จากที่เราเคยเรียนกันในตอนเด็กๆ ว่าการนอนหลับเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด นั่นเพราะการนอนหลับทำให้ร่างกายเราได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ แล้วการนอนจะช่วยให้เราผอมได้อย่างไร มาดูการทำงานของร่างกายขณะนอนหลับนะคะว่าจะช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร

ขณะนอนหลับ เมื่อเข้าสู่ภาวะหลับลึก ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมน้ำหนัก และฮอร์โมนกระตุ้นการเจริญเติบโต จากนั้นก็จะส่งสัญญาณให้สมองควบคุมความอยากอาหาร และเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน นั่นเองค่ะ

นอกจากนี้การนอนในช่วงเวลาที่เหมาะสมคือระหว่าง 4 ทุ่ม ถึงตี 2 ของวันรุ่งขึ้นจะช่วยให้ผิวเราฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน ทำให้คนที่เข้านอนตั้งแต่ 4 ทุ่มทุกวันก็จะหน้าใสปิ๊งทุกวันค่ะ

ลืมบอกไปค่ะ สิ่งที่สำคัญสำหรับการนอนเพื่อผิวสวยและผอมนั้นจะต้องนอนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงนะคะ ดังนั้นเราควรเข้านอนให้เป็นเวลา และไม่ควรนอนดึกนะคะ

2 . คุณนอนไม่หลับหรือเปล่า??

สาเหตุที่ 1 ความเครียด

ความเครียด ความกังวลต่างๆ ทำให้สมองเราฟุ้งซ่าน คิดไปต่างๆ นานาถึงเรื่องที่กำลังเครียดอยู่ ไม่สามารถหยุดคิดได้ ก็ทำให้หลับยาก สาเหตุนี้ หากเราสามารถแก้ไขได้ ความเครียดหมดไป เราก็สามารถนอนหลับเป็นปกติได้ค่ะ
สาเหตุที่ 2 โรคภัย

อาการผิดปกติเช่น ไอ หอบหืด ปัสสาวะบ่อย ปวดเมื่อยตามตัว ก็สามารถส่งผลให้เรานอนหลับไม่ดี ควรรักษาอาการต่างๆ ให้หายดีโดยเร็ว ก็จะสามารถนอนหลับได้เป็นปกติค่ะ

สาเหตุที่ 3 ผลข้างเคียงจากการใช้ยา

ยาพวกสเตียรอยด์ ยาเสริมฮอร์โมนไทรอยด์ ยาระงับความอยากอาหาร ยาลดความอ้วน ฯลฯ อาจส่งผลให้นอนไม่หลับได้ กรณีนี้ควรปรึกษาคุณหมอที่จ่ายยาให้นะคะ

สาเหตุที่ 4 การดำเนินชีวิตที่ไม่เหมาะสม

บางคนต้องทำงานตอนกลางคืน หรือเลิกงานดึก นอนไม่เป็นเวลา หามรุ่งหามค่ำ เที่ยวจนดึก เป็นต้นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับได้ นอกจากนี้ การคุยโทรศัพท์บนที่นอน การดูทีวี หรือใช้คอมพิวเตอร์ก่อนนอน ทานอาหารก่อนนอน ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับอีกเช่นกันค่ะ หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้ก็จะดีขึ้นตามลำดับค่ะ

== > ตัวช่วยให้นอนหลับง่าย <==

1. น้ำมันหอมระเหยก็เป็นตัวช่วยยอดนิยมที่มักจะใช้กันเป็นประจำในการช่วยผ่อนคลาย อารมณ์สงบ ซึ่งก้จะช่วยให้หลับสบายได้ด้วยค่ะ น้ำมันหอมระเหยที่ใช้ได้ดีได้แก่ กลิ่นลาเวนเดอร์ กานพลู คาโมมายล์ กุหลาบ และไม้จันทร์หอม สามารถนำน้ำมันหอมระเหยเหล่านี้มาจุดกับตะเกียงน้ำมันหอมระเหยก่อนนอน หรือจะผสมน้ำแช่อาบน้ำก็ได้ค่ะ หากแช่ตัวอาบน้ำควรใช้น้ำอุณหภูมิประมาณ 39-40 องศาและแช่ตัว 15-20 นาทีนะคะ

