(Jeben's Talk) Scent of Memories - กลิ่นแห่งความทรงจำ

 

สวัสดีคร้าบชาวจีบัน ทันทีที่เห็นกระทู้ Jeban's Talk จั่วหัวไว้อย่างน่าสนใจ ผมเองซึ่งเป็นพวกคลั่งน้ำหอมตัวยงก็อดไม่ได้ที่จะมาร่วมแชร์ และรีวิวน้ำหอมอวดเพื่อนๆ ยิ่งมีของรางวัลด้วยแล้วยิ่งต้องห้ามพลาด

 

 

              เกริ่นก่อนนะตัว ..

              ผมเองนั้นเป็นคนที่ชอบฉีด (ในบางครั้งถึงขั้นอาบ :D ) น้ำหอมเป็นกิจวัตร ด้วยเหตุผลที่ว่ากลิ่นหอมช่วยสร้างความมั่นใจให้กับเราเวลาต้องเข้าใกล้คนอื่น >< ผมเริ่มฉีดน้ำหอมตั้งแต่เรียนอยู่ช่วงมัธยมต้น เริ่มตั้งแต่น้ำหอม Mass ตามห้าง ,น้ำหอมซีซีตามตลาดนัด จนกระทุ่งมาเริ่มใช้น้ำหอม Hand made และ Counter Brand เมื่อปีที่แล้ว ผมลองมาสารพัดกลิ่น ทั่งหอมหวาน หอมรัญจวน หอมเซ็กซี่ หอมเลี่ยนๆ หอมแมนโคตร หอมสบายๆเหมือนไม่ฉีด และไม่หอม(ในบางอารมณ์) สิ่งที่ผมเชื่อมโยงได้จากการฉีดน้ำหอม ก็คือ อารมณ์ และ ความทรงจำ

               อารมณ์ที่ว่าก็คือ น้ำหอมที่ใช้นั้นเรามักจะฉีดตามอารมณ์ที่อยากให้เป็นในวันนั้นๆ และในบางครั้งอารมณ์ก็เปลี่ยนแปลงไปตามกลิ่นน้ำหอมที่ใช้ เนื่องด้วย น้ำมันหอมที่ผสมในน้ำหอมแต่ละชนิดนั้นทำปฏิกิริยาเคมีที่ต่างกันกับประสาทรับรู้ของมนุษย์ บางกลิ่นกระตุ้นให้รู้สึกคึกคัก บางกลิ่นช่วยให้ผ่อนคลาย

              ความทรงจำ เกี่ยวพันกับน้ำหอมในฐานะผลลัพธ์จากกลิ่น ผมเองเคยอ่านบทความจากนิตยสารเล่มนึง (ซึ่งนานมากจนจำไม่ได้ว่านิตยสารอะไร) บทความนี้ระบุว่ากระแสประสาทของมนุษย์รับรู้กลิ่นได้ไวกว่าประสาทสัมผัสชนิดอื่น ซึ่งเชื่อมโยงกับการผูกเรื่องราวและอารมณ์ขณะได้กลิ่นแล้วบันทึกลงสมอง (แลดูวิชาการมาก -_-") เห็นได้จากหลายต่อหลายครั้งที่มนุษย์เราสามารถรำลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตได้เพราะ "กลิ่น"นอกจากนี้แล้วกลิ่นยังเกี่ยวโยงกับอารมณ์ ณ ขณะที่ได้กลิ่นนั้นเป็นครั้งแรกด้วย อย่างเช่น เราเคยได้กลิ่นดอกการเวกแล้วรู้สึกสบายใจ ทุกครั้งที่ได้กลิ่นนี้เราก็จะรู้สึกสบายใจ เพราะสมองจำไว้อย่างนั้น หรือ ตัวอย่างนี้ที่เกิดกับผมเอง ทุกครั้งที่ผมได้กลิ่นน้ำหอมของ Cussons ขวดสีฟ้า (จำชื่อกลิ่นไม่ได้ กลิ่นคล้ายๆแตงกวา .. ซึ่งเลิกผลิตไปแล้ว) จะทำให้ผมนึกถึงแฟนคนแรก เพราะ วันแรกที่ผมฉีดน้ำหอมกลิ่นนี้เป็นวันที่ผมกับเค้าคนนั้นตัดสินใจคบกัน เมื่อใดที่ได้กลิ่นน้ำหอม Cussons กลิ่นนี้หรืออะไรที่มี Note ใกล้เคียงกัน จะทำให้ผมนึกถึงแฟนคนนี้ตลอดและมีความสุขอย่างน่าประหลาด

              ในบทความยังระบุด้วยว่า มนุษย์เราสามารถจดจำเรื่องราวที่ผูกกับกลิ่นได้นานถึง 1 ปีหรืออาจจะมากกว่านั้น

 

              เข้าเรื่อง..

