:: รีวิวรองพื้น นูโทรจิน่า สี#90 warm beige ::

เนื่องจากกระแสรองพื้นตัวนี้ Neutrogena healthy skin liquid makeup โด่งดังขึ้นมา
จากคลิปของโมเมพาเพลิน เห็นว่ามันได้คล้ายๆกับ NARS เลยทีเดียว ในราคาที่ถูกกว่าเยอะ!
วาไม่เคยใช้ NARS นะคะ แต่ก็มโนเอาเองว่ามันคงจะดีล่ะนะ ดูเค้าพูดถึงกันเยอะ
เลยไปเสาะหาซื้อมาลองใช้บ้าง ซึ่งรองพื้นของนูโทรจิน่า ไม่มีขายในประเทศไทย






ตอนเลือกสีอยากจะบอกว่า มั่วเอา (-.-) คือพยายามไปเทียบๆกับ Blogger เมืองนอก
ว่าเค้าผิวราวๆนี้ ใช้สีนี้อะไรยังไง ก็ค่อนข้างยากที่จะหาได้เป๊ะ สุดท้ายแล้ว ก็เลยลงตัวที่
สี 80 Medium Beige แต่หาไม่เจอ มีแต่ 70 และ 90 เลยเอาเป็น เบอร์ 90 Warm Beige
มาแทน สีต่างกันนิดเดียว





สุดท้ายเลยได้มาจาก ebay เพื่อนรัก ในราคา 7.99 เหรียญ + ค่าส่งอีก 6.25 เหรียญ
ตีเป็นเงินไทย ราวๆ 400 กว่าบาทรวมค่าส่งนะคะ ราวๆ 2 สัปดาห์ วาก็ได้สิ่งนี้มาอยู่ในมือค่ะ









ขวดผลิตภัณฑ์ จะเป็นแบบฝาหมุนๆ เปิดมาก็เทออกมาเลย ไม่มีหัวกด หัวปั๊มใดใด

วาจะถนัดใช้เป็นฟองน้ำในการลงรองพื้นนะคะ ในรูปนี้ใช้ฟองน้ำของ covermark แบนๆไม่นิ่ม
ไม่กินเนื้อรองพื้น ใช้ได้ดีกับรองพื้นแบบน้ำนะคะ รองพื้น covermark หมด เอามาใช้กับนูโทร
โอเคเลยทีเดียว กดๆซับๆหน้าก็เนียนดีค่ะ ตอนที่เอามาลองกับหน้าครั้งแรกประทับใจนะ

เพราะเป็นรองพื้นเนื้อเหลว ไม่หนาไม่หนัก บางมากๆ ข้อเสียเลยคือ ซื้อมาผิดเบอร์
มันดำโอเว่อร์กว่าผิวไปจิ๊ดดดดดดดดดดดดนึง คาดว่า น่าจะราวๆ 1-2 เบอร์ ไม่มาก
(ถ้าได้เป็น 80 มา น่าจะพอดีนะ)






ในรูปอาจจะดูไม่ออกว่า สีมันเข้มกว่าผิว แต่จริงๆ หน้ากับคอต่างกันชัดเจนมาก คอขาวกว่าซะงั้น
มาเปรียบเทียบให้ดูว่า ปกติแล้ววาจะใช้ Revlon รุ่น Photo Ready เบอร์ 006 สีพอดีหน้าเป๊ะ!!
วาเป็นคนผิวคล้ำนะคะ แล้วชอบใช้รองพื้นเบอร์พอดีมากๆ เป๊ะสีเดียวกับผิวเลย จะไม่เลือกรองพื้น
ที่ขาวกว่าหน้า เพราะกลัวปัดแป้งเข้าไปมันจะวอก เลยเอาเป๊ะๆ วาไม่ค่อยได้ใช้ยี่ห้ออื่นนะคะ
อีกยี่ห้อที่ใช้ก็คือ Kanebo Lunasol สี OC04 ค่ะ




ทีนี้เดี๋ยววาจะเทียบสีรองพื้นของ Revlon ที่ใช้อยู่ กับ Neutrogena ให้ดู 
เทียบสีจาก 2 ขวดนี้นะคะ




จะเห็นเลยว่า Revlon จะเนื้อหนากว่านิดหน่อย และสีอ่อนกว่า 
Neutrogena จะดูเหลวกว่า และสีเข้มกว่าชัดเจน 




เมื่อเกลี่ยเทียบกันแล้ว Revlon จะหนาและปกปิดได้มากกว่า
Neutrogena จะบางกว่ามาก ปกปิดได้บ้างแต่ไม่มาก แต่สีต่างกันชัดเจนจริงๆ




