แชร์ประสบการณ์ จากซีสต์ถึงเนื้องอกที่หน้าอก ความตั้งใจที่ไม่ตั้งใจ
Praewpailyn1716สวัสดีค่ะ สาวๆจีบัน วันนี้แพรวอยากจะมาเล่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา เกี่ยวกับสุขภาพร่างกายของผู้หญิงที่ไม่ควรละเลยกัน (อาจจะอ่านแล้วไม่รู้เรื่องหน่อย อย่าว่ากันนะคะ พยายามเล่าแบบย่อๆ บวกกับเป็นคนเล่าเรื่องไม่ค่อยเก่ง แต่ก็อยากแชร์)
ย้อนหลังไปเมื่อต้นเดือนธันวาปีที่แล้ว เราสงสัยตัวเองว่าทำไมช่วงนี้เจ็บหน้าอกด้านซ้ายบ่อยๆ ลักษณะอาการคือ เจ็บแปลบๆ จี๊ดๆตลอดเวลา เลยลองคลำบริเวณที่เจ็บค่ะ ปรากฏว่าเจอเม็ดอะไรหว่า ขนาดตอนนั้นประมาณเม็ดส้ม คือเม็ดไม่ใหญ่มากนะคะ ตกใจเล็กน้อย เลยลองคลำเต้านมทั้งสองข้าง ก็ไม่เจออะไรนอกจากเม็ดนั้นที่อยู่ด้านซ้าย รุ่งเช้าอีกวันนึงก็ไม่นิ่งนอนใจค่ะ แพรวไปหาหมอที่สาธารณสุขให้หมอคัดกรองว่าเราเป็นอะไรจำเป็นต้องส่งตัวไปโรงพยาบาลใหญ่อีกที เพื่อให้แพทย์เฉพาะทางรักษาอย่างถูกวิธี (ใช้สิทธิรักษาฟรี แอบงก) และแล้วหมอที่สาธารณสุขก็ออกใบส่งตัวหลังจากคลำเจอเม็ดที่ว่า (หมอท่านแรกไม่สามารถวินิจฉัยได้ค่ะ ว่าเป็นซีสต์หรือเนื้องอก เพราะไม่ใช่หมอเฉพาะทาง)
วันต่อมาเราไปที่โรงพยาบาลใหญ่ เช็คสิทธิอะไรเสร็จ ก็ไปนั่งรอพยาบาลเรียกวัดความดัน ชั่งน้ำหนัก แล้วก็นั่งรอหมอตรวจ พอถึงคิวเรา หมอถามว่ายังเจ็บหน้าอกมั้ย เราบอกว่ายังเจ็บอยู่ หมอเลยให้ไปนอนบนเตียง ถอดเสื้อออก หมอก็คลำๆดู แล้วบอกว่าเป็นซีสต์ ไม่มีอันตรายอะไร ลักษณะดี ไม่ใช่มะเร็ง แต่ก็นัดให้มาทำอัลตราซาวน์อีกทีค่ะ ยังไม่ฟังธง
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ไปทำอัลตราซาวน์กับหมออีกท่านหนึ่ง เช็คสิทธิก่อนเหมือนเดิมค่ะ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ให้ไปเปลี่ยนเสื้อ นั่งรอ พอถึงคิวเราเจ้าหน้าที่ก็ให้ถอดเสื้อออก นอนเอาแขนก่ายไปด้านบน ขั้นตอนนี้หมออัลตราซาวน์นานมากค่ะ ขนาดว่าเราออกกำลังกายบ่อยๆยังเป็นตะคริวเลย วันนี้หมอยังไม่วินิจฉัยเพราะต้องรอผลตรวจให้หมอเจ้าของเคสอ่านเองค่ะ สรุปวันนี้กลับบ้านไปก่อน (ระยะก่อนหน้าที่จะมา รพ. วันนี้ ก็มีอาการเจ็บเป็นระยะๆค่ะ แต่ไม่มากไม่บ่อยเท่าวันแรกๆที่รู้สึก)
