ครั้งแรกกับ "มาเลเซีย" ถ้าไม่ไป ก็คงไม่รู้

มาเลๆ มาเลๆ ฉันอยากไปหาเธอที่  มาเลเซีย   ... 

พูดถึงประเทศมาเลเซีย แล้วนึกถึงอะไรกันบ้าง ส่วนตัวฉันเองคงต้องบอกว่านึกถึง "ตึกแฝด" เป็นอย่างแรกและอย่างเดียวที่บอกได้(จริงๆ) แต่แล้วฉันก็มีโอกาสได้ไปดูงานที่มาเลเซียจึงทำให้ฉันได้รู้ว่า "มาเลเซีย" มีอะไรอีกมากที่ฉันยังไม่รู้จักเลย

 

 
เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ฉันมีโอกาสได้เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ ประเทศมาเลเซีย  แต่ทริปนี้ก็น่าจะต้องถือว่าเป็นทริปเที่ยวซะมากกว่า แน่นอนเพราะถ้าดูงานอย่างเดียว ฉันไม่มาหรอก ... และเพราะเที่ยวเยอะกว่าดูงานนี่แหละ จึงทำให้ฉันมองมาเลเซียเปลี่ยนไป

ว้ายยยอะไรยังไง !!! เริ่มต้นเดินทางกันเลยดีกว่า


เรา(หมายถึงตัวฉันและคณะผู้ติดตาม) เดินทางไปประเทศมาเลเซียโดยสายการบิน Malaysia Airlines ขึ้นเครื่องกันที่สนามบินสุวรรณภูมิตอน 6 โมงเช้า....รีบจ้ารีบบบบ  (แดดสีสวยเชียว) ใช้เวลาบินประมาณ 2 โมงพอดิบพอดี ก็มาถึงแล้วจ้า แผ่นดินมาเลเซีย ที่สนามบิน KLIA (Kular Lumpur International Airport) สนามบินที่นี่แลดูเล็กไปทันตา เมื่อเทียบกับสุวรรณภูมิอันโอ่อ่าสุดลูกหูลูกตาที่ฉันเพิ่งจากมา ว้าววววว
 


มาถึงแล้วช้าอยู่ทำไมคะ...ออกเดินทางสู่ "เมืองใหม่ Putra Jaya" ทันทีโดยรถโค้ช เพราะเรามากับทัวร์(ค่ะ) หมดปัญหาเรื่องการเดินทางไปที่ไหนๆ (แต่ก็มีปัญหากวนใจตามมาทีหลัง 555)

เราก็แวะกันไปตามเรื่องตามราวของทัวร์ ที่ไหนนางบอกสวยโอเค!! พวกฉันก็เฮฮากันลงไปถ่ายรูป(ทัวร์ฝุดๆ) มา Putra Jaya แน่นอนจ้า 3 จุดที่ต้องแวะเก็บภาพ 

 
สะพาน - มัสยิดสีชมพู - ทำเนียบรัฐบาล
 
ถ้าหากว่ายืนที่สะพานนี้ จะทำให้เห็นวิวมัสยิดสีชมพูได้สวยที่สุด (ไกด์กล่าว) และทะเลสาบที่เราเห็นเนี่ยก็เป็นทะเลสาบที่ถูกขุดขึ้นเองนะคะ ทำไปเพื่อให้เมืองสวยงามตามความต้องการของผู้นำมาเลเซีย อารมณ์เมืองในฝัน ประมาณนั้น เลิศศศ ยิ่งกว่า The Sim ค่าาา



สวยอย่างเขาบอกป่ะละ มัสยิดสีชมพูกับวิวทะเลสาบ
 


มัสยิดสีชมพูแบบใกล้เข้ามาอีกนิด ซู้ม ซูมมม ไม่ว่าจะใกล้จะไกลก็แลดูสวยงามนะคะ แต่ด้วยความขี้เกียจเดินของฉันบวกกับอากาศที่ร้อนเกินจะทน ฉันขอชมความงามของมัสยิดสีชมพูเพียงด้านนอกเท่านี้จะดีกว่าาา 555
 