              เราได้ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่าง Scent กับ Emotion กันไปแล้ว อย่างนั้นไม่ขอยืดเยื้อ เข้าเรื่องรีวิวน้ำหอมกันเลยดีกว่า วันนี้ผมจะมารีวิวน้ำหอมที่ผมใช้อยู่ 3 ขวดและได้เทสมา 1 ขวด

 

ขวดแรก Bvlgari Aqua Marine Pour Homme (เปิดตัวปี 2008)

Eau de toilette (ราคา 12xx บ. )

                       

 

 

               Bvlgari Aqua Marine Pour Homme ขวดนี้ ถือได้ว่าเป็น Counter brand perfume ขวดแรกที่ผมลงทุนซื้อ ด้วยเพราะหลงรักในดีไซน์ของขวด และสีสัน ที่ให้ความรู้สึกทะเล๊ทะเล

 แต่ก็ไม่ใช่ว่าสวยแต่รูปนะ จูบก็ยังหอมด้วย  ตัวนี้คลั่งมากถึงขนาดเอาไปฉีดใส่ผ้าห่มก่อนนอน เวลาห่มก็จะได้กลิ่นน้ำหอมโชยอ่อนๆเหมือนนอนริมทะเล .. เก๋มาก >^<

               ทันทีที่สเปรย์น้ำหอมออกมาสัมผัสกาย กลิ่นแรกที่รู้สึกได้เป็นกลิ่นของ Citrus นั่นเพราะ Top note เป็น Neroli (น้ำมันกลั่นจากดอกส้มในประเทศอิตาลี) กับ Grapefruit ให้ความรู้สึกสดชื่น เหมือนละอองทะเล ตามมาด้วย Middle Note ที่รู้สึกได้ถึงความละมุนเหมือนเปลือกไม้ กับกลิ่นเย็นของมินต์ (แถมเขียวนิดๆ) คงเป็นเพราะ Rosemary และ Seaweed และ Posidonia ที่ประกอบอยู่ใน Note นี้(Seaweed และ Posidonia จะช่วยให้เรารู้สึกถึงความหวานนิดๆเมื่อมันผสมกับกลิ่น Citrus) และปิดท้ายด้วย Base Note สุดอมตะของ ไม้สนซีดาร์เวอร์จีเนีย ที่ช่วยตรึงกลิ่นให้ติดอยู่กับผิว

                 อันนี้ที่จริงถึงแม้ว่าน้ำหอมรุ่นนี้จะพ่วงคำว่า Pour Homme ไว้แต่ผมว่ามันก็ไม่ได้แมนถึงขนาดผู้หญิงใช้ไม่ได้ ผมว่ามันค่อนมาทาง Unisex มากกว่า(ใช้ได้ทั้งชายและหญิง) เพราะกลิ่นให้ความรู้สึกสดชื่น ไม่ฉุนมาก หอมบางๆ อ้อ ! อีกอย่างคือ ตัวนี้ เป็น Eau de toilette ใครที่ใช้น้ำหอมน่าจะรู้นะครับว่ากลิ่นมันอยู่ไม่นานเท่า Eau de parfum ตัวนี้เท่าที่ลองสังเกตุกลิ่นจะโชยอยู่สัก 6 ชม.ได้ หลังจากนั้นต้องดมติดซอกคอถึงจะได้กลิ่น >< ผมว่าน้ำหอมขวดนนี้น่าจะเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้เริ่มใช้น้ำหอมที่ลังเลไม่รู้ว่าจะเลือกกลิ่นอะไรดี

 

 

             ขวดที่ 2 กับ 3 เป็นน้ำหอม Hand made นะครับ ขออวดนิดนึงว่าเป็นยี่ห้อคนไทย สาวๆจีบันหลายคนที่ทุนน้อยไม่อยากซื้อน้ำหอมแบรนด์ก็อุดหนุนพี่เค้าได้ครับ

ปล.ไม่ได้โฆษณานะครับ แค่แนะนำ คุๆ 

สงสัยอะไรถาม Google นะ

 

ทาดาาาาาาาาา มันคือ

น้ำหอมยี่ห้อ KenGsoHigH รุ่น Vaporize Iceburg

Eau de Parfum (ราคา 395 บ.)

