เชื่อเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็นกันมั้ยคะ
jajajun222สวัสดีค่ะสาวๆ ห่างหายจากเว็ปนี้ไปนาน วันนี้เกิดคึกๆเลยมาตั้งกระทู้ซะเลย ตามหัวข้อเลยนะคะสาวๆ เชื่อเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็นกันมั้ยคะ วันนี้เรามีเรื่องจะมาแบ่งปันพร้อมบ่นๆๆด้วยค่ะ ถ้ายาวขออภัยด้วยนะคะ
เราชื่อจุนจ้าค่ะ ขอเรียนแทนตัว จขกท ว่าจ้าละกันนะคะ จ้าอยากมาแชร์ประสบการณ์ขนหัวลุกให้สาวๆหลอนเล่นกันค่ะ(อย่าพึ่งถีบ จขกท เด้ออ) เริ่มเลยละกันนะคะ คือตัวจ้าเนี่ย เป็นคนมีเซ็นท์ แต่ไม่ถึงกับ เจนญาณทิพย์หรอกนะคะ แค่จะได้ยินอะไรที่คนอื่นๆไม่ได้ยินหรือเห็นอะไรที่คนไม่เห็นกัน ตอนแรกจ้าก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าตัวเองเป็นคนมีเซ๊นท์ แต่ประมาณเมื่อหลายปีที่แล้วพี่สาวจ้าลากไปดูไพ่ยิปซี ซึ่งต้องขอบอกก่อนว่า ท่านที่เป็นคนทำนายนี่เชื่อถือได้แน่นอนค่ะ เพราะท่านเคยเป็นโหรเดิมของพระพี่นาง ฉะนั้นขอไม่เอ่ยนามท่านละกันนะคะ คือจ้าก็เลือกๆไพ่ตามที่ท่านบอกอ่ะค่ะ แล้วทีนี้ท่านก็ทักว่า "หนูเป็นคนมีเซ๊นท์นะ รู้ตัวรึป่าว" ซึ่งไอ้เราก็งงๆ เห~ เซ๊นท์อีหยังหว่าาาา แต่ท่านก็บอกแค่นั้นค่ะ แต่ทิ้งท้ายว่า "ลองใช้ให้เป็นประโยชน์สิ" จ้าเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายค่ะ แต่แล้ววันนึงจ้าก็เปลี่ยนความคิดเลยค่ะ คือวันนั้นนั่งเม้าท์กะเพื่อนๆอยู่ตอนดึกๆอ่ะค่ะ จ้าไปทีหอเพื่อนแล้วทีนี้ ตอนพูดกันมันมีเสียงแทรกอ่ะค่ะเป็นเสียงผู้หญิง ดังเหมือนแว่วๆมา จ้าก็ถามเพื่อนๆมาว่า เห้ย แกได้ยินเสียงไรเหมือนฉันมั้นฟะ ซึ่งเพื่อนจ้าทุกคนก็บอกว่าไม่ เสียงไรยะแก บ้าน่า แกอย่ามาบิ๊วได้มะยิ่งตอนกลางคืนอยู่นะยะ$#@!@@%$# เอิ่ม โอเค จบไป จ้าก็ไม่สนใจค่ะ คิดซะว่าบางทีข้างห้องเค้าอาจจะกำลังฟิชเจอริ่งกันอยู่ก็ได้(หร๊ออ) เหตุการณ์ที่สองค่ะ คือที่บ้านจ้าเนี่ยจะทำธุรกิจครอบครัวกันค่ะ แล้วทีนี้ช่วงนั้นลูกค้าสั่งของเยอะเลยต้องช่วยกันทำจนดึกพี่น้องจ้าก็เลยยกทีวีออกมาดูกันที่โรงรถอ่ะค่ะ คืนนั้นเป็นรายการคนอวดผีค่ะ เหอๆ เราก็นั่งดูกันไป แล้วจังหวะที่จ้าจะหันไปคุยกับพี่สาวที่นั่งข้างหลังอ่ะค่ะ ขอสาบานเลยว่าจ้าเห็นกลุ่มควันสีเทาลอยฟรืบผ่านไปค่ะ คือเห็นเป็นกลุ่มควันจิงๆค่ะ ไม่ได้ตาฝาดแน่นอน นาทีนั้น ขนลุกซู่ซ่าเลยค่ะ คิดไรไม่ออกแล้วรีบแจ้นเข้าห้องเลยค่ะ(จ้าเป็นคนกลัวผีมากกกกกกกกค่ะ) มีอีกนะคะ เหตุการณ์นี้ จ้าจำไปจนตายเลยค่ะ คือวันั้นตอนดึกๆอ่ะค่ะ มันเป็นช่วงหน้าฝนอ่ะเนอะ แล้วคนเหนือเค้าจะชอบออกไปเก็บแมงมัน(รู้จักกันมั้ยน้อ คล้ายๆแมงเม่าบินเข้ากองไปนั่นแล) จ้าเองก็ไปเก็บกับป้าอ่ะค่ะ ไม่มีไรทำ เก็บแมงมันเล่นดีกว่า เห๊อๆ จ้าก็มุดเข้าไปเก็บในพงหญ้าค่ะ มุดๆไปเก็บไปสนุกดี แต่มันไม่สนุกก็ตอนนอนนี่แหละ จ้านอนอยู่แล้วพอจะพลิกตัว มันพลิกไม่ได้อ่ะค่ะ คือแข็งไปทั้งตัว กระดิกนิ้วยังไม่ได้เลย คือพูดง่ายๆ เราโดนผีอำค่า!!!!!!!!!!! ตอนนั้นจ้ากลัวมากค่ะ ได้แต่สวดมนต์สวดๆๆๆเข้าไป ซักพักก็มีเสียงผู้ชายอ่ะค่ะมาหัวเราะข้างๆหูน่ากลัวมาก เหมือนสะใจอะไรแบบนี้น่ะค่ะแล้วก็เหมือนมีคนมานั่งทับตัวจ้าไว้อ่าค่ะเพราะมันหนักช่วงตัวยังไม่รู้ จ้าพยามสวดมนต์ค่ะ สวดมั่วซั่วไป สวดในใจนะคะปากขยับไม่ได้ พลางคิดในหัวอ่ะค่ะ ว่าขอโทษๆๆๆๆๆ ไม่รูทำไมต้องขอโทษเหมือนกัน ผ่านไปซักพักพอจะขยับตัวได้ จ้าร้องกรี๊ดลั่นบ้านเลยค่ะ พี่ป้าน้าอาพ่อแม่เปิดไฟลุกมาดูจ้าหมด พอจ้าบอกโดนผีอำก็พากันไม่หลับไม่นอนทั้งบ้าน (กลัวกันหมด) ยายจ้าบอกค่ะว่า สงสัยตอนเราไปเก็บแมงมัน(อีกละ) จ้าคงจะไปเหยียบโดนเค้า(ผีนะคะ)เข้า เค้าเลยมาเอาคืน ซอยเข้าบ้านจ้าเป็นทางสามแพร่งค่ะ ยิ่งหลอนใหญ่ โอ้ พิมซะยาว จบๆละ อ่านไปหลอนเล่นๆนะคะสาวๆ โชคดีระวังผีเด้อ (โดนถีบ) บายๆ ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ
Discussion (22)
by fangbif ตอนนั้นเราแค่ตกใจ แล้วยืนจ้องมากกว่า ว่าตกลงเราเห็นอะไรกันแน่ แต่ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำไมเป็นคนไม่โวยวาย
อย่างอพาร์ทเมนท์ที่อยู่ทุกวันนี้ บางคืนนอนๆ จะมีเสียงดัง กึ่งๆๆ มาจากใต้เตียงเรา ทุกทีจะคิดว่าฝัน ก็จะนอนต่อ แต่มีคืนนึงจะนอนต่อหลังจากได้ยินเสียงกึงนี่แหละ แต่ เสียง กึงๆๆ ดันดังมากขึ้นไปอีก เราเลยลืมตา เอาฝ่ามือทาบไปกับเตียง พอเสียงดัง กึงๆๆ ปรากฎว่า มีแต่เสียง เตียงไม่สั่น แปลว่าผิดธรรมชาติ (เสียงต้องเกิดจากการสั่นสะเทือน เราคิดแบบนี้นะ) เลยพลิกตัวนอนตะแคง แล้วหลับต่อ (- -^) เสียเวลานอน ปล. หลังจากคืนนั้น เตียงไม่ลั่นอีกเลย แปลกดีจริงๆ
