ฉันจะไม่ยอมตายไปพร้อมกับคำว่า "อีอ้วน"
Pretty to Beefy3336
เสื้อตัวเดียวกัน ใส่ในระยะเวลาห่างกัน 6 เดือน
ขอเล่าความเป็นมาของตัวเองสักหน่อยค่ะ
เมื่อตอนช่วงต้นปี 2556 ที่ผ่านมานี้
ได้มองตัวเองอย่างพิจารณาด้วยความอนาถใจเป็นอย่างมากค่ะ
เพราะตัวเองได้แบกน้ำหนักตัวไว้มากถึง 102.8 kg.
แต่มีความสูงอยู่แค่ 155 cm. และอายุก็เข้าสู่วัย 30 ต้นๆ แล้วด้วย
คนอ้วนหลายคนคงรู้สึกได้ว่ามันแย่แค่ไหน
เวลาเจอสายตาคนอื่นมองมาที่ตัวเรา สายตาที่มันทำให้เรารู้สึกเหี่ยวใจน่ะค่ะ
เวลาที่เดินไปไหนมาไหน ตัวเราก็จะเหมือนโอ่งมีแขนมีขาเดินได้ยังไงยังงั้นเลยก็ว่าได้
ยิ่งมองเห็นสภาพตัวเองในกระจก ยิ่งอนาถกับสภาพตัวเองสุดๆ
เลยเกิดอารมณ์ฮึดอย่างตั้งใจเอาไว้ว่าปีนี้ "ฉันจะลดความอ้วน" ให้ได้
หลังจากไปเที่ยวช่วงปีใหม่มา ก็เริ่มลดน้ำหนัก
เริ่มจากการคุมอาหารที่กินเข้าไป ลดแป้ง ลดน้ำตาล ลดของทอดของมัน
แล้วหันมาเลือกกินอาหารประเภทโปรตีน(ที่ไม่มีมัน ไม่มีหนัง)
และก็เลือกกินอาหารที่เป็นไขมันประเภทดี กินผักเพิ่มมากขึ้น
และตรงนี้ ... ต้องบอกไว้ก่อนเลยค่ะว่าตัวเองได้กินอาหารครบทุกมื้อ "ไม่เคยอดอาหารเลย"
ก็ทำการคุมอาหารอยู่ 4 เดือนกว่าๆ น้ำหนักลดลงมาเหลือ 88.7 kg ค่ะ
แต่หลังจากนั้นก็ไม่ลดลงอีกเลย คงที่อยู่อย่างนั้นตลอด
และเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมก็ได้เริ่มไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสค่ะ
แต่สารภาพเลยค่ะว่าช่วงแรกๆ ที่เริ่มออกกำลังกายนั้น
ยังคงไม่สามารถมีความอดทนอะไรได้มากมายกับการออกกำลังกาย
นิดๆ หน่อยๆ ก็เหนื่อยหอบแล้วค่ะ เหมือนฝืนตัวเอง..ตัวไปแต่ใจไม่เอา
แต่ก็ยังคงพยายามสู้และออกกำลังต่อไปค่ะ
ทำทีละน้อยๆ ทีละเบาๆ แล้วค่อยๆ ปรับเพิ่มมากขึ้น
ออกกำลังกายแบบไม่หักโหมมาก
ด้วยเพราะน้ำหนักตัวที่เยอะมากเกิน ก็กลัวว่าจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ
หลังจากออกกำลังกายมาได้ร่วม 1 เดือน
น้ำหนักตัวลดลงไปเหลือ 81.3 kg (ชั่งวันที่ 7 มิถุนายน 2556)
และในวันนี้(8 มิถุนายน 2556)ตอน 10 โมงได้ชั่งน้ำหนัก ผลออกมาอยู่ที่ 81.0 kg ค่ะ
ตอนนี้ก็ให้คำมั่นกับตัวเองไว้ค่ะว่าจะพยายามต่อไป
เพื่อชีวิตและสุขภาพที่ดีขึ้นในอนาคตข้างหน้า
สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังให้กันและกันค่ะ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอมาบอกเล่าเรื่องราวเพิ่มเติมของตัวเองค่ะ
งั้นจะขอเรียกแทนตัวเองว่า "มด" นะคะ
ก่อนหน้านี้ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย(อายุ 20 ต้นๆ)
มดเองจะเป็นคนโครงร่างเล็ก กระดูกก็เล็ก ตัวเตี้ย น้ำหนักจะอยู่ประมาณ 44-47 kg.