และที่อยู่ใกล้กันจนเกือบจะคู่กันก็คือ "ทำเนียบรัฐบาล" นั่นเองค่ะอันนี้ชอบมาก แต่ก็อยู่ไกลมากเช่นกัน สวยๆอย่างเราคงไม่เดินฝ่าแดดอันร้อนแรงเกือบ 40 องศาไปหรอกนะ มองจากจุดนี้ก็สวยเหมือนกัน ฮ่าาๆๆ 
 
อีกซักภาพนะคะ อันนี้เป็นด้านหลังของทำเนียบรัฐบาล ถ่ายจากร้านอาหารที่ไปกินข้าวกลางวัน สวยอ่ะ ชอบบบ
(แอบเม้าส์นะ) ว่าน้ำในทะเลสาบเนี่ยมองเผินๆ เหมือนสะอาดนะ แต่เปล่าหรอก ฉันเห็นปลาตายลอยอยู่ ตามนั้นแอบเน่าอยู่เหมือนกัน ฮ่าๆ
 
โดยรวมๆ แล้วเมืองใหม่ Putra Jaya เป็นเมืองใหญ่ แต่คนอยู่น้อยเมื่อเทียบกับขนาดเมืองและสิ่งก่อสร้างต่างๆ (อันโอ่อ่า) เพราะเมืองนี้มีคนอาศัยอยู่แค่ 150,000 คนเท่านั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นข้าราชการเกือบทั้งหมด ทำให้เมืองแลดูเป็นเมืองเงียบๆ เหงาๆ (อาจเป็นเพราะเราไปวันทำงานด้วยแหละ) 
 
อันที่จริงมันไม่ได้เงียบธรรมดานะ "มันเงียบม้ากกกกกกกกกกกกกกก"
สภาพบ้านเมืองเขาก็แลดูทันสมัยอยู่ แต่ก็เงียบไป บายยยย ... 


อาหารเย็นค่ะ เป็นร้านอาหารจีน ภาพดูไม่ค่อยน่าอร่อยนะ แต่มันก็อร่อยดีค่ะ บักกุ๊ดเต๋ ก็โอเคนะ


และแล้วกว่าจะเสร็จเรื่องเสร็จราว ก็เข้าสู่เมืองหลวงกรุงกัวลาลัมเปอร์ และกว่าจะเข้าโรงแรมเช็คอินได้ก็ปาเข้าไป 2 ทุ่มแล้ว โอ้แม่เจ้า ที่นอนคืนนี้ค่ะ Ibis Style Hotel KL ห้องพักโอเค แต่ก็แอบเล็กไปหน่อย แต่ไม่เป็นไรใช้นอนอย่างเดียว

อ้อ !! ห้องน้ำล็อกไม่ได้นะจ๊ะ ^ ^ แต่ดีตรงที่เดินทางสะดวกสบายใกล้รถไฟฟ้า ดีตรงนี้จริงๆ อาหารเช้าก็อย่าถามหาความอร่อยนะ 555

 