วันอังคารที่ผ่านมา ฟังผล สรุป ไม่ใช่ซีสต์ค่ะ เป็นเนื้องอกบริเวณเต้านมทั้งสองข้าง ข้างละ 2 ก้อน รวมเป็น 4 ก้อนค่ะ เราก็ว่าแล้วเชียวว่าทำไมหลังๆถึงรู้สึกเจ็บพร้อมกันที่ทั้งสองข้าง ยิ่งช่วงมีประจำเดือนนี่เจ็บแบบนอนไม่หลับเลย สาเหตุที่เราเป็นเนื้องอกนั้นมาจากอาหารที่เรากิน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ได้จากนมวัว (เรากินนมอาทิตย์ละ 4 แกลลอน 2ลิตร/1แกลลอน) เนื้อสัตว์เร่งฮอร์โมนเช่น ไก่ วัว จังก์ฟู้ดทั้งหลายที่ผ่านกระบวนการการผลิตหลายๆขั้นตอน หมอบอกอีกว่าไม่ต้องตกใจ เพราะไม่ใช่ลักษณะของมะเร็ง จะไม่ผ่าออกก็ได้ เพียงแต่ต้องมาอัลตราซาวน์ทุกๆ 6 เดือน หรือ 1 ปี ทั้งนี้ทั้งนั้นหากก้อนเนื้อเจริญเติบโตเร็วผิดปกติต้องมาพบแพทย์อีก เพื่อทำการรักษาค่ะ และหลังจากนี้ไปให้งดอาหารที่ว่ามาข้างต้นด้วย
เมื่อวานตัดสินใจแล้วว่าจะผ่าออกค่ะ เพราะมันเจ็บตลอดเวลา รวมทั้งแรงยุจากคนในครอบครัวที่กังวลมากกว่าเราซะอีก ทั้งๆที่หมอบอกว่าไม่ใช่เนื้อร้าย
งานนี้ขอบอกไว้เลยว่า เรื่องพวกนี้ไม่ควรเหนียมอายนะคะ เราป่วยก็ต้องรักษา มีเพื่อนแพรวคนนึงเค้าก็คลำเจอ ก้อนใหญ่กว่าเราหลายเท่า แต่อ้างว่าไม่มีเวลาไปหาหมอบ้าง งานเยอะ รอทำประกันบ้าง ข้ออ้างพวกนี้มันเป็นเรื่องเล็กไปเลยถ้าเกิดว่ามันไม่ใช่เนื้องอกธรรมดาๆ พอรู้ตัวอีกทีก็ได้แต่โทษตัวเอง
ทิ้งท้ายไว้อีกหน่อย ตัวเราเองเป็นคนรูปร่างผอม น้ำหนักขึ้นยาก เลยออกกำลังกายและดื่มนมเป็นประจำ จริงๆแล้วคือกินนมแทนน้ำ ชีส ของหวานที่มีเนยเป็นส่วนประกอบคือของชอบ ด้วยเหตุนี้ค่ะ เราเลยเป็นเนื้องอก เพราะกินอยู่อย่างไม่พอดี จากความตั้งใจที่จะเพิ่มน้ำหนัก (แล้วก็สำเร็จ) แต่ได้ของแถมให้เจ็บตัว เราก็ต้องเปลี่ยนวิถีการกินจากเดิมให้ระมัดระวังมากขึ้น นอกจากนั้น ร้านอาหารข้างนอกบ้านก็ไม่ใช่จะสะอาดไปทุกร้าน บางร้านไม่มีจิตสำนึกต่อลูกค้า ทำของไม่ดี สกปรกให้ลูกค้ากิน เฮ่อ... ใครมีโอกาสกินข้าวที่บ้านบ่อยๆนั่นคือโชคดีนะคะ แต่บางคนก็ไม่มีเวลาพิถีพิถันเรื่องกินอยู่มากนักก็น่าเห็นใจอยู่
ปล. ถ้าสาวๆคนไหนไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นซีสต์หรือเนื้องอกแต่อยากตรวจให้สบายใจ แนะนำว่าให้ใช้สิทธิรักษาฟรีก่อนก็ได้ค่ะ หมอที่รักษา รพ.รัฐ ก็เป็นหมอที่เอกชนเหมือนกัน ต่างกันตรงที่เอกชนสะดวกสบายกว่า ไม่ต้องรอนาน แต่ราคาก็แพงกว่าอยู่แล้ว
สุดท้ายนี้ ขอบคุณที่อ่านเรื่องราวจากประสบการณ์ที่เราตั้งใจมาแชร์ค่ะ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ให้สาวๆไม่มากก็น้อยนะคะ :)
Discussion (16)
ขอบคุณนะคะที่แชร์ประสบการณ์ ^__^ จะได้ระวัง
เคยมีช่วงนึงเราก็ดื่มนมวัวเยอะ เพราะมีคุณยายที่รู้จักกันดื่มทุกวันแล้วแกสุขภาพแข็งแรง
เลยมาแนะนำ แต่ต้องเป็นแบบ no fat เราก็ดื่มได้พักนึง เลิก 55
ขออนุญาตแชร์บ้าง...
