รีวิวแรก กับกลูต้าเซรั่ม 2 ตัวจากเวอรีน่าค่ะ

 สวัสดีค่ะ วันนี้ผึ้งจะมาแชร์ประสบการณ์หลังใช้เซรั่มไวท์เทนนิ่ง 2 ตัวที่เพิ่งได้มานะคะ 

 

หลังจากติดตามอ่านรีวิวชาวบ้านมานาน ก็ได้ฤกษ์ทำรีวิวของตัวเองซะที อิอิ! 

 

เริ่มที่ตัวบำรุงผิวก่อนละกันนะคะ เนื่องจากผึ้งเป็นคนค่อนข้างผิวแห้ง ทำงานในห้องแอร์ทั้งวัน แถมยังผิวบางและคล้ำเสียง่ายด้วยค่ะ โลชั่นที่ใช้ก็มีหลายยี่ห้อที่เห็นในโฆษณาที่ เพิ่งจะลองใช้ยี่ห้อที่ไม่เคยเห็นในทีวี ก็เพราะสั่งสินค้าพวกอาหารเสริมในเว็บเค้ามาทานค่ะ

 

เห็นเซรั่ม 2 ตัวนี้น่าสนใจก็ตรงที่มีคำว่า “กลูต้า” ตัวโตๆนี่ล่ะค่ะเลยสั่งมาลอง

ผ่านไป 2 สัปดาห์ก็เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงแล้วค่ะ 

 

ชื่อแอบยาวนิดนึงนะคะ เรียกง่ายๆว่า "กลูต้าไดมอนด์ กับ กลูต้าเซรั่ม" ละกันนะ

เวอรีน่า - คาวาอี้วิ้งค์ คือยี่ห้อค่ะ ชื่อเต็ม คือ เวอรีน่า คาวาอี้วิ้งค์ ไวท์เทนนิ่ง กลูต้าไดมอนด์ (หลอดขาว)

กับ เวอรีน่า คาวาอี้วิ้งค์ ไวท์เทนนิ่ง กลูต้าเซรั่ม (หลอดชมพู)

 

มาเริ่มกันเลย

อันบน - กลูต้าไดมอนด์ / อันล่าง - กลูต้าเซรั่ม ค่ะ

 


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

1.กลูต้าไดมอนด์ (ขนาด 200 มล.)

 

สรรพคุณบอกว่า เป็นไวท์เทนนิ่งเซรั่ม ที่มีส่วนผสมของ Diamond, Tourmaline, Pearl Powder, Glutathione และ น้ำนมบริสุทธิ์ ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส เนียนนุ่มชุ่มชื่น และไม่แห้งกร้านค่ะ ถูกใจคนผิวแห้งอย่างผึ้งเลย

ไฮไลท์ คือ มีอณูมุกสีเงินเป็นชิมเมอร์ประกายเพชรติดผิวด้วยค่ะ (ตั้งใจเอามาใช้แทนพวกแป้งฝุ่นชิมเมอร์ หรือ ผงกลิตเตอร์ ที่ใช้ทาตัวตอนออกงาน หรือไปลั้ลลายามราตรีเพื่อเพิ่มออร่านะเนี่ย)

  

มาดูเนื้อเซรั่มกันดีกว่าค่ะว่าจะวิ้งค์ๆ เป็นประกายเพชรสมชื่อรึเปล่า?

 


 

1.เปิดฝาออกมาดมกลิ่นก่อนเลย อิอิ! หอมสดชื่นดีค่ะ กลิ่นน้ำหอมค่อนข้างชัดและน่าจะติดทน

 

 

2.ลองบีบเนื้อเซรั่มออกมา จะมีลักษณะคล้ายเจลใสมีชิมเมอร์เนื้อละเอียด เม็ดเล็กๆเป็นประกายเห็นได้ชัดเจนเลย

 

 

3.บีบเนื้อเซรั่มลงบนแขนข้างนึง เป็นเนื้อเจลไม่ข้นมาก เหลวๆแต่ไม่เหนียวนะคะ ถ้ายกแขนขึ้นก็จะค่อยๆไหลลงมา ดูท่าจะซึมเร็วนะเนี่ย ให้ความรู้สึกเย็นๆผิวมากกว่าพวกเซรั่มเนื้อครีมด้วยค่ะ

 

 

