกเครื่องสำอางค์ที่กลิ่นก่อน ตัวนี้อาจไม่ผ่าน...แต่ขอบอกเหตุผลที่กลิ่นของ Primer ตัวนี้ไม่หอม เพราะเกิดจากกรรมวิธีผลิตที่มาจากธรรมชาติ ถ้าจำไม่ผิด เห็นว่าผลิตมาจากเม็ดข้าวล้วนๆ และไม่มีความจำเป็นต้องใส่กลิ่นหอมๆ รัญจวนเข้าไป เพราะหลายคนที่เกิดอาการแพ้ได้ 
- สำหรับปลา ผิวหน้าเป็นผิวขาดน้ำ จะทำให้ผลิตน้ำมันออกมามากก ดังนั้น Primer ตัวนี้ไม่คุมมันเท่าไหร่ 
แต่กลับให้ลุคใสๆ ฉ่ำๆ โกลๆ มากกว่า และไม่ทำให้หน้าหมองและไม่ดรอปลงด้วยนะคะ

- เนื้อ Texture น่าใช้มากๆ เพราะด้วยความเป็นเจลขุ่น ทำให้ซึมซับเร็วและไม่เหนียมเหนอะหนะหน้า
- ช่วยให้เครื่องสำอางค์ติดทนนานมากๆ จริงๆ ค่ะ (ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเป็นคนไม่ชอบใส่ใจกับคำว่า Primer เลย)
- ปริมาณกับราคา คุ้มค่าสำหรับการทำให้เครื่องสำอางค์ติดทนนานจริงๆ ค่ะ =)

---

Chanel Mat Lumiere เบอร์ 30 Cendre
ปริมาณ 30ml. 
ราคา ~2,000 บาท

บอกก่อนว่า ก่อนปลาจะถอยรองพื้น Chanel ตัวนี้ ยอมรับว่าเป็นคนหารีวิวต่างๆ นานา
อาจไม่จำเป็นต้องรองพื้นตัวนี้ก็ได้ ปลาหาทุกผลิตภัณฑ์ที่คิดว่า เอ้ย อยากได้และเข้ากับสภาพผิวเรา
แต่ปลากลับพบว่า รองพื้นรุ่นนี้ Mat Lumiere ไม่มีใครรีวิวเลยยยยยยยยยย 55555
วันนี้ปลาก็ขอมารีวิวละกันค่ะ ว่า รองพื้นตัวนี้ทำงานกันยังไง

ความหรูหราของนางผู้นี้ ยังอยู่ยงคงกระพันไม่เคยเปลี่ยน

ภาพก่อน และ หลัง ลงรองพื้นค่ะ

- กลิ่นรองพื้นที่ปลาได้มา ไม่ค่อยหอมเหมือนผลิตภัณฑ์ชิ้นอื่นๆ เลยค่ะ ไม่แน่ใจว่าคนอื่นเป็นเหมือนกันเปล่า
มันไม่ได้เป็นกลิ่นรองพื้นธรรมดา กลิ่นจะแปลกๆ ไม่หอมเลย ...ไม่กล้าเอาไปเปลี่ยนเลยค่ะ เพราะใช้ไปแล้ว
- เหมาะกับคนที่สภาพผิวหน้าเรียบเนียน คือไม่เป็นขุย (ใครหน้าแห้ง หน้ามัน-ปกติใช้ได้) แต่ถ้ามีรอยเป็นขุย ก็อาจจะใช้ได้ แต่อาจจะเห็นเป็นริ้วๆ เท่านั้นเองค่ะ

ข้อดี 

- ควบคุมความมันค่อนข้างดี แต่คุมได้ไม่นานมาก (จำนวนชั่วโมง) ..สำหรับสาวหน้ามันมากๆ อาจต้องมี Primer ควบคุมความมันเป็นตัวช่วยเพิ่ม แต่ถ้าถามว่า รองพื้นตัวนี้คุมมันได้ไม่นาน สีจะดรอปลง หน้าจะหมองและเทามั้ย ตอบเลยว่า ไม่! ค่ะ หากเราหน้ามัน เพียงใช้แค่กระดาษทิชชู่ซับเบาๆ หน้าจะกลับมาผอง ใสๆ เหมือนเดิมเลย
- การปกปิด ค่อนข้างดีทีเดียวค่ะ แต่ไม่แนะนำให้ลงหลายๆ ชั้น เพราะรองพื้นตัวนี้เป็นรองพื้นแบบ Medium-Full Coverage เพราะหากลงหลายชั้นจะเกิดอาการหนาเป็นขนมชั้นได้ค๊าาา
- เกลี่ยง่าย ไม่เหลวเป๋ว หรือ หนืดจนเกินไป สามารถใช้คู่กับแปรงรองพื้นแบนๆ หรือ Duo Fibre ได้สบายๆ

---

Lifeford Hi-Precise Eye Pen
Magic Eyeliner in Black
ราคา 210 บาท
(ปลาซื้อมาตอนช่วงลด)

ติดตามการรีวิวย้อนหลังที่ได้นี้เลยค่ะ

http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=141708 

---

Revlon Lip Butter Color Burst
ปริมาณ 2.55 g.