กลับกัน ในคืนแห่งการเตรียมตัวสอบมหาลัย หอพักหญิงของมหาลัย เราและรูมเมท (รวมเป็น 4 คน : วิศวะ 2, อักษร 2) ต่างนั่งอ่านหนังสือประจำโต๊ะหนังสือของตน อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาไกลๆ เบาๆ แต่ประเด็นคือ ร้องอยู่อย่างนั้นนานมาก จนอดเป็นห่วงไม่ไหว เอ่ยปากทักกันในห้องนั้นเอง
"เห๊ย! เค้าเป็นไรมากป่ะแก?"
"นั่นสิ เครียดหรือเปล่า?"
"หรือทะเลาะกับแฟน?"
ได้แต่เงยหน้ามาแลกคำถาม สบตากัน แล้วไม่มีคำตอบหลุดออกมา เพราะนึกแทนใจคนร้องไห้ไม่ได้ เลยก้มอ่านหนังสือกันต่อ แต่ดูเรื่องจะไม่จบลงง่ายๆ เสียงเสียงเดิมกรีดร้องที่รุนแรง หนักขึ้น มีสะอื้น มีกรี๊ด จนน่าตกใจ เป็นอีกครั้งที่เงยหน้ามาสบตากัน แต่คราวนี้ไม่มีใครหลุดประโยคอะไรออกมา สำหรับเราตอนนั้น สถานการณ์แบบนี้ เริ่มจะรู้ตัวแล้วว่าเจออะไรอยู่ แต่ไม่พูดกลัวเพื่อนกลัว.......เร็วเท่าความคิดเรา เสียงร้องไห้ที่แต่เดิม อยู่ไกลๆ มันดังแบบใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา และในที่สุด.......เสียงร้องไห้นั้นดังอยู่ตรงประตูบันไดหนีไฟ ซึ่งงงงง....อยู่ห่างจากห้องพักพวกเราไปเพียงแค่ห้องเดียว....เราพยายามจะอ่านหนังสือต่อเพราะคิดว่าเพื่อนๆ อาจจะไม่ได้ยินเสียงนี้ แต่คิดอีกที ตอนแรกพวกมันก็ยังคุยเรื่องเดียวกับเราอยู่เลยนี่หว่า สงสัยมาก เลยเงยหน้ามามองดูเพื่อน เพื่อนอักษรจ้องหน้ารอเราอยู่แล้ว ยิงคำถามใส่ก่อนเลย
"แกได้ยิน ใช่ไหม"
"อือ"
เพื่อนร่วมคณะฯ เรา รีบหันมาเสริม
"พวกแกก็ได้ยินใช่ไหม" แปลว่าเพื่อนเราได้ยินกันหมด จุดนี้ เราเผลอคิดในแง่ดีว่าอาจจะเป็นเสียงคนร้องไห้จริงๆ ก็ได้ เพียงแต่วิ่งข้ามตึก+ขึ้นบันไดมา 4 ชั้น นี่โคตรไวเกินมนุษย์
ระหว่างที่เรากำลังจะหันไปถามสมาชิกห้องคนที่ 4 เสียงร้องไห้ดันเร่งความดัง โหมกระหน่ำ คือถ้าร้องอยู่ตรงหน้านี่คงมี ตัวโยกตัวโยนกันบ้างล่ะ
//ไม่ต้องคิดอะไรกันต่อแล้ว เราและเพื่อนที่คุยกันอยู่ดีๆ กระโจนไปกองกันอยู่บนเตียงเดียวกันแบบไม่ได้นัดหมาย โดยมีสมาชิกคนที่ 4 (เรียบร้อยกว่าใครในห้องทั้งหมด) วิ่งเหยาะๆ ตามมานั่งบนเตียงด้วยคน เราจึงรีบหันไป//
"เห๊ย แกวิ่งมาทำไมอ่ะ" (เสียงร้องไห้ ดังเป็นซาวน์ประกอบ: ฮื๊อออ ฮือออ ฮื้อๆๆๆ ฮื๊ออออ)
"อ้าว ก็พวกแกมานั่งรวมกันทำไมอ่ะ" (เสียงซาวน์ยังคงทำงานเป็นปกติ: ฮื๊อออ ฮือๆๆ)
"แล้วตอนนี้แกได้ยินเสียงไรป่ะ" (ทำไมไม่รู้ เสียงประกอบดูจะเย็นๆชอบก๊ลลล: ฮือๆๆ ฮืออออ....)
