ใครมีแฟนเป็นชาวต่างชาติ แล้วโดนมองด้วยสายตาดูถูกมั่งค่ะ

 สวัสดีค่ะ ขอระบายนึดหนึ่งน่ะค่ะ (การที่มีแฟนเป็นชาวต่างชาติ ไม่ได้หมายความว่า เป็นผู้หญิงอย่างว่ามาก่อน)


    คือเรามีแฟนเป็นชาวต่างชาติ แล้วเราก็กลับไปเที่ยวเมืองไทยบ่อย ๆ ไปเที่ยวนี้ปรี๊ดที่สุดค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า แฟนเราซื้อคอนดดที่ภูเก็ต แต่ยังไม่เสร็จ ก้ไปเช็คเรื่อย ๆ คราวนี้พักอยู่โรงแรมชื่อดังใกล้ ป่าตอง ที่ตอนนี้เพิ่งเปิดใหม่อีกแห่งไม่ไกลกัน

    ตอนเช็คอินพนักงานก้หนาตาบูด ๆ ประมาณ อ่ะ นางมากับชาวต่างชาติ กด ๆ เช็คอินไป ทำเป็นไม่สนใจเรา ทั้งที่ชื่อบุ๊คกิ้ง และ บัตรเครดิต เป็นชื่อเรา ก็ถามแต่แฟนเรา อ่ะ ๆไม่เป็นไร ไม่บริการคนไทย ชั่งมัน

เหตุการครั้งที่  1  โมโห ระดับ 5 

    พอดีคราวนี้มากับเพือนอีกคน แล้วเราจองให้เพือนอีกคนด้วย เค้าอยากเปลี่ยนห้อง เราเลยถามกับพนักงานที่เช็คอินอยู่  ว่า เพือนอยากอัฟห้อง มีห้องว่า'หรือเปล่า   คุณเธอก็มองหน้า แล้วก้ไม่ตอบ ทำบุ๊คกิ่งต่อไป ไม่สนใจคำถามเรา เราเลยหันไปบอกแฟนเราเป็นภาษาอังกฤษว่า "เธอช่วยถามให้หน่อยว่ามีห้องสูทว่างหรือเปล่า เพราะฉันถามแล้วหล่อนไม่สนใจ" แฟนก็ถามเป็นภาษาอังกฤษ คุณเธอก็กุลีกุจรเช็คห้องว่างให้ เราก็โมโหน่ะ แต่ช่างมัน ไม่อยากโววายให้เป็นเรื่องใหญ่

เหตุการครั้งที่  2  โมโห ระดับ 9 

    เช็คอิรเสร็จนอนพักนิดนึ่ง โทรจองร้านอาหารตอนเย็นไว้ แล้วโทรไปหาเพือนนัดกันออกไปทานข้าว พอถึงเวลาเราก็โทรหาเพือน แต่ไม่อยู่ห้องเลยไปที่รีเซพชั่น ถาม

เรา  "ขอโทษค่ะ ห้อง   402 ฝากข้อความอะไรทิ้งไว้หรือเปล่าค่ะ"

หัวหน้าพร้อน(ผู้หญิง)  "ต้องการเช็คอินเข้าพักกับแขกเหรอค่ะ"

เรา (ปรี๊ดๆๆๆ) พยามข่มน้ำเสียง  "ขอโทษน่ะค่ะ อยากถามว่าห้อง  ฝากข้อความอะไรไว้หรือเปล่า คือโทรไปไม่มีคนรับน่ะค่ะ"


หัวหน้าพร้อน (เสียงแข็งขึ้น)    "ไม่ทราบว่า ต้องการเช็คอินเข้าพักกับแขกหรือเปล่าค่ะ"

เรา (ปรี๊ดๆๆๆๆๆ) พูดเสียงสั่น ๆ เพราะโมโหมาก  " ไม่ทราบว่าห้อง 402 ฝากข้อความอะไรทิ้งไว้หรือเปล่าค่ะ "

พนักงานที่เช็คอินให้เดินออกมา แล้วรีบพูดเร็ว ๆ " ลูกค้าค้นนี้เค้าเช็คอินแล้ว" "เค้ามากับแฟน พี่"

หัวหน้าพร้อน "อ๋อ ไม่ค่ะ ไม่มีข้อความอะไรฝากไว้ค่ะ"

เรา (ปรี๊ดๆๆๆ)  "แค่นี้ค่ะ ที่อยากรู้ ว่ามีข้อความอะไรฝากไว้หรือเปล่า นี่แหละคำตอบที่อยากได้ มี หรือไม่มี "