เราเองก็เคยเป็นซีสต์ในมดลูกค่ะ เราไม่รู้เลยนะว่าเราเป็น เพราะตอนปจด.มาก็ไม่เคยปวด
ยังเดินเหินปกติ จนวันนึงไปหาหมอไทย แกก็คลำๆดู บอกว่าเราเป็นซีสต์ในมดลูกนะ เราตกใจมาก
เขาบอกว่าไม่ต้องผ่าหรอก หมอไทยรักษาได้ กินสมุนไพร แต่ตอนนั้นเราขอไม่รับยาก่อน
เพราะส่วนตัวยังเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง (คือหมอคนนี้เก่งมา ตระกูลแกเป็นแพทย์หลวงมาตั้งแต่ ร.2
คนไข้ก็ไปหาเยอะนะ แต่ส่วนมาเป็นคนมีอายุหน่อย)
หลังจากนั้นเราเลยไปตรวจคลินิก ปรากฏว่าเป็นจริงๆ เราบอกทางคลินิกว่าขอกลับมาพิจารณาก่อน
ความจริงคือจะไปหาหมอไทยนั่นแหละ คิดว่าไหนๆก็ลองกินดูก่อนละกัน ไม่เสียหาย ไม่เจ็บตัว
ถ้าไม่หายค่อยผ่า เราก็เลยไปรับสมุนไพรมาทาน มีแบบทานกับชง เราก็ทานๆ กินๆไปครบโดส
แล้วเผอิญว่าติดทีสิสจบ เลยไม่ได้ไปหาทั้งหมอไทย หมอเทศ ไปหาอีกทีก็เร็วๆนี้ตอนที่ปจด.ไม่มา
ก็เลยให้หมอตรวจภายใน..ปรากฏไม่เป็นแล้วซีสต์ ซีสต์หาย มดลูกก็ปกติด้วย งงเลยค่ะ...
สาเหตุที่เราเป็นเพราะเมื่อก่อนตอนเข้ามหาลัยใหม่ๆ เราอยากอัพตัวเองบ้าง
เลยไปซื้อพวกฮอร์โมนอะไรมาทาน (อยากอึ๋มบ้าง ว่างั้น) กินๆๆๆไปหมด
ของไม่มีอย.ก็กิน ขอให้เขาบอกกินแล้วดี มีครึ่งนึงกิน ยาคุมจีน กินแล้วเมนส์ไม่มา
มาอีกที 2 อาทิตย์ติดกัน เนี่ยเราว่าเราเป็นซีสต์เพราะนี้แหละค่ะ เลยเลิกกินไปเลย
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณมากนะคะที่นำเอาประสบการณ์ของ จขกท มาเล่าสู่กันฟัง เราจะได้ระมัดระวังในเรื่องอาหารการกินให้มากขึ้นหน่อย เพราะเป็นคนที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนเหมือนกัน เลยกินของแบบนั้นประจำเลยค่า T T