พอเข้าห้องได้ปุ๊ป วางของแล้วล้างหน้านิดหน่อย รีบออกไป  Bukit Bintung  ทันที จากที่ได้ยินผ่านหูมานิดหน่อย ไร้ซึ่งการศึกษาข้อมูลการท่องเที่ยวใดๆ ว่าเราต้องไปเดินเที่ยวที่นี่ จากการเดินไปถามรีเซฟชั่น พร้อมได้รับแผนที่มา 1 ใบใหญ่ ได้ความว่า...เราต้องนั่งรถไฟฟ้าไป เลยเดินไปกดซื้อตั๋วที่ตู้ขายตั๋วไปยังสถานี บูกิต บินตัง หยอดไป 1.70 ริงกิต หรือประมาณ 17 บาทไทย (ค่ารถถูกมากเริ่มต้น 1.5 ริงกิต 2 สถานีต่อไปเพิ่มเป็น 1.7 ริงกิต เท่ากับว่า สถานีละ 0.1 ริงกิต หรือ 1 บาทเท่านั้น !!!!) กดไปก็ยังงง เป็นคนหลงแผนที่ง่าย(ไม่ได้โง่นะ) แต่ก็กระท่อนกระแท่นถามทางเขาไปได้ คนที่นี้ใจดี และพูดภาษาอังกฤษได้ทุกคน (แต่ฟังยากมาก) และแน่นอนถึงจะถามยังไง ดูแผนที่ยังไง สุดท้ายฉันก็หลงทาง ฮาาา 
 
 
สาระมา >>> รถไฟฟ้าที่นี้มีสามแบบ คือ ใต้ดิน บนดิน และ ลอยฟ้า(แบบ BTS)
ทุกอย่างเชื่อมกันหมด ซื้อตั๋วครั้งเดียวจบ!! 
โปรดลืมภาพ !! มักกะสัน-เพชรบุรี ของเราไป 555
แต่สภาพรถ เราดีกว่าเขานะ #นี่พูดเลย โดยเฉพาะรถลอยฟ้าของเขา หรือ KL Monorail ขบวนนึงมี 3 ตู้แค่นั้น
นึกสภาพตอนเช้า คนทำงาน โอ้วววแม่เจ้า
 
มัสยิดที่เดินผ่านในช่วงเปลี่ยนขบวนรถ สวยดีนะคะ
 
 Bukit Bintung  ก็เป็นเหมือนสยามบ้านเรานี้แหละ แต่แลดูใหญ่กว่า ที่สำคัญร้าน Hangout เยอะมากค่ะ สำหรับผู้ชื่นชอบ Shisha ก็ต้องไม่พลาดที่จะมาย่านนี้ ;) เพราะฉันเองก็เคลิบเคลิ้มอยู่เหมือนกัน ส่วนร้านขายของแบรนด์ต่างๆ ราคาเท่าไทยเป๊ะ !! ไม่ต้องหวังจะมาซื้อที่นี่เนอะ 555 จะมีบางอย่างที่ถูกกว่าแต่ก็ไม่มาก มี Sephora ด้วยนะ(ยังสงสัยอยู่ทุกวัน ว่าทำไมที่ไทยถึงไม่มี) คนแน่นคนเต็มตลอดเวลาจ้าสำหรับร้านนี้ (คนไทยทั้งนั้น 555)
 
ตอนเราไปถึงมัวหลงมัวอะไรอยู่ 3 ทุ่มกว่าล่ะบางร้านก็เริ่มปิดแล้ว ก็เลยพลาดไปหลายร้าน T^T ชีวิตเศร้านะ
จบคืนนี้ด้วยการไม่ได้ซื้ออะไรเลย
 
เดินเล่น hangout อะไรนิดหน่อยก็ต้องกลับโรงแรมล่ะ รถไฟฟ้าหมดตอนเที่ยงคืน แต่ขากลับแอบแวะไปชมตึกแฝดตอนกลางคืนนิสสสสนุง
 
ตึกแฝดแบบเห็นข้างเดียวก็เก๋ไปอีกแบบนึงนะ (แต่ทำไมฉันไม่เดินไปอีกนิดให้มันเห็น 2 ข้าง = =') 
เห็นตึกแฝดละนอนหลับฝันดี zZZzZZ


 
วันนี้เราตื่นแต่เช้าและออกไปดูงานที่ UTP จนเที่ยง (คือมาดูงาน+เที่ยว แต่เที่ยวเยอะกว่าดูงาน ทริปฟรี โอเค้) 

ห้องสมุดสุดอลังการของเขาค่ะ UTP (Universiti Teknologi Petronas) สวยชอบเว่อร์ แต่เขาบอกว่าเข้าไปข้างใน ห้ามหลับ ห้ามคุย ห้ามกินขนม แม้แต่ลูกอมก็ห้าม เด็กส่วนใหญ่เลยเลือกที่จะยืมกลับไปอ่านที่ห้องมากกว่า ว้าว !