2. การนวดตัว นวดฝ่าเท้า ก็จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ กระตุ้นระบบประสาท และการไหลเวียนของโลหิตและจุดเชื่อมต่อของเลือดลมต่างๆ เป็นไปได้สะดวกมากขึ้น ทั้งยังช่วยผ่อนคลายอีกด้วยค่ะ

3. ฝึกโยคะเบาๆ เป็นการยืดกล้ามเนื้อ จะช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ ช่วยให้หลับสบายอีกด้วยค่ะ

4. อาหารที่ช่วยให้หลับง่าย ได้แก่ คาร์ดบไฮเดรต วิตามินบี 1 วิตามินบี 12 วิตามินซี โปรตีน สังกะสี แคลเซียม แมกนีเซียม สารอาหารต่างๆ เหล่านี้จะช่วยรัษาสมดุลของระบบประสาท ควบคุมอารมณ์ให้คงที่ บรรเทาความเหนื่อยล้า ซึ่งก็จะช่วยให้นอนหลับสบาย แต่ไม่ใช่ให้ทานอาหารเหล่านี้ก่อนนอนนะคะ อ้วนแย่เลย ให้ทานอาหารเหล่านี้ในชีวิตประจำวันปกติค่ะ เท่านี้ก็ช่วยได้แล้วค่ะ

5. ดื่มชาสมุนไพร เช่น ชากุหลาบ ชาลาเวนเดอร์ ชาลำใยชาพุทราจีน ชาเก๊กฮวยหอม ชากุหลาบ-มะลิ ชาลำใย-พุทราจีน เป็นต้น
 

 เทคนิคทำให้หลับสบาย ..

1.  ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนการเข้านอน เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับสารกระตุ้นทำให้นอนไม่หลับทั้งที่อยากจะนอนเหลือ เกิน

2. ปิดโทรศัพท์ก่อนเข้านอน ถึงเวลาพักผ่อนอย่างจริงจัง อย่าให้ใครโทรมารบกวนคุณในเวลาที่ใกล้จะหลับ มิฉะนั้นคุณอาจตาสว่างไปอีกหลายชั่วโมงกว่าจะข่มตาหลับได้

3. หากที่นอนเป็นแอ่ง อาจทำให้ปวดหลัง ปวดไหล่ นอนไม่สบาย ลองกลับด้านที่นอน เผื่อจะช่วยให้นอนสบายขึ้นได้

4. ให้ความสำคัญกับหมอนหนุน เลือกหมอนที่รู้สึกว่านอนแล้วรับกับลำคอของคุณมากที่สุด ไม่นุ่มและไม่แข็งจนเกินไป

5. อาจเปิดเพลงช้า ๆ ฟังสบาย ๆ เพื่อทำให้รู้สึกผ่อนคลาย อาจเป็นดนตรีบรรเลงเบา ๆ หรือฟังเพลงโปรดก็ได้

6. ก่อนนอนพยายามเปิดแสงไฟนวลตา หรือไฟสีเหลืองส้มจากโคมไฟจะทำให้ดวงตาปรับแสงได้ดี ประสาทตาทำงานน้อยลง หลังจากปิดไฟนอนจะหลับสบายมากขึ้น

7. ก่อนนอนใส่เสื้อผ้าสบาย ๆ เลือกใส่ชุดนอนที่เป็นผ้าเบา ๆ ไม่หนามากจนเกินไป เพื่อให้เหมาะกับอากาศ เและไม่ควรใส่ชุดชั้นในเวลานอน

8. ค่อย ๆ ล้มตัวลงนอน แล้วสูดหายใจเข้าออกยาว ๆ หลาย ๆ ครั้ง เมื่อเริ่มรู้สึกผ่อนคลายแล้วก็ค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้คุณผ่อนคลาย หลับสบาย และตื่นเช้าวันใหม่อย่างมีสุขภาพดีแล้วล่ะ

3. น้ำตาลเทียม ช่วยลดความอ้วนได้จริงหรือ??