4.เมื่อลูบเบาๆเพื่อเกลี่ยเนื้อเซรั่ม ก็จะเห็นชิมเมอร์ที่ผสมในเนื้อเจลจนเป็นเนื้อเดียวกันเลยค่ะ ลูบไล้จนค่อยๆซึมก็รู้สึกได้ว่าเนื้อเซรั่มบางเบา ซึมเร็วมาก ไม่เหนียวเหนอะหนะด้วยค่ะ น่าจะเป็นเพราะคุณสมบัติของน้ำนมบริสุทธิ์

 

 

5.เมื่อเซรั่มซึมเข้าผิวหมด ก็เหลือแต่ชิมเมอร์เม็ดเล็กๆเป็นประกาย ติดผิวแน่นเลยค่ะ ลองเอามือถูก็ไม่หลุดและไม่รู้สึกระคายเคืองจากชิมเมอร์เลยค่ะ สงสัยจะเล็กมากจนไม่รู้สึกเวลาสัมผัสผิว

*รูปที่ถ่ายไม่ใช้แฟลชก็ยังเห็นได้ชัดเจน ยิ่งอยู่กลางแจ้งโดนแดดแล้วดูมีออร่าจริงๆค่ะ

ชอบๆ

 

 

6.ผลการใช้ถือว่าประทับใจมากค่ะ ปลื้มตรงที่วิ้งค์ๆได้ใจนี่แหละ  ส่วนความชุ่มชื่นก็โอเคเลย อยู่ห้องแอร์ผิวไม่ลอก และไม่ต้องทาซ้ำบ่อยๆด้วยค่ะ ตัวนี้ไว้ที่ทำงานเลยเพราะหอมสดชื่น ซึมเร็ว ไม่เปื้อนเสื้อผ้า ใช้ทาก่อนนอนก็หอมสดชื่นสบายตัวดีเหมือนกัน

 

 

และที่สำคัญ! วันไหนมีปาร์ตี้ต่อก็พร้อมโชว์ทันที กลางคืนโดนแสงไฟนี่เปล่งออร่ามากๆ ถ้าใส่เกาะอก สายเดี่ยว เปิดไหล่ เน้นทาช่วงนี้เซ็กซี่ทีเดียวค่ะ กลิ่นหอมติดทนนานจนไม่ต้องเติมน้ำหอมก็ได้นะคะ

 

 

ส่วนความขาว ใช้มา 2 สัปดาห์ ก็เริ่มรู้สึกว่าผิวเนียนนุ่ม ลูบแขนตัวเองจะเนียนขึ้น รอยด่างดำตามข้อศอกก็ลดลง ไม่หยาบกร้านเท่าไหร่แล้ว ระดับสีผิวก็เหมือนจะขาวขึ้นระดับนึง อันนี้เพื่อนทักก่อนค่ะเพราะไม่ค่อยสังเกตตัวเอง

 

พอลองเปรียบเทียบกับผิวส่วนที่ไม่ค่อยโดนแดด ก็แปลกใจค่ะเพราะสีผิวเริ่มใกล้เคียงกันแล้ว ว่างๆก็ชอบหยิบขึ้นมาทาซะจะได้มีออร่า 55! (ทาแบบรีบๆได้เลย เพราะไม่ต้องรอซึมค่ะ)

 

ตัวที่ 2 ค่ะ

 

2.กลูต้าเซรั่ม (ขนาด 200 มล.)

 


 

ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า

ตัวนี้มีกันแดดด้วย
เป็นทั้งไวท์เทนนิ่งและซันสกรีนได้ในตัวเดียวกัน

แต่ผึ้งใช้ทั้งเช้าเย็นเลยค่ะ ก่อนออกจากบ้านและหลังอาบน้ำตอนเย็น เพราะอยากให้ผิวได้กลูต้าเยอะๆ

กลัวขาวไม่ทันใจ (ถึงตอนกลางคืนไม่เจอแดด ก็ป้องกันยูวีจากหลอดไฟได้นะคะ

)

 

 

สรรพคุณที่ช่วยเรื่องความขาวของตัวนี้ที่เหมือนตัวแรก คือ Glutathione (นางเอกของเรา) จะแตกต่างกันที่มี Vitamin E, Vitamin B3 เพิ่มเข้ามาแทนที่พวกอัญมณีในกลูต้าไดมอนด์ (เพชร,ทัวร์มาลีน,มุก)

 