 
หลังจากนั้นเริ่มเดินทางต่อสู่ Cameron High Land ดินแดนแห่งความหนาว(เว่อร์ป่ะ 555) ทัวร์ก็พาดูพาแวะชมต้นไม้ดอกไม้เมืองหนาวพวก สตรอเบอรี่ ดอกลาเวนเดอร์ อะไรพวกนี้ก็ดูไปตามใจนาง ...
 
ดูไปดูมาสวยดีเหมือนกันนะ สตรอเบอรี่ที่สวนนี้ถ้าหากต้องการเก็บเองก็ได้ ราคาก็ไม่แพง 2 ขีด 10 ริงกิตค่ะ
 
 

ถึงเวลาอาหารเย็น มื้อนี้เป็นสุกกี้ร้อนๆ กินในที่อากาศหนาวๆ ประมาณ 15-18 องศา 
ฟินสุดๆ กับน้ำสุกี้แบบต้มยำ อารมณ์ประมาณมาม่าต้มยำกุ้งบ้านเรา ฮ่าๆๆ ... ตกลงดีหรือไม่ดีเนี่ย 555

กินเสร็จก็ได้เวลามาเดินเที่ยวตลาดของเมืองคาเมรอนกันก่อน แล้วค่อยเข้าโรงแรมที่พักจ้า ขายของเหมือนกันกับตลาดไทยเกือบทุกอย่าง แต่ราคาพวกของกินอะไรแบบนี้ก็จะแพงกว่าไทยนิดหน่อย ข้าวก็กล่องนึง 4-5 ริงกิต 50 บาทเลยทีเดียว ><"
 
ดีกว่าบ้านเราหน่อย ที่เดินแล้วหน้าวหนาววว ~ ~
 
เดินตลาดเสร็จก็เข้าโรงแรมที่พักคืนนี้ที่โรงแรม Century Pines Cameron Hotel ชอบห้องพักที่นี้ ห้องกว้างมากกแต่ก็ถ่ายรูปมาน้อยมาก :( (คือเมมโดนไวรัสภาพเสียไปส่วนนึง)
 

 
เช็คอินเรียบร้อยก็ถึงเวลาออกมาเดินสำรวจเมืองเค้าซะหน่อยยยยย เป็นเมืองเงียบๆ คนส่วนใหญ่ที่เจอมีแต่นักท่องเที่ยว ด้วยอากาศที่เย็นๆ หนาวๆ จึงทำให้เมืองนี้เป็นเมืองที่มีเสน่ห์อย่างมากเลยค่ะ (ชอบมาก อยากไปอีก)
 
ด้วยอากาศที่ดีขนาดนี้เราเลยไม่พลาดที่จะหาร้านนั่ง Hangout กันเบาๆ จ้าา ร้านที่เราเลือกชื่อร้าน " Travellers Bistro & Pub "เพลงสบายๆ คนไม่แน่นร้านจนเกินไปส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง ก็นั่งจิบเบียร์กันไปสวยๆ เบาๆ ชอบบรรยากาศแบบนี้จริงๆ (แอบแพงอยู่นะเบียร์ 1 ทาวเวอร์ 850 บาทไทย วู้ววว 3 ทาวเวอร์ ตัวเบา รู้เรื่อง !! กลับ 5555)
 
เช้าวันต่อมาโปรแกรมคือไปชม&ชิมชา ที่ไร่ชาคาเมรอนมีแต่ต้นชามองไปทางไหนก็มีแต่ชาค่ะ ณ จุดนี้ 
(แอบคิดว่าบ้านเราสวยกว่านะ)

