ความรู้สึกอย่างนี้ เราควรจะจบได้หรือยัง

สวัสดีเพื่อนๆ วันนี้มิ้นท์ขอมาแบบเศร้าๆนะ

ความรู้สึกนี้มันอยู่ในใจเรามาเป็นเวลาเกือบ 10ปี แล้วค่ะ
 
เราแอบมีความรู้สึกดีๆกับเพื่อนชายคนหนึ่ง รู้จักกันตอนอายุ 11 ปี ประมาณ ป.5

บ้านเราอยู่ติดกับเค้า เรียนโรงเรียนเดียวกัน เรียนห้องเดียวกัน เดินไปโรงเรียนพร้อมกัน เดินกลับบ้านพร้อมกัน

เวลาว่างๆในสมัยนั้น เราก็จะหากิจกรรมทำร่วมกันกับเค้าและลูกพี่ลูกน้องของเค้า ในกลุ่มเพื่อนที่ระแวกบ้านก็จะมีเรา

เค้า และพี่สาว(ลูกพี่ลูกน้องของเค้า) ขอใช้อักษรย่อชื่อเค้าว่า ส. นะคะ

ช่วงป.5-ป.6 เราสนิทกันมาก เราเองก็เริ่มมีความรู้สึกชอบเค้าไปพร้อมๆกับการเริ่มเป็นเพื่อนของเรา

แต่เราก็ได้แต่เผยความรู้สึกให้พี่สาวเค้าได้รับรู้ และคอยปรับทุกข์แค่นั้น พี่สาวเค้าก็เลยเหมือนกับพยายามเป็นแม่สื่อ

ให้ แล้วพี่สาว ส. ก็เปรยๆกับเราว่า ส. เค้าก็ชอบๆเราอยู่เหมือนกัน

แต่เราก็ไม่เคยแสดงออกให้ ส. รู้สึกว่าเราคิดยังไง

จนกระทั่ง ป. 6 ส. ก็มีแฟนคนแรก ซึ่งแฟน ส. ก็เป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกับเรา เราแอบร้องไห้เกือบทุกวัน โดยไม่ให้ ส.
เห็น

พอเทอมที่ 2 ของป.6 ส. ก็มีแฟนใหม่ ซึ่งก็เป็นเพื่อนในกลุ่มนางรำเดียวกับเรา


เราก็ยังไม่ได้เปิดเผยความรู้สึก อาจเป็นเพราะแม่เราไม่อนุญาตและสนับสนุนในเรื่องไร้สาระของเด็กแบบนี้

จบป.6 เราสองคน เข้าเรียนต่อม.1 คนละที่ แต่บ้านเราก็ยังติดกันอยู่เหมือนเดิม  ช่วงนั้นเราก็เริ่มห่างๆกัน เพราะพ่อ

เราไม่ค่อยปล่อยให้ไปไหนมาไหนด้วยกัน ไปเล่นด้วยกัน คุยกัน เหมือนแต่ก่อน 

เราก็ทำได้เพียงหาโอกาสเข้าบ้านของเค้า อย่างเวลาแม่เราใช้ให้เอาแกงไปให้ หรือบางทีมีงานอะไรก็ถึงจะได้เจอกัน

ช่วงนั้นเค้าก็โตขึ้น เริ่มคบแฟนจริงจัง ถึงขั้นเก็บเงินซื้อของให้ แล้วก็พากันไปเที่ยว

เราก็ได้แต่คอยตามข่าวเค้าว่าเป็นไงในแต่ละวัน โดยการแอบมองทางหน้าต่าง และถามไถ่จากพี่สาวเค้าที่อยู่บ้าน

ตรงข้ามกัน

พอช่วงม.2- ม.3 การใช้ชีวิตของเราทั้งสองคน ก็ทำให้เราต้องห่างกันมากขึ้น เค้าเริ่มทำตัวเกเรตามประสาวัยรุ่นตอน