ปลาเลือกสี Peach Partriat (ซ้าย)
กับ สี Strawberry Cupcake (ขวา)

 ข้อเสีย 

 ข้อดี 

- ลิปรุ่นนี้มีสีให้เลือกเยอะแยะมากมาย ทำให้ Range ของสี ไม่น่าเบื่อ เปลี่ยนได้ตลอด
- ราคาถูก ทำให้เวลาเราใช้รู้สึกไม่เสียดายว่า เอ้ยจะหมดเปล่าเนี้ยย (สำคัญนะ 55555)
- ลิปสี Peach Partriat เหมาะสำหรับสาวทุกเพศ ทุกวัย ที่ไม่ชอบสีปากจัดจ้านมากนัก 
ชอบความเป็นธรรมชาติ เสริมความอวบอิ่มให้กับริมฝืปากได้เป็นอย่างดี (น่าจูบบบบ)
- ส่วนลิปสี Strawberry Cupcake เหมาะสำหรับสาวผิวโทนขาวเหลือง-ผิวขาว จะให้ลุคเป็นตุ๊กตามากๆ ทาแล้วน่ารักมากๆ 

---

Stila Lip Glaze
รุ่นนี้ไม่มีบอกชื่อเลยค่ะ 
สองแท่งนี้ได้แต่ใดมา -- เพื่อนยกมรดกให้ นางบอกนางไม่ใช้ เอาไปเล้ยแกร๊!!
(ต้องใส่อารมณ์ขนาดนั้น?

)

เมื่อบิดเกลียวออกมา จะได้เป็นสีชมพูนมๆ ไม่มีกลิตเตอร์ หรือชิมเมอร์นะคะ
ส่วนสีทางด้านซ้าย เป็นสีราสเบอร์รี่ ออกชมพู-แดงซะมากกว่า จะผสมกลิตเตอร์เบาๆ
Texture ทั้งสอง เนื้อหนืดๆ และจะให้ลุคที่ฉ่ำๆ ดีค่ะ

 ข้อเสีย 

- โดยส่วนตัว ไม่ค่อยชอบแปรงที่ติดมากับเนื้อลิปสติกแบบนี้ เพราะอาจจะเกิดการหมักหมมและมีกลิ่นทะแม่งๆ ได้ สมมติเราไปรับประทานกับข้าวมา แบบกะเพรา ข้าวขาหมู แม้ว่าเราล้างปาก เช็ดปากแล้ว
แล้วใช้แปรงนี้ทาก็อาจติดเล็กติดน้อยขึ้นมาได้ ...หลังจากวันนั้นเราก็ทาซ้ำๆ ซากๆ อยู่แบบนี้ กลิ่นเปลี่ยน สิ่งสกปรกมากขึ้น ไม่ดีต่อสุขภาพปากแน่ๆ ค่ะ
- เนื้อลิปค่อนข้างหนืด เวลาประกบปากแล้วอ้าปาก อาจมีอะไรยืดๆ ได้ 5555 

 ข้อดี 

- มีกลิ่นหอมตามสีเลยค่ะ ตามปุ๊ป หอมปั๊ป เวลาพูดก็ยังหอมด้วยนะ 55555

---

Estee Lauder Sumptous Bold Volume Lifting Mascara (ซ้าย)
Estee Lauder Pure Color Lip Gloss สี Racy Rasberry (ขวา)

สองชิ้นนี้เป็นของแถมเล็กๆ น้อยๆ ที่พี่สาวนึกถึงปลา ก็เอามาให้น้องสาวใช้ ฮี่ๆๆ ดีใจ

เริ่มจากมาสคาร่าก่อนนะคะ
เป็นมาสคาร่าเนื้อสีดำสนิท ให้ความหนาและยาวได้ดีมากกกกก
แต่รู้สึกเหมือนจะเน้นความยาวมากกว่า
ปัดแล้วแห้งเร็ว แต่ไม่กันน้ำนะคะ
(เท่าที่ปลาสังเกตมาสคาร่าของ Estee ไม่ค่อยกันน้ำ)
ลักษณะแปรง จะเป็นบานตรงโคนและ หรี่เล็กตรงปลาย
ทำให้สามารถเข้าซอกซอนบริเวณหัวตาได้ดีค่ะ

ลิปกลอสของ Estee รุ่นนี้ กลิ่นยังคงหอมมมมมเป็นเอกลักษณ์
เป็นสีชมพูอมส้ม ผสมเนื้อกลิตเตอร์และชิมเมอร์
เนื้อเข้มข้น แต่ไม่เหนียวหนืด (เหมือน Stila นะคะ)
ด้วยความเป็นกลอส แน่นอนว่า ไม่อยู่ทนอยู่นานแน่นอนค่ะ

---