ทำตัวอย่างน้ำ [water being]

ช่วงนี้เห็นสาวๆจีบันอกหักรักคุดกันหลายคน คนที่ไม่ดี ก็อย่าเดินต่อไปกะเค้า แม้เราจะรักเค้ามาก็ตาม แต่ถ้าเค้าไม่ัรักเรา ก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยุต่อ "อยู่๋กะคนที่ทำให้เรามีความสุขดีกว่า"

ฟังเพลง อกหัก - bodyslam เยอะๆ ช่วยได้ เคยผ่านชาวงนั้นมาก่อน "ชีวิตแค่โดนทำร้าย แต่ที่สุด มันต้องไม่โดนทำลาย"

เข้าเรื่องดีกว่า วันนี้ เปิดเจอบทความดีๆ ที่saveเก็บไว้ อยากแบ่งปัน ให้เพื่อนๆ อ่านกันนะ


ที่มา: kapook หรือ fwd เมล์ จำบ่ล่าย



บางครั้งการดำเนินชีวิตอย่างปกติสุข ต้องรู้จักปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม ทั้งสภาพแวด

ล้อมภายนอก เช่น สภาพเศรษฐกิจ สังคม ผู้คน วัฒนธรรม ค่านิยม ฯลฯ หรือสภาพแวดล้อมภายใน ซึ่งได้แก่

ฐานานุรูป หรือสถานะทางสังคมของตัวเองและครอบครัว ความรู้ ฯลฯ


หลายคนเป็นทุกข์ หาความสุขไม่เจอ เพราะไม่สามารถ "ปรับตัว" ให้เข้ากับปัจจัยทั้ง 2 ประการได้


น้ำเป็นตัวอย่างที่ดีของการปรับตัวเหล่านี้


1. รู้จักประมาณตัว


Water Being : น้ำ ไม่ว่าจะอยู่ในภาชนะรูปแบบไหนๆ หรือแหล่งน้ำธรรมชาติลักษณะใดๆ ก็

สามารถทำตัวกลมกลืนมีรูปร่างไปตามนั้น เช่น อยู่ในแอ่งเล็กๆ อยู่ในสระขนาดกลาง อยู่ในบึงกว้างๆ อยู่

ในทะเลสาบขนาดใหญ่ หรือแม้แต่อยู่ในมหาสมุทร น้ำก็อยู่ได้


Being Water : คนเองก็ต้องรู้จักปรับตัวให้เข้ากับที่อยุ่หรือสิ่งแวดล้อมที่ห่อหุ้มชีวิต อยู่บ้านใหญ่ก็อยู่

ได้ อยู่บ้านเล็กก็ปรับตัวให้เหมาะสม เศรษฐกิจดีก็ใช้เยอะ เศรษฐกิจแย่ก็ตัดรายจ่ายได้ ไม่ทุกข์ร้อนใจ มี

มากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย ตามภาษิต ‘นกน้อยทำรังแต่พอตัว’


เบื้องต้น คนต้องรู้ตัวเองเสียก่อนว่าเป็นน้ำในอะไร บางคนเป็นแค่น้ำขังในกะลา ทว่าใช้ชีวิตเหมือ

น้ำในทะเลสาบ แน่นอนล่ะ ในที่สุดก็ต้องอัตคัตขัดสน หามาได้ก็ใช้หนี้ หมุนวนอยู่อย่างนั้น เพราะ

ดำเนินชีวิตแบบ "เกินกำลัง" ของตัวเอง


เมื่อรู้ตัวแล้ว ก็ต้องรู้สถานการณ์ มีแล้วค่อยใช้ ไม่มีให้เก็บออม คนสมัยนี้ชอบเอา "เงินอนาคต" มาใช้

เงินอนาคตหมายถึงอะไรน่ะหรือ ก็หมายถึงเงินหรือรายได้ที่คาดว่าจะได้ในวันข้างหน้า แต่ก็เลือกที่จะใช้

เสียในวันนี้ เช่น ซื้อของเงินผ่อน กู้ หรือรูดบัตรเครดิตไปก่อน แล้วค่อยจ่ายทีหลัง มีจ่ายก็ดีไป ถึงเวลาราย