 

 

 

 

               น้ำหอมนี้ขอยกคำอธิบายที่พี่เค้าเคยบอกผมไว้นะครับ พี่เก่งเจ้าของน้ำหอมเค้าบอกว่ากลิ่นนี้เกิดจากการต่อยอดกลิ่นเดิม เพื่อให้รู้สึกสุขุมมากขึ้น โดยกลิ่นที่เป็นส่วนประกอบก็ได้แก กระวาน ,Rosemary ,สาหร่าย ,กลิ่นน้ำแข็ง แต่ที่แปลกคือ พี่เค้าผสมกลิ่นของเครื่องหนังลงไปด้วย น้ำหอมยี่ห้อนี้ทุกรุ่นจะถูกบรรจุมาในขวดแก้วใสทรงสี่เหลี่ยมซึ่งจะถูกบรรจุอยู่ในกล่องอีกทีหนึ่ง 

               ผมยอมรับว่าเพิ่งใช้ได้ไม่นานเลยยังแยกไม่ค่อยออกว่ามันเป็นกลิ่นของอะไรมาก่อนหลัง แต่ที่สัมผัสได้คือ มันให้ความรู้สึกอุ่นเหมือนกลิ่นน้ำแข็งที่โอนไอแดด (ตรงตามชื่อรุ่นเป๊ะ) เหมาะกับงานในโอกาสสำคัญๆที่เน้นความเป็นทางการ หรือต้องการสร้าง look ที่ดูสุขุม อบอุ่น กลิ่นนี้เวลาอยู่ในที่ที่อากาศเย็นกลิ่นจะไม่ชัดเท่าตอนอยู่กลางแจ้ง เป็นน้ำหอมที่ผมฉีดแล้วรู้สึกว่ากลิ่นไม่เปลี่ยนเมื่อผสมกับกลิ่นตัวผม อาจเป็นเพราะทำปฏิกิริยากันลงตัวก็เป็นได้ กลิ่นนี้อาจจะไม่เหมาะกับสาวๆที่เน้นความหวาน แต่ถ้าสาวห้าวที่อยากเอาใจสาวหวานละก็ .. จัดโลด

 

ขวดที่ 3 ยังคงอยู่กับน้ำหอม KenHsoHigh รุ่น Lychee Blossom

Eau de Parfum ( ราคา 255 บ.)

 

 


 

            

                  กลิ่นนี้แรกสัมผัสอยากบอกว่าคุ้นเคยมากๆ ใครที่เคยใช้ DKNY Green Delicious ต้องบอกว่า .. เป๊ะ นั่นคงเพราะส่วนประกอบที่มาจากเปลือกแอปเปิ้ลฟูจิ เลยทำให้มีกลิ่นที่คล้ายคลึงกัน แต่จะว่าไปก็ไม่เหมือนซะทีเดียวเพราะกลิ่นนี้จะมีมิติที่มากกว่าแอปเปิ้ล เพราะ มีความหวานที่สัมผัสได้จากดอกลิ้นจี่และลูกพีช (นี้เปนกลิ่นที่ผมได้กลิ่นนะครับ แต่พี่เก่งบอกว่าจริงๆใส่กลิ่นน้ำตาลปึกลงไปด้วย .. เพิ่งรู้ว่าน้ำตาลปึกก็มีกลิ่น) และละมุนแถมอบอุ่นด้วยกลิ่นอำพัน(อันนี้พี่เก่งบอก เพราะผมไม่รู้หรอกครับว่าอำพันกลิ่นเป็นอย่างไร

)

                 ขอบอกสาวๆจีบันเลยว่ากลิ่นนี้หอมอุ่น กลิ่นเด่นชัดเจน และติดทนมากๆ ปกติผมเป็นสเปรย์น้ำหอมประมาณ 3 ครั้ง แต่เจอกลิ่นนี้เข้าไป ถึงกับต้องลดเหลือแค่ครั้งเดียว พอน้องสาวผมมันได้กลิ่น มันบอกว่าชอบ แล้วมันเลยยึดน้ำหอมขวดนี้ไปจากผมเลย

 

 

และขวดสุดท้ายที่จะมารีวิวขอเอาใจหนุ่มรักสะอาด

Bvlgari Extreme Pour Homme (เปิดตัวปี 1999)

Eau de toilette (ราคา 13xx บ.)

