Howto:ห้องเรียนแต่งหน้าไปสัมภาษณ์ป็นแอร์JAL
Santarita L.1718สวัสดีค่า เพื่อนๆจีบันทุกคน ประกาศผลกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะสำหรับ ผลการคัดเลือกแอร์ของสายการบิน Japan Airline หรือ JAL ซึ่งอย่างที่เราเคยมาแอบเลียบเคียงถามสาวๆไว้ว่ามีใครมีวิธีแต่งหน้าสำหรับสัมภาษณ์สายการบินนี้บ้าง เพราะตอนนั้นเราต้องแต่งให้เพื่อนไปสัมภาษณ์ ต้องขอบคุณสำหรับคำแนะนำของเพื่อนๆด้วยจริงๆนะคะ ได้ไอเดียเยอะแยะเลย
เราได้เข้าไปดูในวีดีโอแนะนำสายการบินของทาง JAL รวมถึงหนัง Attention please ซึ่งเรามโนกันไปเองว่า สายการบินนี้ไม่น่าจะปากแดงตาเข้ม มันดูเน้นความสะอาดและเป็นธรรมชาติแบบญี่ปุ่น รวมทั้งเราโชคดีหน่อยว่า ถามเพื่อนๆกันไปมา ได้ข้อมูลจากเพื่อนที่สอบผ่านไปแล้วกำลังอบรมอยู่
สุดท้ายเราก็ได้ข้อสรุปกันออกมาว่า ไม่น่าจะไกลไปจากลักษณะนี้
จึงตกลงใจกันเองว่า ลองเสี่ยงดูละกัน แต่งมันแบบนี้ล่ะ!!!!
ผลออกมาคือ “ขอแสดงความดีใจกับเพื่อนมากๆๆๆๆ เลย ที่สอบสัมภาษณ์ผ่านมาได้อย่างสวยงามสมความตั้งใจ”
มันจึงบอกว่า ไหนๆแล้ว ก็ให้เราทำเป็นฮาวทูเอาไว้เพื่อมาแบ่งปันกับทุกคน และเผื่อเป็นแนวทางให้ใครที่อยากไปสมัครกับ JAL ในโอกาสต่อๆไปด้วยนะคะ
วันนี้จะเขียนเยอะนะคะ เพราะได้ทริกดีๆจากคนรอบตัวและจากการสำรวจมาเยอะแยะ อยากให้ทุกคนได้ลองอ่านดูด้วยค่ะ
หลักการของการแต่งหน้าสำหรับ JAL นั้น เน้นที่
- สีชมพูๆ ส้มๆ นู้ดๆ
- เน้นความเป็นธรรมชาติ ไม่แนะนำขนตาปลอมเลยจริงๆค่ะ หรือถ้าจำเป็น กรุณาหาแบบที่เป็นธรรมชาติที่สุด เพราะส่งผลถึงตอนที่ไปทำงานจริงๆ เคยได้ยินว่าบางที่ก็ไม่ยอมให้ใส่ขนตาปลอมโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อนด้วยล่ะ (เราฟังแล้วงงมาก มีคนเล่าให้ฟังมาอีกที จริงไม่จริงก็ไม่รุ แต่ไม่เสี่ยงดีกว่า)
- คิ้วเข้ม หนา เส้นตรง ไม่โก่งเป็นสัน
- หน้าขาวๆ ใสๆ มีออร่า
- ผมดำหรือน้ำตาลปานกลาง-เข้ม
- ถึงไม่เกี่ยวกะหน้า แต่ เล็บต้องทา!!!!และขอโทนนู้ด ที่ ไป ทาง อ่อน !!! ส้ม ชมพู เบจ เนื้อ มุก
เมื่อได้คีย์เวิร์ดแล้ว ก็มาลุยกันเลยค่ะ
เริ่มแรกเลย คุณต้องดูแลผิวให้นุ่ม ชุ่มชื้น ถ้าคุณมีผิวดีอยู่แล้ว เรายินดีด้วย แต่ถ้าคุณไม่ใช่ ตื่นเช้ามามาร์กหน้าสัก 15 นาที ให้ผิวได้รับการบำรุง จะทำให้ลงรองพื้นได้เนียน และติดผิวได้ดีเป็นพิเศษค่ะ สังเกตได้ว่า หลังบำรุงแล้ว ลองแตะผิวดู ถ้าผิวเย็น นั่นล่ะค่ะ ใช้ได้แล้ว