อ่า.... ทีนี้อยากจะเห็นกันใช่มั้ย ว่าอีอ้วนในตอนนี้จะมีสภาพผอมเป็นอย่างไร
มดมีรูปตัวเองให้ดูค่ะ ซึ่งหายากมาก เพราะแต่ก่อนไม่ค่อยชอบถ่ายรูปเท่าไรเลย
อึ้ง!!!!!!!! งง!!!!!!!!!! แม่เจ้า.....พระเจ้าช่วยกล้วยทอด!!!!!!!!!!!!!!
นั่นคือความจริงค่ะ
แต่ต่อมาหลังจากนั้น ด้วยความที่ใช้ชีวิตเต็มที่มาก
กินเต็มที่ เที่ยวเต็มที่ สนุกเต็มที่ แฟนมีบ้างไม่มีบ้าง ก็ชิวๆค่ะ
คนที่บ้านก็จะมีเริ่มทักบ้างแล้วว่า "มดดูอ้วนขึ้นนะลูก มดอวบเกินไปไหมลูก"
แต่นังมดก็ไม่ได้ใส่ใจกับคำท้วงนั้นเลย ก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม
มดก็รู้ตัวแหละว่าตัวเองอ้วนขึ้นแล้ว แต่ตอนนั้นไม่สนใจอะไรจริงๆ
ชีวิตมีความสุข คนในครอบครัวไม่มีใครมากดดันหรือบังคับอะไรเลยสักอย่าง
และแล้ว 4 ปีผ่านไป
โอ๊ววววว ...... จากคนตัวเล็กๆ กลายเป็นดับเบิ้ลคูณสองร่างเข้าไปเลย
น้ำหนักทะยานพุ่งไปที่เกือบร้อยกิโล
แล้วน้ำหนักมันก็ขึ้นไปแตะหลักร้อยจนได้ ทีนี้ชีวิตเริ่มทรมานและลำบากแล้วล่ะ
เริ่มหาวิธีลดความอ้วนให้ตัวเอง วิธีแรกที่คิดได้คือ "อดอาหาร"
หลายคนคงเคยทำเหมือนมดแน่ๆ เพราะเชื่อว่าอดอาหารแล้วทำให้ผอมลงได้
หลากหลายสารพัดสูตรลดน้ำหนัก 3 วัน 5 วัน 7 วัน 10 วัน 15 วัน หรือ 1 เดือน
ขอบอกว่ามดลองมาหมดแล้วค่ะ (โคตรทรมานอิ๊อ๊ายเลย)
ทำแล้วเป็นยังไง ก็ใช่ค่ะมันผอมลง แต่ก็ได้ในจำนวนไม่ได้มากอะไร และลดลงได้ไม่นานด้วย
สุดท้ายโยโย่ค่ะ
ทีนี้พอน้ำหนักไม่ยอมลงต่อ ก็เริ่มหาวิธีใหม่ค่ะ วิธีต่อมาก็ "กินอาหารเสริม"
ที่เขาโฆษณาว่าช่วยลดน้ำหนัก มีพรีเซ็นเตอร์ก่อน-หลังให้เราได้เห็นว่าเขาเคยอ้วน
แล้วพอใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ เขาก็ผอมลง นังมดก็เอาสิคะ จัดไปชุดใหญ่ในราคาหลายพันบาท
แม่เจ้า!! กินมื้อแรก อ้วกพุ่งเลยค่ะ
เพราะมันเป็นโปรตีนเชคแบบผงที่เราต้องเอามาเขย่าให้เข้ากันกับน้ำเปล่า
แล้วอิตัวนี้มันมีกลิ่นนม ซึ่งมดเป็นคนที่ไม่กินนมทุกชนิดเพราะเหม็นกลิ่นคาวนมค่ะ
แต่ด้วยความเสียดายเงินที่จ่ายไปซะชุดใหญ่ ฝืนค่ะ ฝืนทนกินค่ะ
ทั้งโปรตีนเชค ทั้งเม็ดวิตามินหรือเม็ดยาอะไรต่างๆ
ทั้งผงชาที่ต้องชงกินแทนน้ำเปล่า เพราะเขาบอกว่ามันจะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญได้ดีขึ้น
