ปัญหาครอบครัว ท้อแท้ (พ่อแม่)

เช้าวันนี้เราตื่นมาพร้อมกับได้ยินเสียงแม่กำลังคุยกะพ่อ มันคือเรื่องเรานั้นเอง

แม่บอกพ่อว่า "นี่ดูสิ ฉันล่ะเหนื่อยจริงๆทำงานบ้านอยู่คนเดียว ไอ่แนนนี่นะไม่เคยจะมาช่วยไรเลย 

คนอะไรขี้เกลียดเหลือเกิน สู้น้องไม่ได้เลยน้องนี่ดี๊ดี ช่วยแม่ทุกอย่างเลย"

     (คือแม่เราจะชอบเปรียบกะน้องตลอดค่ะ)

ต่อค่ะ " ฉันนิเหนื่อยกะมันมากแล้วนะ พูดอะไรก็เถียง ไม่อยากจะสนใจมันหรอกเดี๋ยวนี้ "

     ( เรายอมรับว่าเถียงจริง แต่เราจะเถียงเรื่องที่เป็นคนถูกเท่านั้น )

ต่อค่ะ " แล้วมันก็ชอบใช้น้อง สันดารมันนี่เลวจริงๆ น้องนิน่าสงสารยังจะมาชอบว่าน้องอีก"

     ( เมื่อก่อนเรารักน้องมาก แต่เพราะเราอิจฉาน้องที่น้องได้รับความรักจากพ่อแม่ ได้รับความอบอุ่น 

        ซึ่งต่างเรา ที่เหมือนแม่เลี้ยงไปวันๆ)

ต่อค่ะ " เรื่องเรียนนิ เรียนก็ไม่ได้เรื่อง วันๆทำแต่เรื่องปวดหัว ฉันก็คิดว่าให้มันเรียนจบๆไป ไม่เคยหวังอะไรในตัวมันอยู่แล้ว"

     (แนนเรียนไม่เก่งเลยสักนิด พยายามแล้ว ไม่เคยได้รับคำชม แต่น้องเราหรอ เรียนเก่งจริงค่ะ เหอะก็อยู่ประถมนิ มันต่างกันมาก 

      แต่พ่อแม่ก็ไม่เข้าใจๆ)

 

แล้วคำสุดท้ายที่แม่พูดคือ "ไม่อยากจะอะไรกะมันแล้ว คิดสะว่ามันก็ลูก"

แม่พูดแบบไม่เหลือเยือใยให้เราเลย เราเลวขนาดนั้นเลยหรอ เรารักแม่มากแค่ไหนตอนเด็กๆเวลาพ่อแม่ทะเลาะกัน

เราถึงกับยกมือไหว้พ่อขอร้องว่าอย่าทำอะไรแม่ เรากอดแม่ไม่อยากให้โดนพ่อตี เรายอมให้ตัวเองเจ็บ คิดดูสิเด็กป.3คนนึงที่พาแม่หนี

จากบ้านแม่จะได้ปลอดภัย แม่เคยต่อยกะจกจนเลือดเยอะ เด็กประถมตัวเล็กๆคนนึง ที่วิ่งพาแม่ขึ้นรถไปหาหมอ เด็กคนนึงที่ไม่ยอมให้ใครว่าพ่อแม่  เด็กคนนึงที่คอยสวดมนต์ขอให้พระคุ้มครองพ่อตอนกลับบ้านให้ขับรถกลับอย่างปลอดภัยทุกคืน พ่อเราชอบด่าเราแรงๆ วันนึงเราลืมวางขนมไว้ พ่อเห็นด่าเราเหมือนเราฆ่าคนตายมา เราป่วยเป็นไข้แม่ไม่เคยแลมอง แต่น้องแค่ไอ3ที แม่รีบออกไปซื้อยาให้เลย

นี่แหละชีวิตเรา เราเคยคิดอยากจะโตไวๆหางานทำ จะได้ใช้ชีวิตเองสักที ขอบคุณทุกคยมากน้าที่อ่านความทุกข์ของเรา เศร้าTT

          

Discussion (20)