 

                  ต้องบอกก่อนว่ากลิ่นนี้ไม่เคยใช้ครับ (หลายคนคงถาม"อ้าว ! แล้วจะมีวิวหาเซอเลอร์มาร์หรือไง ?") แต่ที่มารีวิวเพราะได้ไปลองเทสกลิ่นที่เคาเตอร์มา บวกกับหาข้อมูลในเว็บมา เพราะตั้งใจจะซื้อใช้ เนื่องจากตกหลุมรักน้ำหอมสัญชาติอิตาเลี่ยนนี้ เลยอยากจะมาบอกต่อ ให้หนุ่มๆที่ชอบกลิ่นสะอาดได้เอาไปเป็นข้อมูลในการตัดสินใจก่อนซื้อไปฉีดเอาใจสาวๆ

                กลิ่นนี้แว๊บแรกคล้ายๆกับ Clinique Happy for  Men ครั้งแรกที่ฉีดลงบนกระดาษเทสแล้วเอามาพัดๆผ่านจมูกก็รู้สึกเฉยๆ แต่พอเดินออกห้าง ผ่าน ผช คนนึง หล่อเป๊ะ แล้วคาดว่าน่าจะใช้ Bvlgari extrme ด้วย แต่กลิ่นมันไม่เหมือนกับที่ดมในกระดาษเทส มันหอมกว่ากันมาก อาจเป็นเพราะเคมีในเหงื่อ ผช คนนั้นก็ได้ที่ทำให้กลิ่นมันหอมขึ้น (งานนี้เลยเกิด Memories ของกลิ่นนี้ขึ้นมาทันที) ทำให้ต้องกลับมานั่งหาข้อมูล Note แล้วก็กลับไปเทสอีกรอบ คราวนี้หลับตาดมอย่างพิจารณา ครั้งแรกที่ได้กลิ่นมันฉุนติดจมูก อาจเป็นเพราะผมไม่ค่อยใช้น้ำหอม ผช แนวนี้ก็เป็นได้เลยไม่คุ้นกลิ่น แต่พอโบกไปโบกมาจนแอลกอฮอล์ระเหยไปด้พักนึก ก็เอามาดมอีกรอบ สัมผัสได้ถึงกลิ่นของ Citrus อีกเช้นเคยแต่ตัวนี้ Citrus ไม่เด่นเหมือนตัวแรก แต่จะมีกลิ่นจางๆ กลิ่นที่เด่นสุดนั้นผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นกลิ่นของอะไรรู้แต่ว่ามันเย็น สดชื่น แต่ที่แน่ๆไม่ใช่ Mint เลยมาลองหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต

               Top Note ส่วนประกอบหลักก็จะเป็นจำพวก Grapefruit ,ใบชา ,Lavender ,Neroli , Galbanum (ยางไม้จากต้นยี่หร่าในประเทศ Iran .. มาไกลแท้

) แล้วก็ Coriander ใช่ครับ ผักชีบ้านเรานี่แหละ อ่าน Top note แล้วถึงกับงงว่าจะทำน้ำหอมหรือกับข้าว แตแปลกที่พอมันรวมกันแล้ว กลับหอมสดชื่น ประมาณเครื่องเทศนะครับ (ไม่ใช่กลิ่นเครื่องเทศแบบอินเดียนะจ๊ะ)

               ส่วน Middle Note จะเป็นจำพวก Pepper ,Nutmeg ,Guaiac wood (ไม้หอมชนิดหนึ่งแถบยุโรปตอนใต้และแอฟริกาตอนเหนือ) ,Brazillian rosewood และ Cardamom (กระวาน)

               ส่วน Base Note ได้แก่ Iris ,Oak moss ,Cedar ,Sandalwood และ Musk ยิ่งดู Note ยิ่งงมาว่ามันรวมกันแล้วจะเป็นอย่างไร เพราะมันช่างอุดมด้วยเครื่องเทศและไม้เนื้อแข็งนานาพรรณเหลือเกิน