 
แต่แล้วก็มีเรื่องน่าช้ำใจเกิดขึ้นกับฉัน คาดว่ามันต้องอร่อยและได้บรรยากาศการ "นั่งจิบชาชมไร่ชา" ยอมซื้อชาแสนแพงต้นตำรับ ชามิ้นต์แก้วละ 7 ริงกิต (หรือ 70 บาทไทย ) ภาพนี้คือกินเสร็จแล้วนะ 2 จิบรู้เรื่อง !! สวยๆ พอ ขึ้นรถ (มันแหลกไม่ล่ายยจีๆ หรือฉันเข้าไม่ถึงอารมณ์ชา ณ จุดนี้อีกเช่นกัน =_=')
 

 
เป็นอันว่าจากลา คาเมรอนกันด้วยดีที่ชามิ้น ไปดูงานต่ออีกที่นึงแล้วก็กลับไปนอน KL ต่ออีก 1 คืนจ้าก่อนเข้าโรงแรม ทัวร์ของเรา(นางก็ยังไม่จบ !!) ก็พาไปชม City Hall ไปดูตึกแฝด (ตอนกลางวัน= =') อะไรจำพวกนั้นที่อยู่ในเมือง แต่ฉันว่ากลางคืนสวยกว่าเยอะ  คอนเฟิร์ม !!!!! 
แต่ยังไงมาแล้วฉันก็ต้องลง !! เลยแอบแวะเข้าไปเดินเล่น ซื้อของฝากเล็กๆน้อยที่ KL City Gallery (ห้องน้ำฟรีค่าาา)
 
นี่เป็น City Hall (รึเปล่า? แว่วๆ มาแบบนั้นไม่ค่อยตั้งใจฟังไกด์ ฮ่าๆๆ) ก็แลดูสวยดีอยู่
*ถ้ารอบๆ ไม่มีพวกคอยมาประท้วงหรืออะไรซักอย่าง เกี่ยวกับเรื่องหยุดฆ่าคนเพื่อเอาเครื่องใน (T^T) ฉันผู้ซึ่งเป็นคนใฝ่รู้ก็ไปยืนดูยืนอ่านอยู่นาน จนเริ่มจิตตก กลัวมนุษย์กันเอง มองซ้ายมองขวารีบวิ่งขึ้นรถจ้าา 555
 
ภาพตึกแฝดตอนกลางวัน อารมณ์มันต่างกับกลางคืนมาก เห็นได้จากภาพตึกแฝดด้านเดียวของฉันด้านบนค่ะ 555 กลางคืนสวยกว่า คอนเฟิร์ม !!
 
กว่าจะเสร็จเรื่องเสร็จราวกินข้าวแล้วก็เข้าโรงแรม เอาอีกแล้ว 2 ทุ่ม  ฮ่าาๆ ฉันก็ต้องวิ่งสู้ฟัดสู่ "บูกิต บินตัง" อีกครั้งเพื่อซื้อของ ที่ได้มาเดินดูลาดเลาเอาไว้แล้ว ไม่มีเวลาถ่ายรูปแล้วนะ 555 แต่สุดท้ายก็ยังได้ไม่ครบอยู่ดี(โทษทัวร์ทำเสียเวลา 555)
 
กลับเข้าโรงแรมที่พักและก็แอบลงมาเดินเล่นเจอผับเจอร้านโน้นนี่เยอะแยะ เลยลองแวะร้านนี้ดู ฮูววว ...
 

