!!!!???
น้ำตาสีดำเหมือนในการ์ตูนจริงๆนะ -_-"
ฉะนั้นเครื่องสำอางค์กันน้ำทั้งหลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับหน้าฝนอันโหดร้าย
โดยเฉพาะมาสคาร่าที่ต้องปัดใกล้ๆดวงตาซึ้งมันมีน้ำตาหล่ออยู่ตลอด
สมัยนี้แทบไม่เห็นมาสคาร่าตามท้องตลาดยี่ห้อไหนไม่กันน้ำแล้ว
ถ้ามีก็คงตลกดีเพราะเราจะกลายร่างได้

เป็นแพนด้าจ้า (T _ T)

มาสคาร่าแท่งโปรดสุดแสนนนที่จะรีวิวในวันนี้คือ

Majolica Majorca

Lash Enamel Glamour Volume On

และ

Majolica Majorca

Lash King Mascara

คิดว่าเป็น Must have Item ที่หลายท่านมีติดโต๊ะเครื่องแป้งกันบ้างแล้ว
เนื่องด้วยเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่ามันทั้ง หนา ยาว งอน เด้ง ทนน้ำทนเหงื่อ ในแท่งเดียว
ของเค้าแรงจริงๆ ปรายก็เป็นแฟนคลับมาจอริก้าตั้งแต่ยังไม่เอาเข้าไทย
เวลาใครไปญี่ปุ่นทีฝากซื้อกันเป็นโหล เอามาดองให้หมดอายุเล่น (เพื่อ?)

สองแท่งนี้แตกต่างกันหลายอย่างทีเดียวรุ่นอีนาเมลเค้าโม้ว่าเพิ่มความหนาแบบฝุดๆ
มีพร้อมหัวแปรงแบบหัวหวีที่เป็นเอกลักษณ์ของยี่ห้อนี้ เวลาปัดจะเก็บขนตาได้แบบเรียงเส้น
และสามารถปัดให้ขนตาจับเป็นช่อๆเหมือนตุ๊กตาได้ อีกด้านที่ซี่หวีห่างๆหน่อย
เอาไว้สำหรับปัดขนตาล่าง ซึ่งเราปัดไม่ได้เพราะไม่มีให้ปัด 555

ส่วนรุ่นแลชคิงหัวแปรงจะเหมือนมาสคาร่าทั่วๆไป ทางแบรนด์โม้ว่าเป็น King of Mascara
แบบแท่งนี้แท่งเดียวหนา ยาว งอน เรียงเส้นเป็นธรรมชาติ เว่อร์ฝุดๆ
แต่จากรูปก็สังเกตปริมาณเส้นไฟเบอร์ที่ติดออกมาเป็นเส้นๆแล้วก็น่าจะสมคำโฆษณา (มั้ง?)

อันนี้ขนตาดิบๆไม่ทำอะไรทั้งสิ้น
พื้นฐานเป็นคนขนตาสั้น บาง และดิ่งพสุธาได้อีก

อันนี้ปัดด้วย Lash King เริ่มจากขนตาเปล่าๆที่ดัดเอาไว้เฉยๆทางด้านซ้าย --> ปัดหนึ่งครั้ง --> สองครั้ง
ผลการปัดคือขนตาเรียงเส้นกระจายตัวเป็นธรรมชาติ ขนตายาวและหนาขึ้น
เนื้อมาสคาร่าช่วยยกขนตาปัดแล้วดูโค้งงอนมากขึ้น แต่พอปัดหลายๆรอบ
ขนตาบางเส้นมันจะมีปลายสองแฉก เป็นผลมาจากเส้นไฟเบอร์อันยุบยั่บ (@ _ @)
แต่สามารถใช้แปรงปัดๆออกได้ไม่เป็นปัญหาอะไร
แต่เนื่องด้วยแปรงมันใหญ่ๆฟูๆ ทำให้เก็บขนตาสั้นๆช่วงหัวตาไม่ค่อยได้

