เทียบ Etude any cushion กับ Laneige bb cushion
selphie911Hello ชาวจีนบันค่ะ
ขอแชร์ค่ะ อยากบอก อยากแบ่งความรู้สึกการใช้ bb ตัวนี้จัง ... อิอิ
Etude ออกผลิตภัณฑ์ มา คือ Etude any cushion เป็น bb ในรูปแบบฟองน้ำ
เชื่อว่าหลายคนรวมทั้งเราเอง สงสัยค่ะว่าเจ้าตัวนี้เนี่ยจะแตกต่างกับ รุ่นพี่อย่าง
Laneige bb cushion ที่ออกมาก่อนนานพอสมควรอย่างไร มาดูกัน
ขอแชร์ค่ะ อยากบอก อยากแบ่งความรู้สึกการใช้ bb ตัวนี้จัง ... อิอิ
Etude ออกผลิตภัณฑ์ มา คือ Etude any cushion เป็น bb ในรูปแบบฟองน้ำ
เชื่อว่าหลายคนรวมทั้งเราเอง สงสัยค่ะว่าเจ้าตัวนี้เนี่ยจะแตกต่างกับ รุ่นพี่อย่าง
Laneige bb cushion ที่ออกมาก่อนนานพอสมควรอย่างไร มาดูกัน
เราซื้อแบบรีฟิวมา Etude any cushion มี 3 เบอร์คือ
1. Light beige สำหรับผิวขาว
2. Natural beige สำหรับผิวขาวเหลือง (สีที่จะลองให้ชมค่ะ)
3. Honey beige สำหรับผิว 2 สี
รีฟิวของ Etude ไม่สามารถใส่ร่วมกับ ตลับของ Laneige ได้นะคะ
ตลับรีฟิวของ Etude มารูปถถุงพลาสติกสีขาวสะอาด พร้อม air puff ที่ออกแบบมาให้ใช้คู่กันค่ะ
มาเทียบสีกัน
บน : bb Laneige ของเราเป็นเบอร์ 21 Natural beige โทนเหลืองค่ะ
ล่าง : Etude any cushion W13 Natural beige ซึ่งของ Laneige สีคล้ำกว่า Etude ค่ะ และดูจะเหลืองกว่า
เทียบสีกับแขนนะจ่ะ
แสงธรรมชาติค่ะ Etude ก็ยังดูขาวกว่าอยู่ดี
ทีนี้จะลองใช้ Air puff ที่ใช้คู่กันแล้วจะได้ผลดีที่สุดนะคะ
อีกรูปค่ะ พยามหามุมที่แสงตกกระทบเพื่อให้ความฉ่ำวาวของ bb ทั้ง 2 แบรนด์
หาแล้วได้แค่นี้ แบบว่าไม่มีฝีมือการถ่ายรูปจริงๆ เห้ออ
ดูรูปกันไปแล้ว ทีนี้ขอพูดถึงคุณสมบัติทีเดียวเลยนะจ่ะ
จขกท. เป็นคนผิวแห้ง แห้งจริงไรจริง ประสบปัญหาหน้าลอกแถวจมูกกับแก้มบ่อยคะ
สีผิว : ขาวเหลือง ดังนั้นจึงเลือกสี Natural beige มา
ความเห็นส่วนตัวสำหรับ Etude any cushion ของเรานะคะ
เนื้อ : ฉ่ำน้อยกว่า Laneige ค่ะ แต่ปกปิดดีกว่า Laneige ระดับนึง
กลิ่น : Etude จะหอมอ่อนๆ แบบดอกไม้ แต่ Laneige หอมแต่แปลกๆ แบบสมุนไพรเย็นๆอ่อนๆ
คุมมัน : ด้วยว่า Etudeฉ่ำน้อยกว่า คนผิวมันน่าจะชอบมากกว่า เพราะทาไปบนผิวหน้าแล้ว
อืมมม... ดูจะเป็น semi-matt ถามว่าวาวฉ่ำมั้ย ก็ฉ่ำแต่ไม่เท่าLaneige