"ไม่เห็นจะได้ยินอะไรเลย ทำไมหรอ พวกแกได้ยินเสียงไรกัน" (เสียงประกอบ: ฮื๊อออ ฮือ ฮือ)
สามคน: @+)*!5$%3r980&$&&^*
เสียงประกอบ: ฮือ ฮือออ ฮื๊ออออ ฮื้อ ฮือๆๆ....
สรุปละกัน:
1. โดนกันจริงๆ โดนกันค่อนห้อง มีน้องแบ๊วไม่ได้ยินเสียงอยู่คนเดียว (ตอนแรกอุตส่าห์คิดว่ารอดแล้วเชียว แล้วเชื่อไหม จนจบเรื่องน้องแบ๊วยังถามอยู่เลยว่าเสียงอะไร โอยยย เครียดว่ะแบ๊วเอ้ยยย!!)
2. จข. เสียงไม่ยอมเปิดเผยตัว (ขอบคุณมาก ไม่งั้นคงกลับไปอ่านหนังสือต่อกันไม่ได้)
3. พวกเราปรึกษากันอยู่นานว่า จะออกไปดูดีไหม อาจจะเป็นคนนั่งร้องไห้ก็ได้นะ (มีเราเป็นแกนนำตอนแรก แต่พอเสียงมันดังแปลกๆ เหมือนขู่ๆ เราเริ่มรู้สึกว่า ไปดูหลายคนดีกว่าป่ะ ซึ่งเพื่อนๆ ไม่ยอมไปด้วยกัน) เกี่ยงกันพักใหญ่ เสียงร้องไห้จึงเงียบไปเอง
ข้อคิด: เสียงอะไรแปลกๆตอนกลางคืน "อย่าทัก" คำสอนนี้คลาสสิคเสมอ/ การโดนยกกลุ่ม โคตรรรรรน่ากลัว เป็นครั้งแรกที่ตกใจ และได้ทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่การหนีไปนอน ตอนโดนคนเดียวสติดีกว่านี้เย๊อะะะะะ!!!