สุดท้าย ถ้าเอา 2 สีผสมกัน ได้สีกลืนกับผิว(แขน) พอดีเลยยย!!
แต่หน้าวาขาวกว่าแขนนะ บำรุงแต่หน้าไม่บำรุงมือและแขน 5555


เนื่องจาก ความบางของ นูโทรจิน่า ค่อนข้างน่าประทับใจ วาเลยค่อนข้างชอบเลยนะ
แต่ซื้อสีมาผิด เลยจำเป็นต้องใช้วิธีผสมสี ตามแต่สไตล์ และอุปกรร์จะอำนวย เนื่องจากสีรองพื้น
เข้มกว่า แต่ไม่หนา วาเลยใช้วิิธี ทาทั่วหน้าก่อนเลยค่ะ แล้วบางครั้งก็ใช้เจ้าตัว Revlon 
มาทาเพิ่มเฉพาะกลางหน้า ให้สีมันตัดขึ้นมา ออกแนวไฮไลท์หน้าพุ่ง 5555




และ มีบางช่วง ที่หน้าวาเกิดไปตากแดดมา ดำปิ๊ดดดดด ( ออกทริปเที่ยวโหดๆแว๊นมอเตอร์ไซต์ )
หน้าวาก็เกิดจะพอทารองพื้นสีนี้ได้ขึ้นมาซะงั้น ก็อาจจะทารองพื้นตัวนี้เดี่ยวๆเลย แล้วก็ไปใช้พวกแป้ง
ที่ค่อนข้างขาวกว่าหน้า มาปัดทับแทน มันก็จะได้สีที่ลงตัวและโอเคมากๆ ซึ่งวาใช้เป็นแป้งของ Lola



เป็นแป้งที่ ละเอียด และเนียนมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

เนื้อแป้งจะค่อนข้างร่วน เหมือนเป็นแป้งฝุ่นอัดแข็งเลยค่ะ ถ้าอยากได้ลุกส์เนี๊ยบๆเลย

สามารถใช้ฟองน้ำที่มาในตลับ ฉีดน้ำใส่บางๆ แล้วก็กดซับๆได้เลย เนียนเว่อร์ๆ
แต่ในกรณีนี้ก็ใช้เพียงแปรงปัดเบาๆก็พอค่ะ เพราะรองพื้นเนียนพอสมควร




(รองพื้น + แป้ง Lola + แสงแดดจัดๆ)

แล้วก็ได้ลุกส์ที่โอเคและเนียนมากมาย สำหรับรองพื้น + แป้ง Lola ตัวนี้
วาเป็นคนผิวผสมนะคะ หน้าจะดูเนียน โอเคแค่เช้าๆนี่ล่ะ สายๆหน่อยจมูกมัน
บ่ายๆหน่อยหน้าผากมัน ต้องซับนิดหน่อย ไม่สามารถคุมมันได้ถึงเย็น

ซึ่งวาชอบลุกส์หน้าวาวๆ เลยโอเค แต่ถ้าใครชอบแมตๆ และปกปิดมากๆ 
คงไม่ชอบรองพื้นตัวนี้ค่ะ วาว่ามันเนียนมันโอเค แต่มันไม่ดูกระจ่างใสนะ
คือมันเฉยๆเหมือนผิวเรา ถ้าคนที่ชอบ เอฟเฟครองพื้น ที่ทำให้หน้าดูโกลด์ พุ่งๆ
ไบรท์ๆกว่าตอนไม่ทารองพื้น คงไม่ชอบ อันนี้เหมือนไปเกลื่ยผิวจริงให้ดูเนียนขึ้น
แต่ไม่ช่วยเรื่องกระจายแสงอะไรเลย ต้องใช้ตัวช่วยอื่นๆเช่นแป้งและไฮไลท์

สรุป

ข้อดี ราคาถูก เนียน บาง ไม่หนักหน้า
ข้อเสีย หาซื้อยาก สีไม่ค่อยเข้ากับผิวคนเอเชียเป๊ะๆ

Discussion (8)

เราใช้เบอร์ 40 nude ค่ะ เพื่อนหิ้วมาฝาก ชอบมาก
ร้าน c.cosmochic มีขายนะคะ ขวดละ 500.- เท่านั้นค่ะ

ผิวสวยอ่าาาาาาาาา

หน้าดูธรรมชาติมากเลยคร่า

ผิวหน้าดีจัง

น่าอิจฉาจังค่ะ

อยากได้จังเลย แต่ที่ไทยไม่มีขาย ก็คงยากเนอะ ยังไงก็ ขอบคุณที่มารีวิวนะคะ

กำลังสนใจเรื่องรองพื้นอยู่พอดี ^^