เราก็เดินสั่น ๆ เพราะโมโหขึ้นรถโรงแรมไป แฟนเราเห็นก้เลยถามว่าเกิดไรขึ้น เพราะแฟนรอที่รถ แล้วรู้ว่าเราโมโห แต่ไม่รู้ว่าเรืองอะไร ก้บอกแฟนไป พอดีเค้าคิดว่าเราเป็นผู้หญิงข้างนอก แล้วเข้ามาหาแขกอะไรประมาณนั้น  เค้าก็บอก ถ้ามีอีกบอกเลยน่ะ ตอนนั้นเลย ทนได้ไง เราก็บอก ไม่เป็นไร เพราะนัดกินข้าวกับเพือนไว้ แล้วเพือนมาเมืองไทยครั้งแรกด้วย ไม่อยากทำลายบรรยากาศ


เหตุการครั้งที่  3  โมโห ระดับ 10+++++  ระเบิดลง

หลังจากไปกินข้าว ก็พากันไปเดินเล่นที่ป่าตอง เพือนก็สนุกเล่นเกมส์ตีตะปู กินเบียร์สนุกสนาน เรากับแฟนเลยขอกลับก่อน พอมาถึงโรงแรม

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย "เป็นแขกพักที่นี้หรือเปล่าคับ" พูดห้วน ๆ

เรา "ค่ะ"

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย "ห้องอะไรคับ"

เรา "ห้องไรน่ะ (จำไม่ได้ หันไปถามแฟน) อ๋อ ห้อง 202 ค่ะ"

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย "เป็นแขกพักที่นี้หรือเปล่าคับ"  ถามอีกครั้ง ห้วนเหมือนเดิม

ปรี๊ดแตกค่ะ  "ทำไมเหรอค่ะ  อ๋อไม่ได้พักค่ะ เพิ่งไปเจอกันในบาร์ค่ะ ทำไมเหรอค่ะ"

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย " งันไปที่รีเซฟชั่นเลย" เดินนำไป

แฟนรู้เลยว่าเราโมโห เลยโวยวาย ว่าอะไร เกิดอะไรขึ้น หลายครั้งล่ะน่ะ ซ้ำ ๆ แล้วถามพนักงานต้อนรับว่าเป็นยังไงเหรอ แฟนผมเหมือนผู้หญิงขายตัวเหรอ ทำไมปฎิบัติกับเธอแบบนี้ แฟนผมมีการศึกษา มาจากครอบครัวที่ดี เสียงดังมาก

    หัวหน้าพร้อน อยู่ตรงนั้น ก็พยามแถ ข้าง ๆคู ๆ ว่าเป็นการเข้าใจผิด ว่าเราอาจเข้าใจภาษาไทยผิดไป หล่อนพูดภาษาอังกฤษบอกแฟนเรา ป๊าดๆๆๆๆๆ  ปรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆ  เรานี่ตะโกนกลับเลย จะเข้าใจผิดอะไร แล้วจะให้แปลว่าไง (พูดทั้งประโยคไทย และอังกฤษ แบบพาร์ก สองภาษา)

   เมื่อเช้าก็ที่หนึ่ง ก่อนก่อนไปก็ทีหนึ่ง กลับมาก็เอาอีก หล่อนก็พูดเสียงดังเลย ประมาณโมโห "ดิฉันนี่แหละค่ะที่พูดกับคุณ " เราก็ว่า ใช่ คุณนี่แหล่ะ บอกหน่อยสิที่คุณพุดน่ะ หมายความว่าไง(สองภาษา เพือ แฟนเข้าใจ) 

    หัวหน้าพร้อน เสียง โมโห แถๆ อีก ก็คิดว่าคุณผู้หยิงมากับแขก แล้วมาเช็คอินทีหลัง (ป๊าด ๆๆๆ ดูแถเข้า มาด้วยกันแล้วไปอยู่ไหนมาครึ่งวัน ถึงตามาเช็คอิน) เถียงข้าง ๆ คู แถ ๆ อยู่นั้นไม่ไปไหน แฟนเราเลยโมโหหนักโววายใหญ่ สุดท้ายหล่อนไปใหนไม่ได้ ก็เลยพูว่าขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิด

   สรุปแฟนเราให้เรียกผู้จัดการโรงแรมาคุย คุณเธอก็บ่ายเบียง คือ ท่านอาจไม่วาง มีประชุม ไม่แน่ใจ จะเช็คให้ คุณกับหัวหน้าเธอใหม แฟนเราบอกว่า ไม่ นัดให้ได้ จะคุยกับผู้จัดการโรงแรมเท่านั้น

สามวันที่พักโรงแรม ไม่ได้เจอ ผู้จัดการโรงแรม เลย เจอตอนเช็คเอา พอคุยให้ฟังเค้าก็รีบขอโทษใหญ่ จะจัดการให้
แต่ ณ วันนี้ ก้ไม่รู้ว่าจัดการอะไรยังไง เหนื่อยใจ  คิดเรื่องนี้เมือไหร่ ก็โมโหทุกที พยายามจะไม่คิด แต่ก้กลับเข้ามาในความรู้สึก รบกวนจิตใจตลอด มันร้สึกค้าง ๆ คา น่ะค่ะ


Discussion (55)

เราก็เป็นคนหนึ่งที่เจอค่ะ คือว่าที่แฟนเป็นคนญี่ปุ่นน่ะคะ แล้วแบบว่าเวลาเดินๆด้วยกันหรือยืนอยู่ มันก็มีบางคนค่ะ มองเราหัวจรดเท้าเลย ทั้งๆที่หน้าตา ผิวพรรณ รูปร่างเราก็ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่า แต่โชคดีมากๆค่ะ ที่เราค่อยเจอคนมอง น้อยมากๆ อย่างน้อย แค่2คนเอง ครั้งล่าสุดเจอพนักโรงแรมพูดภาษาอังกฤษด้วย คิดว่าเรามาด้วยกันและเป็นต่างชาติทั้งคู่ ที่ก็ไม่เข้าใจพวกที่มองเหมือนกัน ทำไมต้องมีอคติแบบนี้ด้วย ทุกคนมีสิทธิ์เลือก เราเองก็ไม่ชอบมากเลย
เรื่องจริงคือ พวกนางคงอิจฉาละ เพราะนางก็คงอยากมีแฟนฝรั่งเหมือนกันแต่ ฝรั่งเค้าไม่เอา อิอิ ไม่ต้องทำไรคะ จดชื่อมันส่งเมล์เล่าพฤติกรรม โดนไล่ออกแน่ อย่าไปต่อกรกับคนจิตใจต่ำเลย
อย่าว่าแต่พนักงานโรงแรมเลยค่ะ แม้กระทั้งตำรวจเองที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐยังดูถูกเลยค่ะ ตอนนั้นดิฉันไปภูเก็ตกับสามี สามีเป็นชาวต่างชาติ นั่งลีมูซีนแท็กซี่จากสนามบินเพื่อไปโรงแรม แต่ว่าแท็กซี่นั้นไม่ตรงไปส่งที่โรงแรม ดันพาเราไปจุดพักรถ และก็มีผู้หญิงออกมาชักชวนให้เราลงไป แต่เรากับสามีเหนื่อยมากจึงไม่ลงไป แต่มันก็พยายามจนสามีต้องด่าเพราะเขาไม่ชอบแบบนี้ พอมันเถียงสามีเราไม่ทันมันก็มาด่าเรา พูดจาหยาบคายมากแต่เราก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรเพราะตอนนั้นเหนื่อยมาก จากนั้นแฟนก็เลยให้คนที่ขับรถลีมูซีนนะไปส่งที่สน. (จำชื่อไม่ได้) พอไปถึงตำรวจมันถามเราว่าไปเอาแขกมาจากไหน เรานี้เดือดเลย ก็บอกมันไปว่าไม่ได้ไปเอามาจากไหน นี้เป็นสามีเรา ตำรวจมันก็เลยถามเราว่ามีอะไร เราเลยเล่าเรื่องให้มันฟัง แล้วมันก็โทรไปถามผู้หญิงคนที่ทำงานอยู่ตรงจุดพักรถ มันก็ถามกันไปตอบกันมาแต่ตำรวจมันก็ไม่ได้เอาผิดอะไร มันให้แฟนเราเขียนคำร้องเรียนบริษัทลีมูซีน