เจอแบบ คห.18 เรื่องสุดท้าย คงวิ่งอ่ะค่ะ เราว่าถ้ามีจริงเค้าน่าจะขี้เกียจหลอกได้แล้วนะ ขนาดทำให้เห็นจะๆ ยังไม่แคร์จะกลัว 555
โอ้ สาวๆเจอกันหลายคนจริงๆนะคะเนี่ย ขอบคุณค่า มาแชร์ประสบการณ์ผีๆกันตั้งเยอะ นึกว่าจะไม่มีคนเข้ามาอ่านซะอีก ฮ่าๆๆ
เมื่อก่อนเฉยๆ ค่ะ อาจเป็นเพราะเป็นคนมองโลกในแง่ดี + ลืมง่าย ในวัยเด็กจะออกแนวไม่ค่อยแน่ใจว่าเจออะไรอยู่ รู้แค่ว่าชินที่จะเจอแบบนี้ โตมาเลยพึ่งเข้าใจ ว่าเจออะไรอยู่ แต่ก็มึนอยู่ดี 555
อันนี้แค่สรุปบางช่วงตอนนะคะ
1. สมัยเด็ก นั่งเล่นชิงช้าหน้าบ้านตอนค่ำ กับน้องรุ่นไล่ๆ กันในหมู่บ้าน เห็นแสงเขียววาบๆ อยู่บริเวณบ่อเกรอะ (เค้าเรียกแบบนี้ไหมคะ บ่อที่รับปฏิกูลจากห้องส้วมน่ะค่ะ) ของเพื่อนบ้านท่านนึง เราก็จ้องได้สักพัก แล้วก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร เพราะน้องยังเด็กกลัวว่าน้องจะกลัว มันมืดแล้ว
2. นอนห้องคุณพ่อ คุณแม่ ที่บ้านหลังเก่าไม่ได้ จะฝันเหมือนเดิมทุกครั้ง คือมีวัตถุใหญ่ทรงกลม (ใหญ่กว่าเราหลายเท่า) กลิ้งไล่ทับ วิ่งหนีทั้งคืนในฝัน เหนื่อยมาก แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจจะเล่าให้ใครฟังอีก รู้แค่ว่าไม่ชอบไปนอนห้องนั้น
3. ประมาณ ม.ต้น เฝ้าบ้านคนเดียว ตอนกลางวัน ได้ยินเสียงหมาที่เลี้ยงไว้เห่าผิดปกติ เดินออกไปดูที่โรงรถ (เป็นแบบเปิด มีแต่เสากับหลังคา น่ะค่ะ) เห็นเป็นงูสีดำสนิทตัวเท่าต้นขาเราได้ เฉพาะส่วนเราที่เห็นยาวประมาณ 2 ช่วงเสา (ไม่เห็นหัวเพราะซ่อนส่วนบนในโพงหญ้า) เราก็ตกใจนะ เดินไปจับปลอกคอหมา เอาไปล่ามไว้ที่ชิงช้าหน้าบ้าน (อันเดียวกับข้อ 1) กลัวหมาโดนงูกิน เพราะตัวใหญ่มาก แล้วเดินเลยไปเรียกพี่ผู้ชายบ้านติดกัน (เป็นพื้นที่บ้านพักข้าราชการ บ้านไม้ทุกหลัง ไม่มีรั้วกั้นค่ะ) ขั้นตอนทั้งหมด ใช้เวลาไม่ถึง สิบนาที เดินกลับมา ไม่เห็นแม้แต่ร่องรอย ทั้งๆที่ปกติ งูตัวใหญ่ต้องเลื้อยช้าๆ แต่ก็เหมือนเดิม ไม่ใส่ใจ ไม่เล่าให้ใครฟังเหมือนกัน