               สรุปเลยแล้วกันว่ากลิ่นหอมสะอาดๆ เย็นๆ คล้ายกลิ่นอากาศที่มีกลิ่น Spice ลอยฟุ้งอยู่ในช่วงต้น แต่สัก 6 ชั่วโมงหลังฉีด กลิ่นจะกลายเป็นกลิ่นแป้งอ่อนๆเหมือนแป้งเด็ก ให้อารมณ์ประมาณหนุ่มหล่อสะอาด แต่แฝงไปด้วยความเร่าร้อนดุจดังเครื่องเทศนานาชนิด

 >o< ช่างเย้ายวนเหลือเกิน โฮกกกกกก

 

                ปิดท้าย..

               ก็จบแล้วนะครับสำหรับการรีวิว + แถมความรู้นิดหน่อยเกี่ยวกับเรื่องของกลิ่น ถึงแม้จะใช้น้ำหอมมานานแต่ผมเองก็ยังคงเป็นมือใหม่หัดดมน้ำหอม เดิมเคยดมแค่หอม หรือไม่หอม แต่ตอนนี้เริ่มหัดดมเพื่อแยกกลิ่นหาส่วนประกอบ ควบคู่กับการอ่านบทความเรื่องน้ำหอม ถือเป็นงานอดิเรกที่ดีอีกอย่างหนึ่ง แถมได้ความรู้ด้วย (จริงๆแล้วอาชีพ Nez เนี่ยเป็นอะไรที่ผมใฝ่ฝันจะเป็นตั้งแต่เด็ก แต่ด้วยใจไม่รักสายวิทย์ ก็เลยต้องเบนเข็มเปลี่ยนสายที่เรียน เปลี่ยนอาชีพที่ฝัน แต่สุดท้ายความรักในการได้สัมผัสกลิ่นน้ำหอมก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงครับ)

               อันที่จริงผมเคยคิดว่าน้ำหอมเป็นเรื่องของเคมีที่มาผสมกัน แต่พี่เก่งเจ้าของน้ำหอมที่ผมเป็นลูกค้าอยู่เค้าบอกว่า

 

"น้ำหอมเป็นเรื่องของศิลปะ

การทำน้ำหอมแต่ละชนิดหรือใช้น้ำหอมแต่ละกลิ่นมันขึ้นอยู่กับจินตนาการของผู้ที่ได้กลิ่น "

 

แล้วชาวจีบันละครับ คิดอย่างไร .. ผมอยากให้ลองใช้จินตนาการของคุณสัมผัสกับกลิ่นหอมและสรรสร้างความทรงจำในแบบฉบับของคุณดูเองนะครับ แล้วคุณจะหลงรักศาสตร์ของเครื่องหอมไปโดยปริยาย

 

 

ปล.เคล็ดลับจากพี่เก่งในการแก้อาการมึนน้ำหอม ให้ดมกลิ่นกาแฟ หรือง่ายที่สุดให้ดมที่ข้อพับแขนตัวเองจะช่วย Reset จมูกได้ในระดับหนึ่ง

 

Discussion (8)

ขอบคุณครับ ถ้าสนใจอาชีพนักปรุงกลิ่น ผมอยากแนะนำให้ปรุงกลิ่นน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าขาย เพราะทุกวันนี้ยังไม่มีใครปรุงกลิ่นน้ำยาแบบจริงจัง ส่วนใหญ่ก็มีแค่กลิ่น ส้ม แอปเปิ้ล สัปรด กล้วย แค่นั้น ตลาดนี้ใหญ่มากและไร้คู่แข่งนะครับ

แสดงว่า แปรผันบ่อย ^^ คุๆ

เป๊ะค่ะ กลิ่นแปรผันตามอารมณ์ !!!

ได้ความรู้เพิ่ม ขอบคุณมากคร๊าบบบบ :)

เพิ่งลอง Bvlgari Extreme Pour Homme มา แล้วก็กำลังสับสนอยู่ค่ะ ว่าจะชอบดีไหมเนี่ย สงสัยต้องไปลองใหม่ซะแล้ว

 

ส่วนน้ำหอมของคุณเก่ง แอบสนใจรุ่นกุหลาบขาว แต่พลาดงานออกบูธทุกทีเลยค่ะ อยากดมอ้ะะ 55