เคล็ดลับการดูแลผิวให้สวย และดูอ่อนกว่าวัย
Polka Dot Mania 25
สิวเป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อยที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยรุ่น แต่วัยรุ่นไทยส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคสิว คือส่วนใหญ่เชื่อว่าสิวเกิดจากความสกปรก เมื่อเป็นสิวจึงโหมล้างหน้าวันละหลายครั้ง ที่จริงแล้วการทำความสะอาดผิวมากเกินไปกลับทำให้สิว และสภาพผิวเลวลง เพราะจะทำให้ขบวนการสร้างเคอราตินของเซลล์ผิวหนังไม่เกิดตามปกติ การทำความสะอาดผิวหน้าจึงควรทำเฉพาะในเวลาเช้า -โดยเฉพาะในคนที่ทายารักษาสิวเพื่อล้างเศษยาที่หลงเหลืออยู่ออก เพราะยาทารักษาสิวที่ทาก่อนนอน (คือ กรดวิตามินเอ) ทำให้ผิวไวต่อแสง เวลาเย็น – เพื่อล้างครีมกันแดด และเมคอัพ และล้างหน้าหลังทำกิจกรรมที่ร้อน มีเหงื่อออกมาก เนื่องจากยาที่รักษาสิวทำให้ผิวหนังได้รับผลเสียจากแสงแดดได้ง่ายขึ้น คือทำให้เกิดผิวไหม้แดด เกิดรอยด่างดำ และผิวเหี่ยวแก่จากแสงแดด ผู้ที่รักษาสิวอยู่จึงควรใช้ยากันแดดร่วมด้วย พบว่ายากันแดดที่มีค่า SPF สูงมากเกินไป มักก่อให้ผิวระคายเคืองและเกิดสิวได้ง่ายขึ้น และยังมีราคาแพงโดยไม่จำเป็น จึงควรเลือกค่า SPF ให้เหมาะสม เช่น การโดนแสงแดดตามกิจวัตรประจำวันให้ใช้ SPF 10 หรือ 15 ถ้าต้องออกโดนแดดนานกว่าปกติ (หลายชั่วโมง) อาจใช้ SPF 30 ควรเลือกใช้ยากันแดดที่ไม่ทำให้สิวเห่อ และทาแล้วไม่ปวดแสบปวดร้อน
วัยนี้อาจมีปัญหาผิวหน้ามันหรือสิว ซึ่งมาจากฮอร์โมนเพศเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ โดยเฉพาะช่วงก่อนหรือหลังการมีประจำเดือนที่ผิวหน้าจะมัน เป็นสิวและเห็นรอยแดงชัดเจนขึ้น ไม่ควรแกะ แคะหรือบีบสิวใดๆ ทั้งสิ้น เพราะอาจเกิดการอักเสบ ติดเชื้อและเกิดแผลเป็นซึ่งแก้ไขได้ยาก การดูแลผิวพรรณช่วงวัยนี้ต้องให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดผิวให้หมดจด โดยเฉพาะคนที่แต่งหน้า ควรเช็ดเครื่องสำอางด้วยออยล์ คลีนเซอร์ด้วยสำลี และล้างหน้าให้สะอาดอย่างแผ่วเบา พร้อมทาครีมบำรุงตาม สำหรับผู้ที่มีผิวหน้ามันแนะนำให้ทาครีมที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือน้ำหอม และอย่าลืมทาครีมกันแดด สวมแว่นกันแดด ใส่หมวก หรือกางร่ม เมื่อไปทำธุระข้างนอก เพราะแสงแดดระหว่าง 8 โมงเช้า - 5 โมงเย็น เป็นศัตรูตัวร้ายที่ทำให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอยเหี่ยวแก่ที่จะมาเยือนก่อนวัยอันควร นอกจากนี้ผู้หญิงในวัยนี้เป็นวัยเจริญพันธุ์จึงอาจตั้งครรภ์ ซึ่งปัญหาผิวพรรณของคนท้อง คุณสามารถพลิกไปอ่านลายละเอียดได้ในคอลัมน์ Healthy Skin Q&A ในฉบับเดียวกันนี้
ผิวพรรณของสาววัยนี้เริ่มขาดความชุ่มชื้นและไม่เปล่งปลั่งสดใสเหมือนเดิม ส่วนใหญ่พบว่าผิวเริ่มแห้ง มีริ้วรอยปรากฏบริเวณหางตา มีปัญหาจุดด่างดำจากกระหรือฝ้าเพิ่มมากขึ้น วิธีถนอมผิวช่วงวัยนี้คือ การใช้ครีมบำรุงผิวที่มีเนื้อครีมเข้มข้นขึ้น และทาครีมบำรุงผิวเฉพาะส่วนมากขึ้น เช่น ครีมบำรุงผิวรอบดวงตา สำหรับพนักงานออฟฟิศที่นั่งทำงานในห้องแอร์ หรือนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นประจำทุกวัน ขอแนะนำให้ดื่มน้ำมากๆ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ที่จะทำร้ายผิวให้ดูแก่ก่อนวัย รวมถึงการทำใจไม่ให้เครียดหรือหน้านิ่วคิ้วขมวด ที่จะทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย ในวัยนี้ผิวจะเริ่มเหี่ยวย่น มีฝ้า มีกระ หลายคนจึงหันมาใช้เครื่องสำอาง หากไม่ศึกษาวิธีใช้ให้ดีพอ หรือใช้เครื่องสำอางมากเกินไปอาจเกิดผื่นแพ้เครื่องสำอาง หรือเกิดสิวจากเครื่องสำอางได้