ส่วนสารกันแดดไม่ได้ระบุว่ามี SPFเท่าไหร่ น่าจะเสริมเข้ามาเป็นเกราะป้องกันผิวจากแดดโดยตรงมากกว่า ถ้าไม่ได้ไปอาบแดด เที่ยวทะเล ใช้ในกิจกรรมประจำวันก็โอเคค่ะ เข้าเรื่องเลยละกันนะ

 

 

1.เปิดออกมาก็ขอดมกลิ่นก่อนเช่นเคยค่ะ ตัวนี้กลิ่นจะคนละแนวกับตัวแรก เป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ สะอาดๆ แนวคุณหนูน่ะค่ะ คล้ายๆครีมทาหน้าส่วนใหญ่ที่เน้นเป็นกลิ่นอ่อนๆ

*ถ้าใครชอบฉีดน้ำหอมทั่วตัว หลังบำรุงผิวน้ำหอมจะติดทนนานยิ่งขึ้น ตัวนี้ไม่ทำให้กลิ่นตีกันแน่นอนค่ะ

 

 

2.เนื้อเซรั่มก็จะมีลักษณะเป็นครีมสีขาว เข้มข้นกว่าตัวแรก ไม่ผสมชิมเมอร์ใดๆ และบางเบากว่าพวกครีมกันแดดที่เนื้อครีมมักจะขาวข้น

 

 

3.ทาเซรั่มบนแขนอีกข้าง แล้วค่อยๆเกลี่ยรู้สึกได้ว่าเนื้อสัมผัสเหมือน "เจลครีม" สาวๆคงพอรู้จักนะคะ มันจะคล้ายๆเจลที่ไม่ใส หรือเจลผสมน้ำนมอะไรประมาณนั้น อธิบายไปตามความรู้สึกนะคะ คือผึ้งเคยใช้กันแดดเนื้อเจลครีม แล้วมันจะเกลี่ยง่าย ซึมเร็ว ไม่หนืด ไม่ทิ้งความมันค่ะ

 

 

4.หลังจากลูบไล้ทั่วแขนจนซึมแล้ว ซักพักลองลูบๆผิวดู มันก็รู้สึกแบบเดียวกับเจลครีมที่เคยใช้กับหน้า แต่มีความชุ่มชื่นมากกว่าค่ะ ที่สำคัญไม่ทิ้งความมัน ซึมเข้าผิวได้ทันที

ข้อดีของเซรั่มอยู่ที่การดูดซึมสู่ผิวนี่แหละค่ะ เพราะมีอนุภาคเล็กกว่าผิวจึงรับสารบำรุงได้เต็มที่

 

 

5.เพื่อพิสูจน์ว่าจะดูแลผิวแห้งของผึ้งได้ดีแค่ไหน ก็เลยลองล้างด้วยน้ำดูค่ะว่ามันจะดูดซึมเข้าถึงผิวชั้นในจริงมั้ย? เมื่อซับจนแห้งแล้วลูบผิวดูอีกครั้งก็ยังเนียนนุ่มอยู่นะคะ ไม่มีน้ำมันออกมาด้วยค่ะ ทาแล้วไม่ต้องกลัวหยิบจับอะไรลำบากตอนมือชื้นเหงื่อด้วย

 

 

6.ผลการใช้ หลังผ่านมา 2 สัปดาห์ สรุปว่าช่วยให้ผิวขาวขึ้นได้จริงๆค่ะ ทาวันละ2ครั้ง โดยไม่ได้ใช้กันแดดเพิ่ม ใช้ควบคู่กันกับกลูต้าไดมอนด์ตอนอยู่ที่ทำงาน สิ่งที่เห็นได้ชัดคือแขนเริ่มขาวขึ้น สีผิวสม่ำเสมอกันแล้ว

 

จากเมื่อก่อนช่วงข้อมือขึ้นไปจะคล้ำกว่าต้นแขนเพราะโดนแดดมากกว่า ส่วนกันแดดได้ดีแค่ไหนอันนี้ไม่ได้ทดสอบนะคะ เพราะผึ้งหวังผลแค่ความขาวก็พอใจแล้วค่ะ 

 

ปิดท้ายด้วยภาพเปรียบเทียบแขน 2 ข้างที่ทาเซรั่มคนละตัวกัน อาจไม่ชัดเท่าไหร่นะคะไม่ได้ใช้แฟลชค่ะ

 

 

จบแล้วค่ะ กับรีวิวแรกของผึ้ง ผิดพลาดยังไงช่วยชี้แนะด้วยนะคะ หวังว่ารีวิวจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่มองหาไวท์เทนนิ่ง หรือครีมกลูต้าที่กำลังฮิตกันตอนนี้บ้างค่ะ Bye Bye! 