อันนี้ปัดด้วย Enamel Glamour เริ่มจากขนตาเปล่าๆที่ดัดเอาไว้เฉยๆทางด้านซ้าย --> ปัดหนึ่งครั้ง --> สองครั้ง
เนื่องด้วยขนตาข้างนี้มันยุ่งๆและไม่ค่อยเรียงเส้นเท่าไหร่ ปัดแล้วจะยุ่งๆหน่อย 555
รุ่นนี้ไม่ค่อยเพิ่มความยาวเท่าไหร่ปัดแล้วช่วยทำให้ขนตาดูหนาแบบไม่เป็นก้อน
แต่เนื่องด้วยหัวแปรงเป็นซี่หวีหากคนไม่ถนัดปัดอาจทำให้ขนตามารวมกันเป็นช่อๆได้
แต่ถ้าปัดซ้ำๆหลายๆรอบก็อาจจะเลอะๆเป็นก้อนได้เพราะเนื้อมาสคาร่ามันเยอะเกิน
รุ่นนี้ปัดแล้วจะเป็นเนื้อเงาๆขนตาจะดูแข็งๆกว่ารุ่นคิง เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ลุคแบบตุ๊กตาๆ

ฉันใดก็ฉันนั้นมาทดสอบความอึดถึกโดยการไปล้างหน้าหนึ่งรอบ ฝั่งซ้ายคือรุ่น Enamel ฝั่งขวารุ่น King
สภาพหลังการสาดน้ำอย่างสนุกสนาน 

เย้ ๆ ๆ
ผลออกมาคือรุ่นคิงขนตาตกนิดหน่อย ส่วนอีนาเมลก่อนสาดสภาพไหนหลังสาดก็สภาพนั้น
เพราะเนื้อมาสคาร่ามันค่อนข้างแข็งๆกว่ารุ่น King แต่ทั้งสองรุ่นไม่เลอะ ไม่ละลายไปกับสายน้ำเลย

ส่วนอันนี้มาดูว่าพอใช้งานจริงจะเป็นอย่างไรรรร 

ผ่านไป 6 ชม.กับการทดสอบมาสคาร่าทั้งสองตัวบนหนังตามันๆของหนู
ผลปรากฎว่าสภาพขนตายังเด้งเหมือนหลังจากโดนสาดน้ำ ไม่ตกเลย
แต่เนื่องด้วยหนังตามันเฟร่อ ใต้ตาล่างมีมาสคาร่าเปื้อนเล็กน้อย
อยู่ในระดับที่ถ้าไม่ได้โดนลากมาจ้องตาก็ไม่สังเกตเห็น แบบในภาพเลยค่ะ

สรุปรวมๆ มาจอริก้าทั้งสองแท่งนี้คุ้มค่าคุ้มราคามาก
ราคาปกติคือ 480 บาทแต่ช่วงนี้เซลล์บ่อยมากกกกก
รุ่นคิงปรายซื้อมา 380 บาท ส่วนอีนาเมล 280 บาทตอนงานเซลล์
กันน้ำได้ดีมากๆ ๆ ๆ ๆ แต่ถ้าเป็นคนตาหนังตามันๆ อาจจะมีเลอะบ้างหากเวลาผ่านไปนานๆ
โดยรวมรุ่นคิงเหมาะสำหรับคนที่อยากมีขนตาที่ดูเป็นธรรมชาติๆ หนา ยาว เรียงเส้น
ส่วนอีนาเมลจะได้ลุคที่ดูตุ๊กตา(เสียกบาล) ขนตาที่ได้จะเงา ๆ แข็ง ๆ ถึกทนทั้งวันคอนเฟิร์ม
แต่ทั้งสองแท่งมันจะกลิ่นแรงๆเป็นเอกลักษณ์ของยี่ห้อนี้ กี่รุ่นก็มีอีกลิ่นแบบนี้แหละ
ข้อเสียที่หลายๆคนไม่ชอบคือมันล้างยาก แต่เราไม่มีปัญหาเพราะปกติเวลาล้าง
เราก็โปะอายรีมูปเวอร์ไว้สักพักให้เครื่องสำอางค์ละลายแล้วเช็ดทีเดียว ไม่เหลือคราบ
ส่วนตัวคิดว่ารุ่นคิงล้างออกง่ายกว่ารุ่นอีนาเมลนะ