เป็นช่วงวัยที่ผู้หญิงสูญเสียความมั่นใจและกังวลเกี่ยวกับปัญหาผิวพรรณมากที่สุด เนื่องจากไขมันหล่อเลี้ยงใต้ชั้นผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่นลง ทำให้ผิวไม่อิ่มเอิบ ทำให้เห็นริ้วรอยหรือจุดบกพร่องชัดเจนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้หญิงช่วงอายุนี้เริ่มเข้าสู่วัยทอง ทำให้ขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนส่งผลทำให้ผิวแห้ง และแพ้ง่ายมากยิ่งขึ้น จึงขอแนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีเนื้อเข้มข้นทาตอนเช้าและก่อนนอน เป็นประจำทุกวัน คุณสมบัติของครีมเข้มข้นเหล่านี้ไม่สามารถทำให้ลดเลือนริ้วรอยได้ 100% เหมือนตามภาพยนตร์โฆษณาหรือคำอ้าง แต่สารที่ให้ความชุ่มชื้นจะช่วยทำให้ผิวอุ้มน้ำได้มาก ทำให้ผิวดูเต่งตึง ริ้วรอยตื้นขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้ถ้าไม่ทาบำรุงเป็นประจำริ้วรอยก็จะปรากฏขึ้นมาใหม่
ในวัยนี้ต่อมไขมันเริ่มทำงานน้อยลง จึงเกิดผิวแห้งได้ ผู้สูงวัยหลายท่านชอบอาบน้ำร้อน นอนแช่ในอ่างอาบน้ำ ใช้สบู่ที่แรงฟอกตัวมากเกินไป เหล่านี้ล้วนทำให้ผิวแห้งมากขึ้น จึงควรเลี่ยงการกระทำดังกล่าว และอาจใช้ครีมให้ความชุ่มชื้นทาได้เวลาผิวแห้ง หากคุณเป็นคนไม่ใส่ในการบำรุงและดูแลสุขภาพผิวพรรณมาก่อน สภาพผิวหน้าหย่อนคล้อยและริ้วรอยร่องลึกก็จะแสดงปรากฎบนใบหน้าอย่างชัดเจน อาจใช้เครื่องสำอางในการปกปิดจุดบกพร่อง เพื่อชะลอความแก่ยังมีการดูแลจำเพาะ ได้แก่ การป้องกันผิวหนังไม่ให้ถูกทำลายจากแสงแดด โดยใช้ยากันแดดที่มีประสิทธิภาพดี ใช้เสื้อผ้าปกปิดผิวหนัง หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแดดจัด การทาครีมกลุ่มกรดวิตามินเอ ครีมตัวนี้จัดเป็นยาช่วยทำให้ผิวหนังที่ถูกทำลายจากแสงแดดดีขึ้นทั้งในแง่ความหยาบ รอยย่น และผิวกระดำกระด่าง แต่ต้องใช้ระยะเวลานาน 10-12 เดือนขึ้นไป การทากรดผลไม้ ช่วยให้ผิวหนังชั้นหนังกำพร้าหลุดลอกทำให้ผิวหนังดูเรียบเนียนขึ้น ลดริ้วรอยเหี่ยวย่นตื้นๆ จุดกระดำกระด่าง และลดความแห้งกร้านของผิวหนัง ปัจจุบันมีการใช้กรดผลไม้อยู่ 2 แบบ คือ ถ้าความเข้มข้นต่ำ เช่น 4-8% อาจใช้ทาเองที่บ้านได้ แต่ถ้าความเข้มข้นสูง เช่น 30-70% ต้องให้แพทย์เป็นคนทาให้ โดยทาทิ้งไว้ในช่วงเวลาสั้นๆ นับเป็นนาที ทุก 1–2 สัปดาห์ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
สารต้านอนุมูลอิสระ ที่รู้จักกันแพร่หลายได้แก่ วิตามินเอ ซี อี เบต้าคาโรทีน โคเอนไซม์คิว 10 เป็นต้น เหล่านี้ใช้ทาผิวหนังเพื่อหวังป้องกันและรักษาผิวเหี่ยวแก่ แต่ผลยังไม่แน่นอนนัก การให้ฮอร์โมนทดแทน พบว่าการให้ฮอร์โมนเพศหญิงแก่หญิงวัยหมดประจำเดือน ในรูปยาทาหรือยารับประทานอาจทำให้ผิวหนังยืดหยุ่นดีขึ้น ชุ่มชื้นมากขึ้น และหยาบกร้านน้อยลง แต่ต้องปรึกษาสูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น จากคลินิกวัยทองก่อนใช้ยาเหล่านี้ การรักษาทางศัลยกรรม ที่นิยมมากได้แก่ การฉีดสารพิษโบทูลินัม เพื่อลดริ้วรอยเหี่ยวย่นที่เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อบนใบหน้ามากเกินไป เช่น บริเวณตีนกา หว่างคิ้ว หรือหน้าผาก ผลการรักษาอยู่ได้ 3-4 เดือน จึงต้องฉีดซ้ำ นอกจากนั้นก็มีการใช้เลเซอร์ ซึ่งควรทำในคนที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นอันเป็นผลจากอายุและการทำลายของแสงแดด
ที่สำคัญที่สุดนั้น การดูแลผิวในทุกวัยที่ดีที่สุดคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ผิวมีสุขภาพดีจากภายใน เริ่มจากการกินอาหารที่ให้วิตามิน เกลือแร่และกากใยมาก การดื่มน้ำเปล่า การออกกำลังกายและการพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นต้น
Discussion (5)