ต้นบ้าง เริ่มหัดดื่ม สูบ เที่ยว และเจ้าชู้ขึ้น

แต่เราก็คอยห่วงเค้าอยู่ห่างๆ ช่วงนั้นเราไม่กล้าคุยกับเค้า และก็เริ่มทำใจ ว่ายังไงเค้าก็คงไม่สนใจเพื่อนเฉิ่มๆอย่างเรา

แต่เรากลับสนิทกับแม่เค้า 

และในที่สุด พอเราจบม.3 เราก็ต้องลงกลับมาอยู่ใต้ แต่ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าต้องกลับใต้จริงๆ เพราะเราได้โควต้า

นาฏศิลป์เชียงใหม่ และตั้งใจจะไปเรียนต่อที่นั่น จนพ่อเราขึ้นมารับ และท่านก็ไม่ยอมให้เราไปอยู่เชียงใหม่ลำพัง

ตอนนั้นเราช็อคมาก มันชาไปหมด เราไม่มีเวลาเหลือแล้ว เราไม่มีโอกาสได้เฝ้ามองเค้าอีกแล้ว ซึ่งเราคิดว่า เราจะ

บอกความจริงกับเค้า

แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ได้เพียงฝากแฟนชิพให้เค้าเขียน และขอรูปเค้าเอาไว้เท่านั้น

จากวันนั้นจนวันนี้ก็เป็นเวลากว่า7ปีแล้วที่เราไม่เคยลืมเค้าเลย

เราจะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไรดี ควรจะจบได้หรือยัง

Discussion (4)

ให้อารมเรื่องแฟนฉันเลยคะ เก็บเอาไว้ดีกว่า :)
เคลียร์ให้จบมั้ยคะ เป็นวิธีที่ฮาร์ดคอร์แต่ได้ผลนะคะ ลองดูว่าเค้ามีแฟนรึยัง ถ้ามีแล้วก็ส่งเป็นเมสเซจในเฟซไรแบบนี้ก็ได้ ส่งแค่พูดความในใจของเราเฉยๆ ไม่ได้ต้องการอะไร แต่ถ้ายังไม่มีก็ลองแย่บๆคุยไปแล้วหาโอกาสบอกความในใจ ไหนๆก็ไม่ค่อยได้เจอกัน ไม่ต้องกลัวเรื่องเข้าหน้ากันไม่ติดเลยค่ะ ที่ให้สารภาพความในใจเพื่ออะไร เพื่อตัวคุณเองค่ะ มันจะได้ผลลัพธ์อยู่แค่2ทาง 1.เค้าโอเคตกลงเป็นแฟนกับคุณ 2.เค้าปฏิเสธ แน่นอนว่าคุณเสียใจ ...แต่ทั้งสองทางนี้ ไม่ว่าจะออกหน้าไหน แต่มันคือจบ ...สิ่งที่คุณเก็บไว้ในใจมันจะได้จบลงสักที คุณจะได้เปิดโอกาสให้คนใหม่ๆเข้ามา นี่คือวิธีของเราค่ะ แต่ถ้าคุณไม่กล้าพอและคิดว่าเป็นแบบนี้ก็โอเคอยู่แล้ว จะเก็บมันไว้เป็นความทรงจำที่ดีตลอดไปก็ได้ค่ะ แต่ก็ห้ามปิดกั้นตัวเองนะคะ :)
 ชีวิตต้องเดินต่อไปค่ะ คนเราไม่เคยลืมใครได้หรอก ลองเปิดใจ ไปพักผ่อน เที่ยวเล่นให้สนุก เปิดรับคนใหม่ๆเข้ามาดูนะคะ ^^

เก็บความรักครั้งนี้ไว้ในใจ

แล้วก็ใช้ชีวิตของเราต่อไปเหมือนเดิมค่ะ



ป.ล. เชื่อว่าผู้หญิงหลายคนก็มีความรักแบบนี้แอบเก็บไว้ในใจค่ะ