ทนกล้ำกลืนฝืนกินไปร่วม 3 เดือน น้ำหนักลดลงค่ะ ทีนี้นังมดยิ้มออกเลยค่ะ ว้าว.. น้ำหนักฉันลดแล้วโว้ยยยยยย
แต่มันก็เข้าอีหร่อบเดิมคือมันก็ลดอยู่แค่นั้น แถมพอหยุดกินมันมีตีกลับมาอีก น้ำหนักขึ้นสิคะ โยโย่มาเลย
ทีนี้เครียดสิคะ ทำไมตรูอ้วนขึ้นอีกแล้ว
สรรหาวิธีใหม่ค่ะ และก็มาลงที่การ "กินยาลดความอ้วน" จากรพ.ชื่อดังแห่งหนึ่ง
กินไปช่วงแรกก็รู้สึกเลยค่ะว่าดีวุ้ย ฉันไม่รู้สึกหิว ไม่รู้สึกอยากกินเลย ชอบใจค่ะ
เพราะถ้าไม่กินเดี๋ยวเราจะผอมลงแน่ๆ และนังมดก็ผอมลงสมใจอยากค่ะ ผอมทันตาเห็นจริงๆ
แต่มันผอมแบบสารรูปไม่น่ามองเลยค่ะ ผิวหน้านี่หมองคล้ำ ผิวตัวก็แห้งหยาบกร้าน
แถมบางทีทำกิจกรรมอะไรในชีวิตมากๆ เกิดอาการโลกหมุนติ้วในหัวเลยค่ะ
ทุกคนคงทราบนะคะว่ายาลดความอ้วนส่งผลอะไรกับระบบประสาทในตัวเรา ใครที่เคยกินคงจะรู้ดีว่าเป็นอย่างไร
และมดก็หยุดกินยาลดความอ้วนค่ะ เพราะเริ่มทนไม่ไหวกับผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น
และก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติเหมือนเดิม น้ำหนักที่ลดลงไปได้ด้วยยาลดความอ้วนก็อยู่คงที่อยู่สักพักใหญ่ๆ
นังมดยิ้มสิคะ ดึวุ้ย ดีอีกแล้ว ในใจตีปีกพั่บๆๆๆๆๆๆ เลยค่ะว่าฉันผอมแล้ว ฉันผอมๆๆๆๆๆๆๆ
แต่แล้วความฝันดีนั้นมันก็สลายค่ะ อาการโยโย่มันเริ่มกลับมา
แล้วมันมาอย่างไวมาก ไวกว่าความเร็วของ 3G 4G ในไทยเยอะเลยค่ะ
น้ำหนักพุ่งเอาๆๆๆๆๆ เรียกว่าไขมันพุ่งแบบไม่เกรงใจนังมดเลย
แล้วทุกอย่างในชีวิตก็กลับเข้ามาสู่วังวนเดิมคือกลับมาเป็น "นังอ้วน"
มาถึงจุดนี้ ความฉลาดเหมือนจะเริ่มมาแล้ว
เพราะเริ่มรู้ตัวแล้วว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันคือสิ่งผิดทั้งหมด
สรรหาสารพัดทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้น้ำหนักลด "อยากผอมแต่มักง่าย"
อยากผอมแต่ไม่เคยใช้ความพยายามของตัวเองเลย
มีแต่ความอยากอย่างเดียว ชีวิตเลยต้องสังเวยไปซะ
เสียทั้งทรัพย์ทั้งสุขภาพร่างกาย
มดบอกได้เลยค่ะ
ว่าให้จำกรณีของมดไว้ได้เลยว่า "มดเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี"
ไม่ดูแลสุขภาพและใส่ใจกับการดูแลตัวเองเลย
พอเกิดอะไรขึ้นก็คิดแบบไม่มีสติและมักง่าย เอาเร็วเข้าว่า ไม่คิดไตร่ตรองด้วยเหตุผล
ทุกอย่างที่เราต้องการจะทำ ถ้ามีแต่ความอยากอย่างเดียว