ก่อนอื่น เริ่มจาก เบส กันนะคะ ขั้นตอนนี้ สำ คัญ มากกกกกกกกกกกกกกกกก ที่จะป้องกันไม่ให้เครื่องหน้าของคุณพังก่อนจะถึงประตูตึก หลังจากฝ่าการจราจรในเมืองยามเช้ามานะคะ
วันนี้ใช้เบสซิลิโคนสีม่วงเพื่อให้ดูหน้าตาสดใส ไม่หมองคล้ำ ดูผิวอมชมพูเล็กๆ นะคะ ทิ้งไว้สักครึ่งนาทีให้เบสเซ็ทตัวค่ะ
แม่เราบอกว่า สมัยแม่ทำงานที่ตึกยูไนเต็ด ซึ่งเป็นสถานที่ฝึกสอนแอร์ของJAL นั้น แม่จำได้ว่า สาวๆทุกๆคนจะ หน้าใส ขาว เหมือนตุ๊กตาญี่ปุ่น เราจึงจำคำของแม่ มาใช้ให้เป็นประโยชน์ค่ะ จึงใช้รองพื้น ที่มีคุณสมบัติทำให้ผิวดูกระจ่างใส
และลงคอนซีลเลอร์ปกปิดจุดต่างดำและรอยคล้ำใต้ตาให้เรียบร้อยนะคะ
วันนั้นเพื่อนเรามีสิวปูดเม็ดใหญ่ขึ้นมาที่คาง ไม่เป็นไรค่ะ ใจเย็นๆ ใช้ครีมสีเขียวลงบางๆ ก่อน แล้วใช้คอนซีลเลอร์สีเดียวกับผิว ค่อยๆ ลง กดๆ เบาๆ ย้ำๆ จนสิวแลดูไม่สะดุดตาค่ะ
ต่อไปใช้ครีมบลัชโทนสีชมพู สำหรับคนผิวขาวชมพู หรือ ชมพูอมส้ม หรือส้มใสๆ สำหรับคนผิวโทนเหลืองนะคะ วันนี้เราใช้สีชมพูหวานๆลงค่ะ
เซ็ททั้งหมดซะด้วยแป้งฝุ่น
มาที่ตาค่ะ ดวงตา ต้องอ่อนโยน แต่มีพลัง ชัดเจน แต่ไม่ใช่เซ็กซี่เชิญชวน การจะสร้างความประทับใจในใบหน้า ใน3 วินาที สร้างได้จาก 1. รอยยิ้ม 2. ดวงตาที่เป็นประกายสุกใส
ใช้ 2 ลงทั่วเปลือกตา (สีเนื้อชิมเมอร์)
ลง 1 ตามจากกึ่งกลางตามาที่หางตา ลงสีไปตามแนวกระบอกตา (น้ำตาลชิมเมอร์)
ลง 4 ที่จุดเชื่อม ระหว่าง 1 และ 2 เพื่อลบจุดเชื่อมระหว่าง 2 สี ให้ดูกลมกลืนขึ้น (ชมพู)
เขียนอายไลเนอร์แบบดินสอหรือเจลสีน้ำตาล แล้วรีบใช้คอตตอนบัดหรือแปรงเล็กๆละเลงเส้นไลเนอร์ให้ฟุ้งๆขึ้นมาเหนือเส้นชั้นตา เน้นตรงบริเวณหางตาค่ะ
แล้วลงสีน้ำตาลเข้มที่ขอบตาล่าง เขียนเป็นเส้นบางๆ เข้ามา 1ใน3ของตาล่าง
เขียนอายไลเนอร์ชนิดน้ำสีน้ำตาลเข้มให้ชิดเส้นขอบตาบางๆ ปัดมาสคาร่าให้เรียบร้อย
ทำความสะอาด และเกลาเส้นขอบของสีที่ลงไป ด้วย สีเนื้ออ่อน สีเสื้อสีผิว ที่ โหนกคิ้ว และใต้ตา
****สำหรับคนตา 2 ชั้น****
ใช้ไลเนอร์ดินสอสีน้ำตาลนุ่มๆ เขียนขอบตาบน ไปตามรูปตาตรงๆ แล้วรับใช้พู่กันเล็กๆ ปลายพู่กันแน่นๆ ละเลงเส้นไลเนอร์ที่หางตา ให้ฟุ้งขึ้นมา เมื่อลืมตาแล้วให้เห็นเป็นลักษณะเงาสีน้ำตาลที่ฟุ้งออกจากหางตา จะสร้างเงาความนุ่มนวลให้แก่ดวงตา