ได้ไม่มาอย่างที่คิด ลำบากเอามากๆ


2. รู้จักถ่อมตน-เคารพคนอื่น


Water Being : น้ำไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำเสมอ น้ำตกเกิดเพราะบนที่สูง บนยอดเขามีน้ำอยู่มาก ไม่ว่า

อยู่บนผิวดินหรือใต้ดิน ถึงที่สุดก็ต้องไหลลงสู่ที่ต่ำ


Being Water : เปรียบดั่งคนที่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ติดยึดกับหัวโขนที่สวมอยู่ ว่าฉันเป็นมหาเศรษฐี

ฉันเป็นอธิการบดี ฉันเป็นรัฐมนตรี ฉันเป็นกรรมการผู้จัดการ ฉันเป็นนายพล ฯลฯ แต่สามารถปรับตัวได้

ตามกาลเทศะ พบผู้อาวุโสก็รู้จักนอบน้อม พบผู้อ่อนอาวุโสหรือด้อยฐานะกว่า ก็เคารพ ให้เกียรติ และมี

เมตตา ไม่ดูถูก ไม่รังเกียจ


3. รู้จักยืดหยุ่น


Water Being : น้ำนั้นอ่อนนุ่ม แต่มีแรงปะทะมหาศาล ยามที่อยู่เฉยๆ น้ำไม่ทำร้ายใคร แต่ยามที่น้ำ

ไหลบ่าก็สามารถทำลายแม้กระทั่งขุนเขาขนาดมหึมา


Being Water : คนจึงต้องรู้จักอดทน อดกลั้น และข้ามผ่านช่วงเวลาที่ไม่น่าพอใจไปให้ได้ ด้วยการ

รู้จักยืดหยุ่น รู้เขารู้เรา รู้จักถอยเพื่อก้าว เมื่อได้ชัยชนะให้เกียรติคู่ต่อสู้ แข็งมาอ่อนกลับ ชนะจากภายในสู่

ภายนอก


จะชนะผู้อื่นได้จึงต้องทำตัวเหมือนน้ำทั้งกายภาพและจิตใจ ใช้ความอ่อนนุ่มสยบความแข็งกร้าว ว่า

ไปแล้วประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาหลายร้อยหลายพันปีก็มีตัวอย่างมายืนยันความคิดนี้ ผู้ชายที่มีอำนาจอันแข็ง

แกร่งล้วนแต่พ่ายแพ้ต่อสตรีที่อ่อนโยนและเลอโฉมมาแล้วทั้งสิ้น


สาวทั้งหลาย ควรจดจำเทคนิคนี้ไว้ให้ดี รับรองผล 100 เปอร์เซ็นต์


Discussion (7)

อีกเพลงที่อยากแนะนำให้ฟังก็"ก้อนหินก้อนนั้น" ของโรสอ่ะ
เน้นว่าของโรสนะคะ มีเวอร์ชั่นที่ผู้ชายร้องอ่ะ ไม่ได้ใจเลยหวานไป
ของโรสร้องจะรู้สึกได้ถึงพลังของการมีชีวิตอยู่ (เวอร์ไปป่ะ)
ฟังแล้วก็รักตัวเองให้มากนะจ้ะ
ตอนนี้ก็นำข้อคิดนี้มาใช้อยู่จ้า
เคยอ่านเจอของเวปพระมหาสมปอง ธรรมะดิลิเวอรี่อ่ะค่ะ

ถ้าเราทำได้จะมีความสุข และจะทำให้ปล่อยวางความเครียดได้ดี

ปกติจะเป็นคนเครียดง่าย เดี๋ยวนี้ชิวๆ มาก

แรกๆ จะทำยากสักเล็กน้อยที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง แต่ทำไปเรื่อยๆ ก็จะชินและเค้ากับผู้อื่นได้ง่าย มีแต่มิตร ไม่มีศัตรูค่ะ
มักจะเป็นน้ำร้อนเสมอ อยากเปลี่ยนแปลงแต่มันช่างยากเย็น