Jeban'sTalk : มาดูแลผิวด้วย Vitamin C กับลูกหมีกันเถอะ.:。✿*゚

 

เอาหล่ะครับหลังจากดูรีวิวของผมมาพอสมควรแล้ววันนี้เรามาเม๊ามอยเรื่องไวตามิน หรือ วิตามินซีกันบ้างดีกว่าครับโดยกระทู้นี้แน่นอนว่าเป็น Jeban's Talk ในเดือนตุลาคม(เดือนแห่งการสอบ) ถ้าพร้อมกันแล้วเราไปดูกันเลยคราฟ

ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อนว่าประวัติการค้าพบของวิตามินซีนั้นมาจากที่ไหนกันประวัติการค้นพบ วิตามินซี เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่สมัย ศตวรรษที่ 18 มีการสังเกตว่าพวกทหารเรือที่มีการรอนแรมออกเดินเรือไปในทะเลเป็นเวลานานๆ ซึ่งมักจะขาดแคลนพวกผักสดผลไม้สด จะป่วยเป็นโรคลักปิดลักเปิด และสุขภาพไม่ค่อยดี มีอาการอ่อนเพลีย อยู่บ่อยๆ แต่ก็มีคนสังเกตเห็นว่าจะไม่พบอาการดังกล่าวในทหารเรือที่รับประทานมะนาว เป็นประจำ และเมื่อต่อมาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ก้าวหน้ามากขึ้น ในปี 1982 ก็สามารถหาสารอาหารสำคัญที่เป็นต้นเหตุของโรคดังกล่าวได้ว่าสารที่พวกทหาร เรือขาดไปคือ “กรดแอสคอร์บิค (Ascorbic acid)” ซึ่งมันมีฤทธิ์สามารถช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิดได้ ในปัจจุบัน กรดแอสคอร์บิค ก็ถูกรู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อของ “วิตามินซี” และมีนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งซึ่งเคยได้รับรางวัลโนเบลถึง 2ครั้ง และมีอายุยืนยาวมากกว่า 90 ปีแม้จะป่วยเป็นโรค มะเร็ง มายาวนานถึง 20 ปีก็ตามคือ Dr.Linus Pauling ชาวเมืองพอรต์แลนด์ ได้เคยพูดไว้ว่า เหตุที่เขาสามารถมีสุขภาพดีและสามารถชะลอการลุกลามของโรค มะเร็ง ในตัวได้นานกว่า 20 ปี ก็เนื่องจาก วิตามิน และ เกลือแร่ ที่เขารับประทานเข้าไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิตามินซี ซึ่งหลังจากที่เขารับประทานขนาดสูงทุกวัน เขาก็ไม่เคยเป็นหวัดอีกเลย Dr.Linus Pauling เริ่มรับประทาน วิตามินซี ชนิดเม็ดตั้งแต่อายุ 40 ปี และเพิ่มขนาดสูงถึง 18,000 มิลลิกรัม เมื่อรู้ว่าตนเองเป็น มะเร็ง ตั้งแต่อายุได้ 64 ปี เขายืนยันว่ามันช่วยให้ มะเร็ง ในร่างกายสงบลงและนี่แหล่ะครับคือประวัติที่มีมานานของวิตามินซีนั่นเอง

เรามาดูกันดีกว่าครับว่าประโยชน์ของวิตามินซีมีอะไรบ้าง

 1. เป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในโครงสร้างของหลอดเลือด เอ็น กระดูก
 2. เป็นสารด้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ที่มีประสิทธิภาพสุงช่วยปกป้องเซลล์ ทำให้เซลล์อยู่ในสภาวะปกติ
 3. ช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมแร่ธาตุจากอาหารได้ดียิ่งขึ้น
 4. มีส่วนช่วยในการสังเคราะห์สารสื่อประสาทจำพวก norepinephrine ซึ่งสารสื่อประสาทดังกล่าวนี้มีส่วน

     ช่วยทำให้มองรับรู้เกี่ยวกับอารมณ์
 5. ช่วยในการสังเคราะห์สาร carnitine ซึ่งเป็นสารโมเลกุลขนาดเล็กที่มีส่วนช่วยในการลำเลียงไขมันที่

     ไมโทคอนเดรียเพื่อเปลี่ยนให้เป็นพลังงานแก่ร่างกาย
 6. มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการเมแทบอลิซึมของโคเลสเทอรอล โดยจะช่วยเปลี่ยนโคเลสเทอรอลให้กลายเป็น   

     กรดน้ำดี (bile acids) ทำให้ ระดับโคเลสเทอรอลในหลอดเลือดลดลงได้
 7. เสริมภูมิต้านทานและช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ เนื่องจากวิตามินซีมีคุณสมบัติช่วยต่อต้านสารที่ก่อให้เกิดอาการ 

     ภูมิแพ้ได้

 

แต่โทษของวิตามินซีก็มีนะครับสิ่งที่มากเกินไปไม่ว่าจะเป็นของที่มีประโยชน์ก็เป็นอันนตรายได้ครับ