กรีดอายไลเนอร์แบบน้ำสีน้ำตาลเข้ม เป็นเส้นบางๆ ให้ชิดขอบตาที่สุด ไม่ต้องตวัดแคทอายนะคะ แต่ให้กดเส้นลงที่หางตาลง นิด เดียว ทำให้ดูให้หางตาตกน้อยๆ ระวังไม่ให้ตาดูดุ แต่ยังคงความชัดเจน
***สำหรับคนตาชั้นเดียว****
ในกรณีชองคนตาชั้นเดียวนั้น เราต้องการเน้นรูปตาให้ดูชัดเจนขึ้น แต่ต้องไม่ให้ดูเซ็กซี่ จึงต้องพิถีพิถันในการเลือกใช้สีและลักษณะการเขียนเพิ่มขึ้นนิดนึงค่ะ (จริงๆเราชอบแต่ตาให้คนตาชั้นเดียวนะ รู้สึกคนตาชั้นเดียวโชคดี แต่งตาขึ้นมาแล้วสวยมากเลย แถมแต่งได้ลุคหลากหลาย น่าอิจฉา ><)
ใช้ไลเนอร์แบบดินสอสีน้ำตาลเขียนเป็นเส้นไกด์ไลน์ก่อนเลยค่ะ ถ้าลืมตาแล้วมองเห็นเส้นขอบตาเมื่อไหร่ ให้หยุด โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 5-6 มม. ใช้เส้นนั้นเป็นพื้นฐาน แล้ว กรีดไลเนอร์น้ำสีน้ำตาลทับเส้นไกด์ไลน์นั้น ที่หางตาให้โค้งรับกับรูปตาไป ไม่ต้องตวัดปลายเส้นขึ้นเช่นกันนะคะ เสร็จแล้วใช้แชโดว์สีน้ำตาลเข้มสุด ระบายเบาๆเพิ่มที่หางตา เหนือเส้นไลเนอร์ จะทำให้รูปตาดูสวยขึ้นอีก และมีมิติ
ที่สำคัญคือจะดูมีเบ้าตาขึ้นมา ทำให้หน้าดู “ไม่จืด” และ “ไม่แบน”
คิ้วๆ แฟนเพื่อนที่เป็นคนญี่ปุ่นบอกว่า คนญี่ปุ่นชอบคิ้วเข้ม แต่ดูเป็นธรรมชาติ คิ้วแนวตรง ทำให้ดูใบหน้าอ่อนโยน น่ารัก
ก็ซัดคิ้วตามนั้นเลยค่ะ ใช้สีน้ำตาลอ่อนว่าสีผมประมาณ 1-2 เฉด เขียนไปตามรูปคิ้ว พยายามให้ตรงที่สุดแต่ไม่ขัดกับรูปคิ้วธรรมชาติของเราจนเกินไปนะคะ เขียนให้หนาขึ้นมาหน่อย เราใช้ดินสอเขียนคิ้วเติมส่วนที่ขาดก่อน แล้วจึงระบายทับด้วยแบบแป้ง ทำให้คิ้วไม่ดูแข็งค่ะ
แก้ม เรามีเบสเป็นครีมบลัชไปแล้ว ปัดตามด้วยสีโทนเดียวกับครีมบลัชด้วยที่ปัดแก้มแบบฝุ่น (เราใช้สีชมพูหวานๆเช่นกัน) ปัดไปตามแนวตรง จับจุดจากหูลากเป็นเส้นตรง มาถึงกลางแก้ม มาตรงๆ เลย แล้วก้ปัดตามทางนั้น มันจะทำให้หน้าไม่ดู เฉี่ยวเหมือนเวลาปัดแนวเฉียง แต่มันจะสร้างความรู้สึกแบบ อ่อนโยน ดูเป็นผู้ยิ้งงงงง ผู้หญิง คาาาาาวาอิ๊ อีก
แบบนึง คือ ปัดแนวกลม แต่แนวกลม จะให้ความรู้สึกน่ารักเหมือนเด็กวัยรุ่นมากกว่า แล้วแต่ว่าเราอยากได้ น่ารัก แบบเด็กสาว หรือ น่ารัก แบบผู้หญิง ค่ะ