 

Discussion (12)

กลูต้าไธโอน

กลูตาไธโอน (glutathione) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เซลล์ในร่างกายมนุษย์สามารถสังเคราะห์ได้เอง มีคุณสมบัติเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ทำหน้าที่ในการปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ถูกทำลายโดยสารอนุมูลอิสระที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย และที่สำคัญยังช่วยตับในการทำลายและขจัดสารพิษออกจากร่างกายด้วย

ในทางการแพทย์พบว่ามีการนำกลูตาไธโอนมาทดลองใช้ในการรักษาโรคต่างๆ ซึ่งยังไม่ได้รับการอนุมัติข้อบ่งใช้จากองค์การอาหารและยา เช่น ภาวะเป็นหมันในเพศชาย ปลายเส้นประสาทอักเสบ มะเร็งกระเพาะอาหาร หรือมะเร็งต่อมลูกหมาก วิธีการรักษามักทำโดยการฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำหรือเข้าที่กล้ามเนื้อ

ผลข้างเคียงอย่างหนึ่งที่น่าแปลกใจ คือ ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยการฉีดกลูตาไธโอนนั้นมีสีผิวที่ขาวขึ้น เนื่องมาจากกลูตาไธโอนสามารถยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (tyrosinase) ได้ และส่งผลให้เม็ดสีของผิวหนังเปลี่ยนจากเม็ดสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาว ด้วยเหตุนี้เองจึงมีผู้พยายามนำผลข้างเคียงของยามาใช้ในการทำให้ผิวขาวขึ้น ซึ่งนับได้ว่าเป็นการนำยามาใช้ในทางที่ผิดอีกรูปแบบหนึ่ง

ผลิตภัณฑ์กลูตาไธโอนที่พบในท้องตลาดส่วนใหญ่นั้นเอยู่ในรูปยาเม็ดหรือผงละลายน้ำสำหรับรับประทาน ซึ่ง กลูตาไธโอนนี้สามารถถูกทำลายได้ในทางเดินอาหารของมนุษย์ ดังนั้นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการรับประทานกลูตาไธโอนในรูปแบบของยารับประทานนั้นแทบจะไม่มีเลย ที่ผ่านมาจึงพบว่ามีผู้พยายามนำกลูตาไธโอนในรูปแบบยาฉีดมาใช้แทนการรับประทานกันมากขึ้น เนื่องจากเชื่อว่ากลูตาไธโอนชนิดฉีดนั้นมีประสิทธิภาพในการทำให้ผิวขาวได้ดีกว่าและเห็นผลเร็วกว่ากลูตาไธโอนชนิดรับประทาน

ข้างเคียงที่น่ากลัว คือการฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำ มีโอกาสที่จะแพ้ได้ ทั้งการแพ้สารกลูต้าไธโอน เอง หรืออาจจะแพ้ สารฆ่าเชื้อ หรือ สารกันเสีย หรือสารปนเปื้อน ขณะนี้มีรายงานในต่างประเทศว่าผู้ ที่ได้รับการฉีดกลูต้าไธโอนขนาดสูงที่ใช้กันอยู่มีอาการช็อค ความดันต่ำ หายใจไม่ออก และเสียชีวิตได้ ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

ทว่า..ที่สำคัญการฉีดกลูต้าฯเข้าเส้น เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย!
ซื้อที่ไหนอ่ะ 1แถม1 บอกด้วยค่ะ จะซื้อ
เราซื้อหลอดสีชมพู 2 หลอด 199 อะมันเปนโปร 1 แถม 1

คุณadonutคะ ผึ้งสั่งมาจากเว็บของบริษัทโดยตรงค่ะ เป็นเซ็ต 4 หลอด 1,050 บาท

เฉลี่ยหลอดละ 262 บาทค่ะ ซื้อมาคละกัน 3 สูตรเลย หารกับเพื่อนคนละ 2 หลอด

เพราะถูกกว่าซื้อชิ้นเดียว (อิอิ! มีแอบงกด้วย)

 

 

เอิ่มเท่าที่รู้มากลูต้ามันไม่ดูดซึมทางผิวหนังนี่คะ เราว่าที่ขาวขึ้นน่าจะเป็นเพราะวิตามินบี3นะคะ