ขอนอกเรื่องหน่อย ไม่ถูกกับว่าที่แม่สามีทำไงดีคะ

คือเรากับแฟนกำลังจะแต่งงานกันเรากับแฟนคบกันมา 7 ปีค่ะ แล้วพ่อแม่เราก็เรียกสินสอดไป 2 แสน เรา่ว่ามันก็ไม่มากนะคะ พ่อกะแม่แฟนเค้าก็โอเคค่ะ แล้วพ่อแม่เราเรียกเพราะเห็นว่าเรา 2 คนแต่งงานแล้วจะไปอยู่ด้วยกัน คือไม่ได้แต่งไปอยู่บ้านแฟนอ้ะค่ะ ก็เลยอยากให้มีทุนติดตัวไปบ้าง แต่แม่แฟนต่อหน้าเค้าก็โอเคค่ะ แต่พอลับหลังเค้าก็ไปบ่นกะญาติค่ะว่าเรียกเยอะ ตอนเค้าแต่งไม่เรียกสักบาท อีกอย่างพ่อกะแม่แฟน 2 คนเงินเดือนรมกันก็เดือนละ 100,000 บาท ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรค่ะ เราเลยไปชี้แจงทั้งแม่แฟนและญาติว่า พ่อกะแม่เรียกสินสอดแต่จะยกให้เรากับแฟนเป็นทุนในการเริ่มต้นชีิวิตใหม่ เค้าก็ทำเหมือนเข้าใจแต่ลับหลังก็มาบ่นกะแฟนเราอีกอ้ะค่ะ โชคดีที่แฟนเราเข้าใจ เพราะแม่แฟนตอนแต่งงานไม่เรียกเพราะพ่อแฟนแต่งแล้วเข้ามาอยู่กะครอบครัวแม่แฟน (งงไหมคะ) ก็ไม่แปลกที่จะไม่เรียก แต่นี่คือเราแต่งออกแต่ไม่ได้แต่งออกไปอยู่กะพ่อแม่แฟน แต่แต่งแล้วออกไปอยู่บ้านใหม่อ้ะค่ะ เรานะอยากจะพูดมากเลยค่ะ่ว่ากะจะให้ออกไปเริ่มต้นที่ 0 ใช่ไหม ไปตายเอาดาบหน้าสินะ แต่ก็ยั้งๆอยู่ค่ะ

อีกเรื่องคือแม่แฟนเราเค้าทำไม่ดีกะแฟนเราคืือเค้าไม่ได้เลี้ยงแฟนเรามาแต่เล็กค่ะ และพ่อแม่แฟนเขาอยากมีลูกสาวเลยเอาเงินไปเลี้ยงลูกสาวคนอื่นหมดเลยค่ะ ให้เงินไปเที่ยวอเมริกา ซื้อไอโฟน โน้ตบุ้ค ไปกินข้าวร้านหรูๆทุกวัน พาไปเที่ยว ออกงานก็พาลูกสาวคนนั้นจนคนอื่นคิดว่าเป็นลูก แถมจะื้์ซื้อรถให้อีก แฟนเราก็น้อยใจเพราะไม่เคยได้อะไร เราก็น้อยใจค่ะนึกว่าเค้าจะรักเราแบบลูกสาว ก็เลยตกลงว่าจะย้ายออกดีกว่า และพอดีได้ที่ทำงานไกลบ้านด้วย เลยวางแผนจะย้าย แม่แฟนเราก็เอาไปพูดว่าเราพยายามทำให้แฟนกับพ่อแม่แฟนเราผิดใจกัน เพื่อที่แฟนเราจะได้ไม่มาเลี้ยงพ่อแม่ เจองี้งงเลยค่ะ

และแฟนเราบอกว่าแม่แฟนเราเป็นพวกที่จำแต่เรื่องแย่ๆของคนอื่น ทำดียังไงก็ไม่จำอ้ะค่ะ เราควรทำไงดีคะ ก็ยังดีที่เราได้แต่งออก เราพยายามทำดีกับเค้ามากนะคะ แต่เค้าก็พูดลับหลังว่าเราเฟคอ้ะค่ะ เราเลยเฉยๆเลยค่ะ แฟนเราก็โมโหแทนแต่เลือกที่จะไม่พูดอยู่เฉยๆดีกว่า แต่เราอัดอั้นมากค่ะ ทุกวันนี้ต่อหน้าเราเค้าก็พูดดีนะคะ แต่ลับหลังเนี่ยแต่งเรื่องไม่ดีทั้งนั้น