เนื่องจากวิตามินซีมีหน้าที่ในการช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกาย การรับวิตามินซีในปริมาณมากจะทำให้เกิดปัญหาการสะสมธาตุเหล็กตามกระดูกข้อ ต่อต่างๆ มากขึ้นการได้รับวิตามินซีมากเกินไปอาจไปรบกวนการดูดซึมของทองแดงและซีลีเนียม หากได้รับวิตามินซีชนิดที่ไม่ได้บรรจุแคปซูล โดยการรับประทาน เกินวันละ 10,000 มิลลิกรัม อาจทำให้ท้องเสีย ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ เนื่องจากวิตามินซีที่มีจำหน่ายทั่วไปในท้องตลาดมักเป็นชนิดที่มีคุณสมบัติ เป็นกรด หากต้องการหลีกเลี่ยงการระคายเคืองกระเพาะอาหาร ควรรับทานวิตามินซี ชนิดที่เป็น กลาง หรือเป็นกรดต่ำ

 

 

หลังจากเรารู้ถึงประโยชน์และพร้อมพร้อมอาหารที่มีวิตามินซีสูงแล้วเราไปดูกันดีกว่าว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีวิตามินซีเป็นส่วนผสมที่ผมเคยใช้มานั้นมีอะไรบ้างเราจะมาดูกันทีละตัวเลยครับ

 

1.Vitamin C แบบ Injection ที่สำหรับฉีดเพื่อบำรุง

ราคาตกแผงละ 200 บาทจำไม่ได้ใช้นานมากและครับ

สมัยลองผิดลองดู ตามประสาเด็กน้อยๆมอปลาย

ตัวนี้ถามว่าชอบไหมผมชอบมากมากเลยเวลาตัดจุกแล้วเอาน้ำวิตามินซีมาตบตบหน้าหรือทำเป็นมาส์คโดยการนำมาส์คอัดเม็ดใส่ชามตราไก่พร้อมเทวิตามาซีลงไปแล้วมาส์ค15นาที เอาออกมาหน้าใสเวอร์ (ไม่ได้ใสไปกับพื้นนะครับ) และเป็นวิตามินซีที่ไว้ฉีดพร้อมกลูต้า(พอดีเคยฉีดสมัยเรียนมอปลายเห็นเค้าผสมลงไปอยู่) คุณภาพคุ้มกับราคาเพราะหน้าใสจริงอะไรจริงในราคาไม่แรงซึ่งเอามาทาหน้าได้ด้วยหาซื้อได้ตามเว็ปไซค์ serch google ดูนะจ๊ะ

ให้คะแนน 9/10 หักเพราะหาซื้อยากและบางทีเวลาหักหัวมันแตกซึ่งเคยแตกใส่มือแล้วเลือดไหลมาแล้วถ้าใครซื้อใช้

ขอเตือนให้หักดีดีนะครบไม่งั้นจะเจ็บตัวแบบผมได้แหะๆ

 

2.Set Radiance C By.Orental Princess

set นี้ราคาพันกว่าบาทจำไม่ได้แล้วเพราะใช้ตั้งแต่มอปลายเช่นกัน

สมัยนั้นวิตามินซีมันบูมมากๆเลยลองซื้อเซ็ทนี้มาใช้คับผม

ตัวนี้บอกก่อนว่ามีน้ำหอมผสมอยู่ในปริมาณค่อนข้างแรงทีเดียว(ดมจากกลิ่น)บอกก่อนว่าผมใช้ทั้งเซ็ทเลยสมัยนั้น

หน้าใสขึ้นนะครับแต่รู้สึกว่ามันยังไม่ถึงที่สุดหรือมันเบาไปสำหรับผมหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่ชอบที่สุดคือเซรั่มของไลน์นี้เพราะหอมกลิ่นส้ม และเนื้อเซรั่มซึมง่ายไม่เหนอะหน่ะ คือใช้แล้ว Feeling รู้สึกผ่อนคลายอ่ะครับถ้าแต่ไม่ชอบครีมมันเพราะว่ามันหนักหน้าของผมเกินไปนะในความรู้สึกถ้าใครผิวแห้งก็แนะนำว่าครีมตัวนี้เป็นราคาที่ไม่แรงแต่เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ให้คุณได้สมกับราคาครับ ตัวนี้ผมให้ 8/10 เพราะยังไม่พอใจครีมที่หนักเกินไปสำหรับผมและไม่ชอบน้ำหอมที่ใส่ซะเท่าไหร่ แต่บางคนชอบความชุ่มชื้นหรือไม่แคร์เรื่องกลิ่นมันก็โอเคเลยครับ เพราะทำให้หน้าใสขึ้นจริงๆ

 