แต่ไม่ลงมือปฏิบัติ ยังไงก็ไม่ประสบความสำเร็จค่ะ
ฝากเอาไว้นะคะ
การลดความอ้วน ลดน้ำหนัก
วิธีที่ดีที่สุดคือการรู้จักกินให้เป็นและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ถึงมันจะเห็นผลช้า แต่คุ้มค่ากับชีวิตมหาศาลเลยล่ะค่ะ
ทุกอย่างต้องใช้เวลาค่ะ
กว่าจะอ้วนมาได้ขนาดนี้ก็ใช้เวลาสะสมมานานนม
เพราะฉะนั้นกว่าที่จะผอมลงได้ มันก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน
มดเองก็ใช้เวลามาร่วม 6 เดือนกับการลดน้ำหนัก
จาก 102.8 kg. มาถึงวันนี้คือวันที่ 9 มิถุนายน 2556 น้ำหนักตัวมดอยู่ที่ 80 kg. ค่ะ
และมดก็จะทำต่อไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่การลดน้ำหนัก แต่เพื่อสุขภาพที่ดีมากขึ้นในอนาคตค่ะ
หาความรู้เรื่องโภชนาการและนำมาใช้กับการลดน้ำหนักของเรานะคะ
จำไว้ว่า "การควบคุมอาหารไม่ใช่การอดอาหาร"
ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าอะไรที่กินเข้าไปแล้วทำให้เราอ้วน อะไรที่กินไปแล้วมีประโยชน์
แต่เพราะความอร่อยถูกปากถูกลิ้น จึงทำให้เราเลือกกินอาหารเหล่านั้น มดเองก็เคยเป็นอย่างนั้ค่ะ
ช่วงแรกๆ มดบอกเลยค่ะว่ามันยากถึงยากที่สุด
แต่ถ้าใจเราพร้อมใจเราสู้ ทำได้แน่นอนค่ะ
ค่อยๆ ปรับตัวเอาค่ะ มีวินัยต่อตัวเอง ซื่อสัตย์ต่อตัวนะคะ
และก็มาในเรื่องของการออกกำลังกาย
พอบอกให้ออกกำลังกาย หลายคนถึงกับร้องเฮ้ออออออออ
มดเองก็เป็นค่ะ ยังไม่ทันจะได้ไปออกกำลังกายเลย
นังอ้วนมันก็กรีดร้องแล้วว่าฉันทำไม่ได้ ฉันไม่ไหวแน่ๆ ฉันตายแน่ๆ
โวยวายเป็นหมูบ้าเลยล่ะค่ะ แค่คิดมันก็เหนื่อยแล้วอ่ะ
ยอมรับเลยค่ะว่าช่วงแรกๆ ที่เริ่มไปออกกำลังกาย ความคิดในหัวมันแอนตี้ตลอด
เดี๋ยวก็เหนื่อย เดี๋ยวก็หอบ อะนั้นก็ไม่ไหว อะนี้ก็ไม่เอา อ่ะนู้นก็ไม่ชอบ
เรียกได้ว่า "ใจมันไม่ยอมไป" เลยล่ะค่ะ
ยิ่งช่วงสัปดาห์แรกๆ จะมีเอฟเฟ็กต์กับร่างกายเลยค่ะ
ทั้งปวดทั้งเมื่อยทั้งล้า กลับมานอนเนี่ย นอนปวดระบมไปหมดทั้งตัวเลยค่ะ
กลับมานอนคิดว่าเราพาตัวเองไปทรมานหรือเปล่าเนี่ย เราคงทำต่อไปไม่ได้แน่ๆ
แค่วันแรกชีวิตก็ระบมกลับบ้านมาเลย
เกือบจะกรี๊ดลั่นบ้านว่า "ฉันไม่เอาแล้ว ไม่ไปออกกำลังกายแล้ว" ด้วยซ้ำไปค่ะ
แต่ก็ยังมีความคิดที่แว่บเข้ามาในหัว เวลาที่เรามองคนอื่นที่อยู่ในฟิตเนส