เข้าไปแล้วเหมือนฉันเลือกเดินทางผิด ฮ่าาๆ จะกลับตัวก็ไม่ได้ ก็เลยฟังเพลงไปนิดนึง ก่อนเข้าลองเช็คดูดีๆ นะอย่าเดาสุ่มเหมือนเรา 555 มันจะไม่ฟินเอา

แล้วเราก็หลับส่งท้าย คืนสุดท้าย ณ มาเลเซีย ... แล้วค่าาา


 
 เช้าวันก่อนกลับ เรายังคงเร่งรีบทำทุกอย่างให้ทันกำหนดการของทัวร์ ที่นางวางไว้ ออกเดินทางตั้งแต่ 6 โมงเช้าสู่เมืองแห่งประวัติศาสตร์ชาติมาเลย์ "มะละกา"
 
ล่องเรื่องในแม่น้ำมะละกาก็ฟินดีอยู่ถ้าาาา ...เรือที่แล่นอยู่จะไม่จอดนิ่งๆ แล้วบอกฉันว่าสัตว์ที่ว่ายน้ำอยู่คือ "Crocodile" แต่ดูยังไงมันก็ "เหี้_"  5555  
ไม่ต้องดูหรอกเนอะรูป "Crocodile" เนี่ย ถึงจะบอกไกด์แล้วว่าไม่ดู แต่นางก็ยังคงยืนยัน และจอดเรือให้ดูเป็นระยะๆ ฮ่าๆ

 

 
มะละกาเป็นอีกเมืองนึงที่รู้สึกชอบมากทั้งผู้คน ทั้งบรรยากาศที่ทำให้สัมผัสถึงมนต์ขลังที่ซ่อนอยู่ เพราะเป็นเมืองที่ในอดีตถูกยึดครองโดยโปรตุเกส จึงทำให้สิ่งก่อสร้างต่างๆ ถูกออกแบบมาให้เป็นแบบชิโนโปรตุกีส ผสมกับสิ่งก่อสร้างสมัยใหม่ของเมือง นี่คงเป็นสิ่งที่ทำให้ "มะละกา" มีเสน่ห์ มากๆ สำหรับผู้มาเยือนอย่างฉัน

 
Dutch Square กลางเมืองดูสวยมาก เป็นจตุรัสเล็กๆ ที่จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวตลอดเวลา
ถ้าได้เดินเล่นตอนเย็นๆ คงจะฟินมากเลยค่าาา

 
ส่วนนี้เขาเรียกว่า Jonkers Street (มั้ง) เป็นย่านคนจีน ขายของทุกอย่าง ทั้งของกินของฝาก โน้นนี่เป็นที่เลือกซื้อของฝากที่น่าเดินซื้อมากเพราะราคาถูกกว่าใน KL เยอะ แต่ก็ต้องดูดีๆ นะจ๊ะแต่ละร้านราคาไม่เท่ากัน ^ ^ แต่ร้านส่วนใหญ่ลองต่อราคาดูแล้วก็ไม่ค่อยลดนะ ไม่รู้ว่าต่อราคาไม่เก่งหรืออย่างไร
 
และแล้วทริปมาเลเซียของฉันก็จบลงเพียงเท่านี้ หวังว่าทุกคนคงจะหลงรักมาเลเซียเหมือนฉันบ้างนะ ครั้งหน้าจะไปใหม่ขอไปแบบ Backpacker ละกันจะได้เที่ยวทุกที่แบบเต็มที่ อย่าไปเลยนะกับทัวร์ 5555 
 
ถ้ามีโอกาสจะเอารูปมาอวดใหม่นะ ขอบคุณค่ะ จุฟฟฟ ^ ^

Discussion (9)

สวยมากคะ บรรยายสนุก น่าติดตาม
ผมอยากไปมากๆๆ เล้ย ผม ชอบ ที่ท่องเทียว

บรรยากาศตอนกลางคืน ตึกและอาคารตอนเปิดไฟ สวยมากเลยค่า ดูมีเสน่ห์

ห้องพักที่ KL ibis ประมาณ 1500 บาทค่ะ ส่วนที่ คาเมรอนก็ราวๆ 3000 บาท ค่ะ ;)

อยากทราบราคาห้องพักจังเลยค่ะ