4. กลางดึกคืนนึง อยู่ๆได้ยินเสียงเปิดทีวีที่ห้องโถง แล้วเสียงหนังแอคชั่นฝรั่งแบบที่พ่อเราชอบดูก็ดังขั้นมา ตอนแรกไม่สนใจพยายามนอนต่อคิดว่าพ่อนอนไม่หลับเลยออกมาดูหนัง แต่แล้วก็มีเสียงไขก๊อก พร้อมกับเสียงน้ำไหลแรงสู่โอ่งเก็บน้ำดังก้องมาก เราจึงรู้ได้ว่า น้ำหายไปประมาณครึ่งโอ่ง (ใครทันรุ่นตักน้ำอาบจะเข้าใจอารมณ์นี้นะคะ) เราเลยนอนไม่หลับ ตาสว่าง ลุกขึ้นมานั่งฟังเสียง หนักเข้าก็ไปยืนข้างประตูในความมืดเพื่อฟังว่า เป็นเสียงทั้งหมดของบ้านเราจริงๆ (บ้านพักราชการ อยู่ติดๆ กันค่ะ คุณลุงบ้านติดกันเคยเปิดลิเก หรือโขนนี่แหละตอนเช้ามืดมาแล้ว) มือเอื้อมจับที่จับบานประตูเตรียมพร้อม (บ้านไม้โบราณน่ะค่ะ ไม่มีลูกบิด) เมื่อมั่นใจก็เปิดประตูออกไป กลับพบแต่ห้องโถงที่ว่างเปล่า ทุกอย่างเงียบสงับ มีเพียงไฟเล็กข้างฝาผนังเท่านั้นที่เปิดทิ้งไว้ พอเดินไปดูห้องน้ำ น้ำก็เต็มจนจะล้นโอ่งได้ เรางงกับตัวเองนิดๆ จากนั้นก็เดินไปปิดไฟดวงที่ถูกเปิดค้างไว้ แล้วเข้าห้องนอนหลับต่อ (ไม่สนใจอีก)
5. ประมาณ ม.ปลาย หลังทานเข้าเย็นเสร็จ (เวลาประมาณ 2-3 ทุ่มอ่ะค่ะ) เราคลุกข้าวออกมาให้หมากิน ระหว่างที่ย้ายจากถาดแรก มาเทถาดให้ตัวที่สอง เราก็ได้ยินเสียง "แกรก....ก แกร่กก..ก..ก" (นึกถึงเสียงชามข้าวหมาพลาสติก ลากกับพื้นซีเมนต์เปลือยค่ะ) ในหัวก็คิดว่าหมาเราคงมูมมามกินแล้วไถชามไปกับพื้นด้วย (เสียง แกร่กกก แกรกกก ก็ดังตลอดระหว่างเราทำงานไปนะคะ) พอจัดการถาดข้าวหมาตัวที่สองได้ ก็หันมาเตรียมเดินกลับเข้าบ้าน ปรากฎว่า หมาตัวแรกมันยืนขวางทางเดินเข้าประตูไว้ค่ะ แต่สิ่งที่ทำให้เราอึ้ง ไม่ใช่ว่าหมายืนขวางทางหรอก ชามมันลากกับพื้นจริงๆ หมาเรายังไม่ได้ก้มหน้าลงไปกินข้าวเลยค่ะ เอาจริงๆ คือ สับสนว่าจะก้มยังไงมากกว่า เพราะชามเข้ามันเลื่อนหนีตลอด ภาพที่เห็นคือ ชามข้าวเลื่อน ซ้าย-ขวา สลับไปมา อยู่ตรงหน้าหมาตัวแรกเรา ซึ่งมันก็ได้แต่ยืนจ้อง ส่ายหัวตัวตำแหน่งชามข้าวเท่านั้นเอง เราก็เลยเลี่ยงไปเดินเล่น รอบๆ บริเวณ (ทั้งๆ ที่มันมืดแบบนั้นแหละ) สักพัก พอกลับเข้ามา เห็นหมากินข้าวได้ปกติ เราค่อยเดินเบียดมันเข้าบ้าน แม่อุตส่าห์ทัก "ให้ข้าวหมานานจัง" เลยตอบเรียบๆ "ไปเดินเล่นมา"
เอาแค่นี้ก่อนแล้วกัน มันเยอะ
ปล. แต่เราเป็นคนชอบพิสูจน์นะคะ อย่างเห็นเงาผู้หญิงผมยาวมายืนตรงหน้าต่างบานพับ เราก็เดินออกจากบ้านเพื่อไปดูอ่ะค่ะ ว่าใครมายืนอยู่ หรือถ้าได้ยินเสียงอะไร ก็จะหาต้นตอตลอด (ตอนเด็กๆ) พอโต อะไรที่ไม่ชัดเจนก็จะหา แต่ถ้าชัดๆ เลยว่า ไม่ปกติ ก็จะไม่หาค่ะ ขี้เกียจ จะนอนต่อ หรือไม่ใส่ใจมากกว่า (หรือจะเรียกว่าเรามึนดีล่ะ??)