คนอื่นเขายังออกกำลังกายกันได้ เขายังทำได้ แล้วทำไมอีอ้วนอย่างเราจะทำไม่ได้บ้างเลยเหรอ
ชีวิตตัวเองถ้าไม่ผลักดันตัวเอง
ไม่สร้างแรงจูงใจให้ตัวเอง
ไม่เชียร์ตัวเอง
แล้วใครหน้าไหนมันจะมาสงเคราะห์ให้เรา
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สู้ ต้องสู้เท่านั้น
อย่าคิดแต่ว่าอยากผอม อยากลดน้ำหนัก
คิดแล้วต้องลงมือปฏิบัติด้วยเลย
ถ้ามัวแต่แค่คิด ยังไงๆ น้ำหนักมันก็ไม่มีวันลดลง
อ่ะนี้ดูขำๆ นะคะ พอน้ำหนักตัวลดลง เกิดอาการเสื้อผ้าหลวมค่ะ
แต่ยังไม่อยากซื้อเสื้อผ้าใหม่ อยากจะรอให้ตัวเองลดน้ำหนักได้มากกว่านี้และแน่นอน ค่อยซื้อใหม่
ตอนนี้ก็เลยต้องพึ่งบริการหนังยางมัดถุงแกงมามัดเอาไว้อย่างในรูปค่ะ ใครเห็นก็ขำกันหมดค่ะ
Discussion (36)
คุณมดไฟท์ติ้งนะคะ เราก้จะตั้งใจออกกำลังกายเหมือนกัน มาสู้ไปด้วยกันนะ
สู้ๆ นะคะคุงมดและสาวๆท่านอื่นๆ ที่กำลังลดนน.ด้วยนะคะ กวางไม่ต้องลดนน. แต่ก็พยายามควบคุมนน.เหมือนกันค่ะ การออกกำลังกายนี่แหละดีที่สุดแล้ว ยังไง อย่าลืมออกกำลังกายกันด้วยนะคร๊าาา
เก่งมากค่ะคุณมด ตัวปุ๋ยเองปกติแล้วสูงแค่157 น้ำหนักประมาณ50-52 แต่เมื่อ3ปีก่อน ปุ๋ยท้อง แล้วน้ำหนักพุ่งเป็น70โล พอคลอดออกมาก น้ำหนักเหลือ60 เคลียดมากค่ะ มาดูรูปเก่าๆแล้วอยากกลับไปเป็นแบบเดิม วิธีที่ทำให้น้ำหนักลดปุ๋ยลองมาหมดเหมือนคุณมดเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ยาลดความอ้วน ผงบุก อดอาหาร ออกกำลังกายก็ออกนะคะ แต่พอหยุด น้ำหนักก็ขึ้นเหมือนเดิม ตอนนี้เลยหยุดพวกยาทั้งหลาย แล้วมากินผักผมไม้ ออกกำลังกาย แล้วอดอาหารหลัง6โมงเย็นค่ะ ตอนนี้จาก70 เหลือแค่52ค่ะ แต่ยังไม่พอใจ ก่ะจะลดให้ได้เลข4 มันยากและทรมานมาก ขอบอก แต่สู้ๆนะคะ
สู้ ๆ นะคะ นัทเป็นกำลังใจให้ นัทก็เคยน้ำหนักขึ้น 23 กก. จาก 49 > 72 เพราะเปลี่ยนงาน เปลี่ยนกิจวัตร จากคนทำงานขยับตัวเยอะ มานั่งใช้สมองเยอะ และไม่สบายใช้ยาหลายอย่างจนตัวบวมมาก ตอนนี้ ลงมา 8 กก. แล้วค่ะ ใช้เวลา 6 เดือน ไม่รีบเพราะเดี๋ยวผิวหดไม่ทัน มันจะเหี่ยวมาก ^^ ]ลดได้จากการเลือกกินอาหาร กินมื้อเล็ก แต่บ่อย ออกกำลังกายนิดหน่อย ค่อยเป็นค่อยไปค่ะ อยากลกอีกซัก 12 กก. ไม่ต้องถึงขั้นเท่าเดิมก็ได้ .. พยายามกันต่อไปคนะคะ :D
เก่งมากเลยค่ะ.... จะติดตามชมเพื่อเอามาใช้กะตัวเองค่ะ