เราเคยคิดว่าพ่อแม่ไม่รักเรา รักน้องมากกว่า

แต่พอเรามาอ่านหลายๆความเห็น ทำให้เราคิดว่าเราโชคดีกว่าหลายๆคน

พอมองย้อนกลับไป พ่อแม่ กำลังสอนให้เรารู้จักแบ่งปัน เสียสละ และให้อภัยน้อง

แม่เคยบอกว่าถ้าเรามีลูกเราก็อาจจะทำไม่ต่างจากแม่ เพราะชีวิตคนเราไม่ได้ยาวมากนัก

แม่อยากให้รู้ว่าวันหนึ่งไม่มีพ่อแม่ เราก็ยังจะดูแลน้องได้.....เป็นกำลังใจให้เพื่อนๆนะคะ

สั้น ๆ ง่าย  ๆ รักค่ะ เชื่อเถอะ ถ้่าเขาไม่รักน้องเขาจะไม่สนใจน้องเลย การที่เขาบ่นอาจจะเป็นด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด สาเหตุอาจจะเกิดจากภาวะเครียด เหนื่อย หงุดหงิด หรือหลาย ๆ สาเหตุ มารวมกัน ก็เลยมาลงที่ลูก (ลูก  ๆ หลายคนก็อาจจะเคยเจอ) 

   น้องก็เฉยเสีย งานบ้านก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้ (ไม่ยากเลยค่ะ ลองทำดู) อะไรที่เราคิดว่าไม่ดีก็ปรับปรุงตัวเสียใหม่ เดี๋ยวเขาก็เห็นเองค่ะ 

  ส่วนเรื่องเรียนน้่องก็ตั้งใจเรียนให้จบ น้องอาจจะไม่ได้เก่งมากเหมือนคนอื่น แต่ถ้าน้่องเรียนจบก็มีอนาคตที่สดใสแล้วค่ะ 

 

( ณ ช่วงเวลาหนึ่งพี่เคยก็มีเคยมีความรู้สึกแบบน้องเหมือนกัน แต่เราใช้ความรู้สึกตรงนี้มาเป็นแรงผลักดันให้่ตัวเราประสบความสำเร็จดีกว่าค่ะ  พี่เรียนไม่เก่งเลย (โง่อ่ะ) แต่พี่ประสบความสำเร็จ มีหน้าที่การงานที่ดี มีครอบครัวที่ดีค่ะ ส่วนเพื่อนพี่เรียนเก่งมาก ตอนนี่้ไปขายหมูอยู่่ที่ตลาดโน่นแน่ะ (ยกตัวอย่างให้ดูเฉยๆ นะคะ อาจจะไม่ได้เป็นทุกกรณี  สู้ สู้ ค่ะ )

ก่อนอื่น บทสนทนา ที่น้อง ได้ยิน พ่อ กับแม่ คุยกัน แม่ รู้หรือปล่าว ว่าน้อง กำลังได้ยินคะ???

เพราะ ถ้าแม่รู้ว่าน้องยืนอยู่ เค้าอาจจะไม่พูดแบบนั้นกับพ่อ ก็ได้ นะคะ

อันนี้ พี่อ่านจากที่หนูพิมพ์ นะ เหตุการณ์ จริงๆ ยังไงพี่ไม่รู้

และที่สำคัญ ทุกคนมีหน้าที่ ทุกคนมีอารมณ์ และทุกคนมีสิทธิเหนื่อย

แต่ขึ้นกับว่า เราทำหน้าที่ของเราดีที่สุดหรือยัง เราเรียนเต็มที่หรือยัง เราช่วยพ่อแม่ แบ่งเบาภาระในบ้านบ้างหรือเปล่า

ลูกบางบ้าน พ่อ แม่ ไม่ส่งเสียให้เรียนหนังสือ นะ ต้องทำงานหาเงินเรียนเอาเอง แถมกลับมาต้องหาข้าวปลาให้พ่อแม่ กินด้วย

พี่ยังไม่มีลูกแต่ พี่มีหลาน แล้วมันปวดใจเหมือนกันแวลาที่เราคาดหวังกับเด็กคนหนึ่ง แล้วผิดหวัง

ถาพที่ตอนพี่เป็นเด็ก พี่ขี้เกียจ คือ ไม่เรียนเลย แม่พ่อ พี่ไม่ด่าว่านะ แต่น้ำตาคลอ เพราะเราสอบไม่ผ่าน ต้องย้ายโรงเรียน มันย้อนกลับมาในหัวทันที