Discussion (10)

อธิบายคห.ที่ 9 นะคะ อันนี้ในความคิดของเราคืออย่างนี้ค่ะ

คือเราคิดว่าไม่ว่าจะแต่งแบบไหนก็ควรเรียกสินสอดบ้างใช่มั้ยค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูองค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งฐานะ หน้าที่การงานคู่บ่าวสาว พ่อแม่เจ้าบ่าวและเจ้าสาว เพื่อที่จะได้เรียกให้พอสมน้ำสมเนื้อ และเหมาะสมกับสถานะภาพ ถ้าทางเจ้าบ่าวไม่ค่อยมีเงินก็ไม่ควรเรียกเยอะจนหมดตัว หรือแม้แต่ทางเจ้าบ่าวรวยมากก็ไม่ควรถึงกับสูบเลือดสูบเนื้อ นอกจากนี้เราต้องดูสถานะหลังแต่งด้วย เช่นถ้าแต่งงานแล้วลูกสาวพาสามีย้ายมาอยู่ที่บ้าน หรือแต่งเข้าบ้านเจ้าสาว ก็เหมือนกับว่าลูกสาวก็ยังอยู่ด้วยกันไม่ได้ไปไหน แต่ถ้าลูกสาวแต่งออกไปอยู่บ้านสามีเนี่ย ก็คือเหมือยยกลูกสาวให้ไป นี่คือสาเหตุหลักของการเรียกสินสอด เพราะจากที่เราทราบสมัยก่อนเนี่ย ถ้าลูกสาวแต่งออกไปแล้ว อาจจะไม่ได้เจอพ่อแม่ตัวเองอีกเลย หรือนานๆจะเจอกันสักที ก็เลยต้องเรียกสินสอดเพื่อที่พ่อแม่จะได้ใช้เก็บไว้เลี้ยงดูตนเองประมาณนี้ อันนี้แฟนเราเล่ามาอีกที

งงว่า แต่งออก กับแต่งไม่ออก มันเกี่ยวกะค่าสินสอดด้วยหรอคะ

พ่อแฟนแต่งกับแม่ ไม่เรียกสักบาท เพราะพ่อแฟนมาอยู่บ้านแม่แฟน (เกี่ยวไรกันอ่ะ)

ตามจริงสินสอดคือเงินที่ให้พ่อแม่ฝ่ายหญิงค่ะ เป็นการตอบแทนที่เลี้ยงลูกสาวมา เราว่าเรียก 2 แสนไม่ได้มากอะไรเลยค่ะ ไม่ว่ายังไงก็ต้องให้ค่ะ แต่งฟรีๆได้ไง พ่อแม่เลี้ยงเรามาจนโต เลี้ยงอย่างดี เรามีสิทธิ์เรียกได้ค่ะ เว้นเสียแต่ว่าตกลงกันว่าไม่เอาสินสอดหรืออะไรทำนองนี้ ในความคิดของเราชีวิตเป็นของเราค่ะ เราเลือกได้ คิดเสียว่านินทาเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ขนาดพระพุทธเจ้ายังถูกนินทาเลยค่ะ นับประสาอะไรกับคนธรรมดาอย่างเรา อย่าไปคิดให้รกสมองค่ะ เขาอยากพูดก็พูดไป 

เราทำดีและมีความจริงใจต่อเค้าก็พอค่ะ ถึงแม้เค้าจะไม่มองเราแบบนั้น ก็ไม่ต้องเอามาใส่ใจหรอกนะคะ

อีกอย่างแต่งแล้วออกมาใช้ชีวิตเอง ไม่ต้องเจอแม่สามีทุกวัน แค่วันหยุดว่างๆก็ไปเยี่ยมเค้านานๆที

สามีคุณก็เข้าใจดี ไม่มีอะไรต้องกังวลเลยค่ะ

เก็บเงิน ช่วยกัน สิ ไม่อยากให้ ก็ไม่เอา เก็บเงินเองภูมิใจ แต่งงานก็ไม่มีหนี้ ไม่มีใครกล้า มาว่าได้ ว่าฝ่ายเจ้าสาว อยากได้เงินแต่งงาน ช่วยกันเก็บเล็กผสมน้อย ลบคำติ จากคุณแม่แฟนได้