ถ้าเทียบจากรูปด้านบน จะเห็นว่า โดนแสงเหมือนกัน แต่ Laneige ดูจะเงาๆ ฉ่ำๆ
สี : เทียบแล้่วตามรูป Etude จะขับความผ่องสว่างให้ผิวขาวเหลืองมากกว่า
แต่ Laneige ให้่ความรู้สึกแบบ ผิวเดิมไม่ได้ขาว แต่ทำให้ผิวดูฉ่ำวาว
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ความชอบส่วนตัว ค่ะ
ปกติใช้ Laneige ซึ่งเข้ากับคนผิวแห้งอย่างเรามาก เพราะ ผิวไม่แห้งและ หน้าไม่ลอก หน้าชุ่มชื้น
ถึงแม้กว่าสีของ Laneige คล้ำกว่า เราก็แก้ไขโดยลงเบส เขียว หรือ ม่วงก็ได้ บางๆก่อน
เราจึงชอบ Laneige มากกว่่าค่ะ
สำหรับ Etude เราชอบสีของ bb เค้าที่ทำให้หน้าผ่อง สวยในขั้นตอนเดียว และ
ประหยัดตังไม่ต้องซื้อเบสเพิ่ม (สำคัญมาก สำหรับคนงก อย่างเดี๊ยน และประหยัดเวลาตอนรีบๆ)
ความชุ่มชื้น Etude ถือว่าทำได้ดีพอสมควรค่ะ แม้ว่าจะฉ่ำน้อยกว่า
ถ้าเทียบกับ Laneige อาจจะชุื้นน้อยกว่่า ซึ่งอาจจะเป็นผลดีที่คนผิวมันก็ใช้ได้ <<ไม่นอนยันนะคะ เพราะ
จขกท. หน้าแห้งน่ะจ่ะ เก๊าเดาเฉยๆ ...
ขนาดเราผิวแห้ง Laneige ตอนเย็นๆแบบผ่านไป 8-9 ชม. หน้าเยิ้มคะ ซับทีแป้งเอย อะไรเอย
ติดทิชชูด้วย -*- ถ้าลงแป้งทับถึงจะดีขึ้น
สำหรับคนที่ลง bb แล้วไม่ลงแป้งทับ , Etude เราชอบมากกว่า ตามเหตุผลที่สีสว่างค่ะ
สุดท้าย !!!
พล่ามเยอะแยะ เขียนแล้วหลายท่านคงงง ตกลงอ๊ะ ยังไงของหล่อนย่ะ
ให้คะแนนดีกว่า Etude 7.5
Laneige 8.5
คะแนนนี้เค้าให้ตามความพอใจเก๊าเอง เพราะว่า Laneige เหมาะกับผิวแห้งๆ กรอบๆ และฉ่ำวาวมากกว่า Etude
และ ตามฉบับคนงก ถ้่าชั้นร่ำ เดือนนี้เหลือเยอะ ซื้อ Laneige
เดือนนี้กินเยอะไปหน่อย ซื้อ Etude ราคาของ 2 แบรนด์นี้ก็ต่างกันระดับนึงเลยค่ะ
(ราคาพรีนะ)
End ค่ะ ขอบคุณคุณสาวๆหลายๆท่านที่อ่านนะคะ
รีวิวนี้จากความคิดเห็นการใช้จริงของและ สภาพผิว จขกท. เพียงคนเดียว
ฟๆค่า
Discussion (11)
ผิวแห้งน่าสนๆ
แต่ส่วนใหญ่ผิวเราใช้บีบีเกาหลีไม่ค่อยรอด แง้ เสียใจ
พวกเครื่องสำอางเกาหลีมันน่ารัก น่าเล่นดี
เค้ารอกระทู้แบบนี้นานแระ 555
สไตล์ bb cushion ทำออกมาเยอะมากแต่เราเห็นลาเนจเป็นแบรนด์แรก (หมายถึงที่เราเห็นนะ) เห็นholika ก็ทำออกมาเหมือนกัน ขอบคุณจขกท. มากนะคะ ทำละเอียดดี <3
อีทูดี้น่าลองงงง -.,-