สีปากที่เหมาะ คือ สีระเรื่อแบบธรรมชาติ หรือสีชมพูอ่อนๆ หรือกลอสชมพูใสๆ ค่ะ ลองคิดดูว่า คุณทาสีไหนแล้ว มีความรู้สึกอยากยิ้มมมมมม ให้สวย โชว์สีลิปติก อยากพูดเพราะๆ ให้เข้ากับสีลิปสติกที่บรรจงทามา สีนั้นล่ะค่ะ ใช้สีนั้นเลย
วันนั้นที่แต่งให้เพื่อนใช้ MAC Shyshine ผสมกับ Revlon Colorburst สี rosy nude นะ
แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปลิปของเพื่อนมา เราเลยใช้สีที่เรามี คือ pink nuveau ผสมกับ ชมพูนู้ดของ candydoll แทน
สุดท้ายคือการ ใช้นิ้วนาง แตะสีน้ำตาลด้าน ลากกกกกกก เฉดดั้งขึ้นมา และใช้ไฮไลท์สีขาวมุก ปาดดดดดด สันจมูกซะ ก็เรียบร้อย
สุดท้ายลงแป้งผสมรองพื้นทับอีกรอบเป็นอันเสร็จ บางครั้งอย่าฝากความหวังห้องน้ำ ณ ที่สัมภาษณ์มากจนเกินไป อาจจะเจอเหตุการณ์ประชากรล้นห้องน้ำ หรือ หาห้องน้ำไม่เจอ ไปสาย ฯลฯ เตรียมให้พร้อมสรรพไว้แต่แรกจะดีที่สุด
นี่เป็น finished look ของเพื่อนเราค่ะ
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอยากใส่ไว้ให้อ่าน
ส่วนอื่นๆของร่างกาย
เค้าบอกว่า เวลาไปสมัคร JAL นั้น คนจะชอบใส่สูทแขนสั้น หรืออย่างมากก็ยาวถึงข้อศอก
เช่น ทรงแขนแบบนี้ (ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เนตค่ะ ให้ดูทรงแขนกะทรงเสื้อนะคะ)
ผม เก็บให้เรียบร้อย ซื้อที่เก็บผมสวยๆสักอัน หรือถ้าใครม้วนเก่งๆ ก็ม้วนเก็บซะให้เรียบร้อย เพื่อนเราซื้อที่เก็บผม ซี่งหน้าตาเป็นแบบนี้
ถุงน่องสีเนื้อ เผื่อใครขาเป็นลาย ใส่ได้ไม่มีใครว่า
กระโปรงความยาวประมาณเข่า ให้ดูสุภาพ
รองเท้าคัชชูมีส้นสัก 1-2 นิ้วกำลังดี อย่าสูงไปกว่านั้น เค้ามีการให้ลองเอื้อมหยิบของล่ะ เพื่อนเรา ซึ่งสูงประมาณ 165 บอกว่า มันยังต้องเอื้อมสุดแขน และเพื่อนอีกคนที่สูงประมาณ 170 ก็บอกว่ามันก็ต้อง เอื้อมเหมือนกัน (แล้วไหนบอก เกือบๆถึง 160 ก็สมัครได้ T^T)
กระเป๋าที่หิ้วไปก็สำคัญนะ เพื่อนเราบอกว่า สาวๆที่ไปสมัครส่วนใหญ่จะสะพายกระเป๋าใบเล็กๆ ให้ดู สีเรียบๆ หรู ดูดี กระเป๋าสีชมพูคิตตี้เก็บไว้บ้านก่อนนะคะ วันนั้นเพื่อนเราสะพาย Longchamp ไป ยังแอบกลับมาบ่นว่ากระเป๋าแอบใหญ่เทียบกะคนอื่น
ตอนสัมภาษณ์
รอบที่เพื่อนเราไป สัมภาษณ์วันเดียวจบเลย ได้ก็ได้ ไมได้ก็คือไม่ได้ กินเวลาทั้งหมดประมาณ 2 ชั่วโมง เข้าไปกรอกเอกสาร แล้วก็เค้าจะแบ่งเป็นห้องๆ เข้าไป