3.Fresh Juice C Serum By. Skinfood

ตัวนี้ฝากเพื่อนหิ้วจากเกาหลีราคา300กว่าบาท

เป็นตัวที่ผมปลื้มมากมากไม่ได้อวยนะครับแต่ถึงแม้ว่ามันจะมีกลิ่นของน้ำหอมผสมบ้างแต่ผมใช้แล้วไม่แพ้ไม่เป็นอะไรผิวกระจางใสขึ้นและรอยดำจางลงจนเพื่อนและคุณแม่ทักไม่เหนียวเหนอะหน่ะเหมือนครีมเซรั่มยี่ห้ออื่นๆ เวลาใช้ก็บีมขึ้นมา1หลอดแล้วใช้ทั้งหลอดทั้งหน้าและลำคอ แต่ก่อนซื้อบอกเลยของของปลอมระบาดหนักมากมากไงถ้าเพื่อนๆอยากซื้อไปลองใช้ดูร้านดีดีนะครับจะได้ไม่โดนหลอก ตัวนี้ให้คะแนน 10/10 ครับไม่รู้จะหักส่วนไหน

 

อย่างไรก็ตามผมต้องบอกก่อนนะครับว่าวิตามินซี ไม่ได้ทำให้หน้าขาวขึ้นแต่ทำให้หน้าดูกระจ่างใสขึ้น (งงไหมอิอิ)

คือมันจะไปช่วยผลัดเซลล์ผิว(เป็นกรดผลไม้อ่อนๆ) ทำให้เซลล์ผิวที่ตายหลุดออกไปทำให้ผิวหน้าของคุณดูกระจ่างใสขึ้นนั่นเองซึ่งหมายถึงค่อยๆทำให้เป็นสีผิว ที่คุณเคยดีที่สุดอ่ะครับก็จะขาวได้เท่านั้นคงไม่สามารถทำให้ขาวแบบฉีดกลูต้าหรือฟอกผิวแบบที่เค้ากำลังฮิตกันไม่ได้หลอกนะครับจริงๆแล้ววิตามินซีหาได้จากอาหารที่มีวิตามินซีสูง

 

 

สำหรับอาหารที่จัดว่ามีวิตามินซีสูง ได้แก่ อาหารจำพวกผักและผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง มะละกอ มะนาว กีวี พริกหยวก ผักกาด มะเขือเทศ หน่อไม้ฝรั่งและบล็อคโคลี่ เป็นต้น เนื่องจากวิตามินซีสลายได้ง่ายเมื่อสัมผัสกับอากาศ แสง โลหะหรือความร้อน ดังนั้นส่วนใหญ่วิตามินซีที่มีอยู่ในอาหารจะสูญเสียไประหว่างขั้นตอนของการ ประกอบอาหาร เช่น ในกระบวนการต้มหรือนึ่งอาหารที่ใช้เวลานานมากเกินไป เช่นเดียวกับการแช่ผักไว้ในช่องแช่แข็งเป็นระยะเวลานานหรือหั่นผักแล้วนำไป แช่น้ำจะทำให้วิตามินซีละลายไปกับน้ำได้ นอกจากนั้นการคั้นน้ำผลไม้รับประทานควรจะคั้นแล้วรับประทานเลยทันที ไม่ควรทิ้งไว้นานเกิน 2 วัน ถ้าเป็นไปได้ควรบริโภคผักและผลไม้สดเพราะจะให้ทำให้ได้รับวิตามินซีในปริมาณ ที่มากที่สุดได้ดังนั้นถ้าคุณไม่รีบก็แนะนำค่อยๆกินผักผลไม้ไปดีกว่าเพราะนอกจากเราจะได้วิตามินซีแล้วเรายังได้ใยและกากอาหารที่เรียกว่าไฟเบอร์เพื่อช่วยในกระบวนการย่อยอาหารของเราด้วยครับ

Discussion (5)

วิตซีที่เป็น แผงสีเขียวอะค่ะ ตามร้านขายยาทั่วไปมี แต่แผงละ 200 กว่าๆ เหมือนเจ้าของกระทู้ แต่พอดีไปเจอในเน็ต แผงละ 60 บาท :'D เลยได้มาแบบราคาเบาๆ

Alohaza : ไม่เป็นไรครับยินดีนำข้อมูลดีดีมาแชร์กันครับ

P'เต้าหู้ : มาอ่านบ่อยๆเน้อ

P'Bank : ปกติพีทไม่ได้กินกาแฟอ่ะครับพี่แบงค์แหะๆ แหมหายไปนานเชียวนะครับกว่าจะเข้าจีบันอิอิ

วิตามินซี นึกถึงไอเม็ดสีเหลืองเปรี้ยวๆที่อมตอนเด็กๆชอบมากๆ. ขอบคุณสำหรับความรู้นะครับพีท เพิ่มเติมนิดนึงทานวิตามินซีแบบเม็ดังจากดื่มกาแฟ2 ชั่วโมงถึงจะดีนะครับ เพราะกาแฟมีสารต่อต้านอะไรซักอย่างที่ทำให้ร่างกายไม่เอาวิตามินซีไปใช้

โย่วๆๆๆ อ่านเพลินๆๆ  สนุกๆๆ

ชอบๆๆ

ขอบคุณสำหรับสาระดีดีที่นำมาแบ่งปันกันนะค่ะ