อยากให้หนูลองคิด หลายๆมุมค่ะ พ่อแม่ รักลูกทุกคนค่ะ แต่การแสดงออกอาจต่างกัน

ที่สำคัญตั้งใจเรียนดีกว่านะคะ สู้ๆนะ

พ่อกับแม่ ไม่มีใครรักลูกไม่เท่ากันหรอกค่ะ ทุกคนรักลูกเท่ากัน ที่แกบ่นเพราะเหนื่อย-น้อยใจ จขกท ก็ต้องปรับตัวเอง ดูว่าตรงไหนที่ท่านพอใจในตัวเรา ท่านไม่พอใจ อย่างเรา เรารู้ตัวค่ะว่าเรียนไม่เก่งเท่าพี่ เราก็หาวิธีที่จะทำให้ท่านเบาใจ สบายใจ อย่างแรกคือ 1 เราเรียนจบแล้ว ก่อนหน้านี้เราอยู่บ้านเฉยๆไปวันๆ (รอจะสอบเข้าปริญญาโท แต่สอบไม่ได้สักที) เราก็ต้องช่วยทำงานบ้านต่างๆนาๆ คือต้องคิดนะคะ ว่าก่อนเราจะโตมาได้ขนาดนี้เนี่ย ท่านทำงานหาเงิน ทำงานบ้าน ให้เรามากขนาดไหน และในเมื่อเราโตพอที่จะทำอะไรได้แล้ว เราก็ควรทำค่ะ หรือไม่ก็ไม่ทำให้ท่านเหนื่อยเพิ่ม คือถ้าไม่ว่างทำงานบ้าน เราก็ควรจะจัดการธุระที่เป็นของเราด้วยตนเอง เช่น พวกซักผ้า รีดผ้า กวาดห้องตัวเอง สิ่งพวกนี้เราสามารถทำได้ในวันหยุดค่ะ พวกกวาดบ้านก็ใช้เวลาไม่นานในการทำด้วย ก็สามารถเบาแรงท่านได้ค่ะ

 

แล้วตอนนี้เราก็ออกมาทำงานนอกบ้านเพื่อให้ท่านได้ใช้เงินที่ท่านหามา พอวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ ก็พาไปที่ๆท่านอยากไป ไปไหว้พระ เดินตลาดน้ำ นู้นนี่นั่น

 

ส่วนเรื่องเถียง ยอมรับค่ะ ตอนเด็กๆเป็นคนที่เถียงพ่อแม่เก่งมาก(ประมานประถม-ม.ต้น) แต่พอโตมาจะคิดได้เองว่า ไม่ว่าเราจะถูกหรือผิดก็ไม่ควรไปเถียงท่านค่ะ ที่ท่านด่า ท่านเตือน ความหวังดีล้วนๆ โลกนี้ไม่มีใครรักเราเท่าพ่อแม่อีกแล้วล่ะ รู้มั๊ยว่าเวลาเราเถียงท่าน ท่านจะเสียใจแค่ไหน เพราะท่านหวังดีเลยว่า เลยด่า แต่โดนลูกที่เลี้ยงมาเถียงใส่ เพราะฉะนั้นไม่ควรทำนะคะ

 

ลองคิดดูสิ ที่แม่โอ๋น้องเพราะอะไร เพราะน้องยังเด็ก เราโตแล้ว สามารถดูแลตัวเองได้ แม่จึงไม่ห่วงไงจ้ะ น้องยังเด็กแม่เลยต้องออกไปซื้อยามาให้น้อง พี่เชื่อว่ายังไง พ่อกับแม่ "รักลูกเท่ากัน" ทุกคนแหละจ้า

 

ยังไง จขกท ก็สู้ๆนะคะ ลองปรับตัวเองดูค่ะ 

เราเป็นลูกคนเดียวก็จริงแต่แม่ชอบเอาญาติๆมารวมว่าญาติเรียนเก่งอย่างนู้อย่างนี้ดูเอ็งสิ

เราก็เลยพยายามหาข้อเสียของญาติๆคะ(เลวมากรู้ตัว)หรือไม่ก็หาข้อเสียอันที่แม่เราทำไม่ได้คะซึ่งสรุปแม่ไม่ไปเทียบกับญาติอีกเลย