คนที่กำลังลดความอ้วนมักจะต้องลดแป้งและน้ำตาล ดังนั้นเวลากินกาแฟก็มักจะใช้น้ำตาลเทียมแทน ทำให้ร่างกายไม่ได้รับน้ำตลเข้ามาเพิ่ม และคิดว่าจะช่วยให้ผอมลงได้ แต่คิดผิดค่ะ น้ำตาลเทียมไม่ได้ช่วยเราขนาดนั้นค่ะ

ร่ากายเราไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างสารให้ความหวานกับน้ำตาลได้ค่ะ ดังนั้นหากเรากินเยอะเกินไปก้สะสมเป็นไขมันได้เช่นกันค่ะ และที่ยิ่งไปกว่านั้นสารให้ความหวานทำปฏิกริรยากับสมองคือ เวลาเรารับรสชาติหวานเข้ามา สมองจะสั่งให้ร่างกายจะดึงเอาพลังงานจากน้ำตาลมาใช้ แต่เมื่อพบว่าไม่ใช่น้ำตาล สมองก็จะหยุดสั่ง เมื่อบ่อยๆ เข้า สมองก็จะเข้าใจว่าความหวานที่เข้ามาทุกชนิดเป็นสารให้ความหวานก็จะไม่ไปดึเอาผลาญน้ำตาลมาเป็นพลังงานอีก ทีนี้ไม่ว่าจะกินของหวานอะไร เช่น ขนมเค้ก ขนมหวาน ไอศกรีม ฯลฯ ก็จะสะสมเป็นไขมันไปโดยปริยายค่ะ น่ากลัวมั้ยละคะ เราควรปรับเปลี่ยนการทานอาหารของเราและใช้แต่น้ำตาลธรรมชาติจะดีที่สุดค่ะ

ของแถม ^___^  กับสาวๆที่ชอบทานขนมหวาน
** หวานแต่ไม่อ้วนกับ Polyols **

โพลีออลส์ เป็นสารให้ความหวานที่ปราศจากน้ำตาล ซึ่งให้ความหวานเช่นเดียวกับน้ำตาล แต่ให้พลังงานเพียงครึ่งหนึ่งของน้ำตาล  สารให้ความหวานในกลุ่มนี้ที่เป็นรู้จักกันดี และนิยมใช้ ได้แก่ ซอร์บิทอล (Sorbitol) แมนนิทอล (Mannitol) และไซลิทอล (Xylitol) เราจะพบสารพวกนี้ในอาหารจำพวก ไอศกรีม โยเกิร์ต หมากฝรั่ง และผลิตภัณฑ์เบเกอรี่  โดยที่จะสังเกตได้ว่าจะมีคำว่า Sugar Free โฆษณาอยู่ด้วย

เคยสงสัยไหมค่ะว่า ไม่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ แล้วมันจะหวานอร่อยได้อย่างไร หวานได้ก็เพราะสารให้ความหวานแทนน้ำตาลพวกนี้ละค่ะ แม้จะมีการออกมายืนยันว่าสารเหล่านี้ปลอดภัยต่อสุขภาพ แต่ก็มีคนจำนวนหนึ่งนะคะที่แพ้สารนี้ โดยจะมีอาการจุกเสียด แน่นท้อง แต่อาการเหล่านี้ก็จะค่อยๆหายไปเองค่ะ ดังนั้นเวลาทานของที่มีส่วนผสมของสารให้ความหวานแทนน้ำตาลเหล่านี้ เราทุกควรควรสังเกตว่ามีอาการเหล่านี้หรือไม่ ถ้ามีก็ควรลดปริมาณการบริโภคลงค่ะ