โดยส่วนตัวยังไม่เคยเจอตรงๆ แต่ครั้งหนึ่งเคยได้ยินคนทำอาหารเช้าในโรงแรมแอบนินทาเรารึเปล่า ว่า ทุกคนแหละพอมีสามีฝรั่งก็จะดูดีแบบนี้เสมอ คือตอนนั้นยังไม่มีแฟนฝรั่งมีแต่เพื่อนร่วมงานฝรั่ง นี้แหละปากคนขอให้ได้พูดดูดีก็โดน ดูไม่ดียิ่งโดน. หลังจากแต่งงานกับฝรั่งคนอังกฤษอีกต่อมาหลายปียังไม่เคยเจออีกเลย แต่การแต่งกายก็มีส่วนในการตัดสินคน ไม่ใช่แต่คนไทยคนต่างชาติก็มองไม่ดีถ้าคุณแต่งตัว look cheap ยิ่งสำหรับคนไทยที่จ้องคิดไม่ดีกับเมียฝรั่งยิ่งแล้วใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่สาเหตุหลัก กริยา การพูดจา ต่างหากที่สามารถทำให้คน อ่านคุณออกได้ทันที
โดนมาหมาดๆเลยเหมือนกันคะ ยังเซงไม่หาย!!!!!เมื่ออาทิตที่แล้วเอง เพื่อนเราจากแคนนาดาบินมาเที่ยว เราก็เลยเป็นไกน์ให้ไปรับจากสนามบินพาขึ้นแอพอทลิ้งไปเชคอินที่โรงแรมแถวราม ตอนอยู่บนรถไฟฟ้าเรากะเค้าก็คุยกันสนุกสนานตามภาษาเพื่อนไม่ได้เจอกันนานมีถูกเนื้อต้องตัวกันบ้างแต่แบบถ้าไม่โง่จิงๆก้อมองออกคะว่าเพื่อนกัน แต่ก็ไม่เข้าใจว่าจะมองอะไรกันนักหนากะอีแค่มากับฝรั่งเนี่ย! ถึงอิชั้นจะผิวคล้ำ แต่งตัวใส่เสื้อแขนกุดกางเกงรัดรูปไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้น่าเกียดอะไรสาบานว่าอิชั้นนั้นหุ่นนางแบบ!!!!!! แล้วชอบแต่งตัวอะมันมีปัญหาปะ มองเหมือนเราเป็นผู้หญิงขายตัวจิงๆจ้องตั้งแต่หัวจรดเท้ามีซุบซิบแบบเห็นเลยอะ ในใจตอนอยู่บนรถไฟฟ้าอยากจะตะโกนให้โลกรู้ว่า ชั้นเป็นทันทแพทยยะ! สมองทำไมไม่คิดกันบ้างว่าคนผิวคล้ำ ชอบแต่ง แล้วเดินกับฝรั่งเนี่ย ทำอาชีพอีนที่มีเกียตก้อได้ป่ะ! โอ้ยโมโห... อีกดอกนึงตอนพาเพื่อนขึ้นแทกซี่จากอโศกไปเซนเวิล เรียกแทคซี่คันนึงได้ แต่คนขับมันบอก ถ้าจะไปคิด150 ไอ้เราก็ไม่ได้โง่อะนะรู้ๆอยู่ค่ามิเตอร์ไปถึงจิงๆไม่ถึง60บาทแถมตอนนั้นรถก็ไม่ติด เลยบอกมันว่างั้นไม่ไป มันเลยบอก อะๆก็ได้เอาตามมิเตอร์ละกัน เราก็เลยพาเพื่อนขึ้น อีตาคนขับปากปีจอมันก็พูดออกมาว่า มีสามีเป็นฝรั่งรวยอยู่แล้วไม่ได้จ่ายตังเองซักหน่อย 150ก็ไม่ได้ แบบพอได้ยินอารมมันก็ปี๊ดสุดๆ เลยจัดไปเงิบๆว่า ตังหนูอะมีเยอะ แต่ก็ไม่ได้โง่!แล้วผู้ชายคนนี้ก็เพื่อนหนู่ ไม่ใช่แฟนคะ เจอกันตั้งแต่ตอนไปvacationปีที่แล้ว ถึงพูดไปพวกคนอย่างพี่คงไม่เข้าใจหรอก!จบแบบจิกๆ พอถึงเซนเวิลก้อจ่ายตังพร้อมบอกว่า 2บาทไม่ต้องทอนนะคะ เลยเดินลงสวยๆ...ปิดประตูเบาๆแบบไม่สนิท 555555555 ให้มันต้องเดินลงมาปิดเอง หมั่นไส้มากเลยจิงๆ อยากจะอาราวาดดดด ถ้าคิดในใจก็ยังพอรับได้นะ แต่นี่!พูดออกมาได้ไง สมองคงมีแค่นั้นจิงๆ