เพื่อนเราบอกว่า คำถามสัมภาษณ์แล้วแต่ดวงจริงๆ บางคนโดยถามเรื่องความรู้เกี่ยวกับสายการบิน แต่เพื่อนเราโดนแบบ ชอบกินอะไร? แต่ทีนี้มันแอบกระซิบว่า ประโยคท่เราพูดแนะนำตัวไปนั่นล่ะจะเป็นการปูทางคำถามต่อๆไปของเค้า เช่น เพื่อนเราไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นมา เค้าก็จะซักจากเรื่องนั้นแหละ
พอบ่ายก็จะสัมภาษณ์อีกรอบ กับคนญี่ปุ่น 2 คน ที่ดูมีอายุ น่าจะเป็นผู้ใหญ่ในบริษัท
“ภาษา” เป็นตัวช่วยได้ระดับนึงเลยค่ะ กลุ่มเพื่อนเราที่ไปสมัคร พูดญี่ปุ่นได้ ผู้ใหญ่เค้าก็จะสัมภาษณ์เป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งมันเชื่อว่าเป็นตัวช่วย เพราะทุกคนผ่านหมดเลย แต่ก็ไม่ใช่ว่าพูดญี่ปุ่นไม่ได้แล้วจะหมดหวังนะคะ เพราะทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
มีความรู้สึกว่า ตั้งแต่วินาทีที่ก้าวเข้าประตูห้องไปนั่นน่ะ ทางผู้สัมภาษณ์เหมือนจะเลือกได้เลยว่า จะให้ผ่าน หรือ ไม่ผ่าน ไปแล้วครึ่งนึงดูจาก
“หน้าตา บุคลิกท่าทาง การแต่งตัว”
ประกอบกับเมื่อถามแล้ว
"ตอบตรงประเด็น ตอบรู้เรื่อง" น่ะค่ะ
หลังจากนั้นก็รอผลอีกประมาณ 4-5 วัน แล้วก็ไปรายงานตัวตรวจสุขภาพ และรอผลอีกประมาณ 2สัปดาห์ ถ้าร่างกาย
แข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัว เกรดออกครบทุกวิชาไม่มีตัวไหนติดค้าง(สำหรับคนที่เพิ่งจบใหม่) ก็จะเข้าสู่ กระบวนการเริ่มการฝึกอบรมในขั้นตอนต่อๆไปค่ะ
จบแล้วค่า ปวดตากันรึยัง ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาอ่านกัน และหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับใครหลายๆคนได้จริงๆ ที่มีความใฝ่ฝันหรือตั้งใจอยากจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งชองสายการบิน Japan Airline นี้ หวังว่าใครที่อยากจะสมัครในรอบต่อๆไป เสิร์ชเข้ามาเจอกระทู้นี้แล้วจะได้ข้อมูลไปเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ
ตอนนี้พิมพ์จะเมื่อยมือมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ขอพักหน่อย
จนกว่าจะพบกันใหม่ ลาไปด้วยภาพของเพื่อนเราในชุดและหน้าตาวันที่ไปสัมภาษณ์ ค่ะ บ๊ายบายยยยยยยยยยยยย
Discussion (18)
คุณ Pete-til 155 ขึ้นไปค่ะ^^
สวยค่ะ เบาๆแต่ดูดี
ปล.แอร์สายการบินนี้จำกัดความสูงที่เท่าไหร่คะ
>3<