[HAUL/REVIEW] เปิดถุงและรีวิวเบาๆจาก MAC Cosmetics

สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ผมจะมารีวิวและแชร์ประสบการณ์การช๊อปปิ้งที่ไปสอยมาจาก MAC



อย่างที่หลายๆคนรู้ แบรนด์ MAC  เค้าโด่งดังเรื่องเครื่องสำอางสีสันแฟชั่น
และที่โด่งดังพอกันคือ BA ที่น่ากลัว ทำให้หลายต่อหลายคนไม่กล้าเข้าไปซื้อของ
แต่ผมหาได้กลัวสิ่งนั้นไม่ ในเมื่อเราต้องการซื้อของ เค้าจะจิกจะว่าอะไรก็ช่าง
ผลสุดท้ายคือได้ครอบครองสิ่งที่อยากได้ไว้เป็นพอ
ผมไปซื้อที่สาขา เซ็นทรัลปิ่นเกล้าครับ หากอยากข้ามไปอ่านตรงรีวิวเลย เลื่อนลงไปด้านล่างได้เลยครับ

วันนั้นผมฉายเดี่ยวเลย เดินไปแบบงงๆ
พอถึงเค้าเตอร์ พบว่ามีคนรุมอยู่พอประมาณ ไม่ได้โล่ง และไม่เห็น บีเอคนไหนว่าเพื่อนจะรอบริการ
ผมก็ไปด้อมๆมองๆแก้เขิน เป้าหมายของผมวันนี้คือ แปรง 109 ที่เอาไว้คอนทัวหน้า
จากนั้นผมก็พยายามเดินไปชะโงกดูเพื่อจะเข้าไปข้างในตรงที่เค้าเคยวางแปรง(จากที่เคยซื้อ)
แต่เข้าไปไม่ได้เพราะติดกลุ่มลูกค้าที่มุงลองสินค้าอยู่ พอดีเหลือบไปเห็นผู้ชายชุดดำกำลังนั่งรอแต่งหน้าอยู่ที่หน้ากระจก

ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าคงเป็นลูกค้า แล้วผมก็ดูเงอะงะๆอยู่ตรงหน้าเค้าเตอร์เหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง แป๊บนึงผู้ชายชุดดำที่นั่งยู่คงสังเกตเห็นผม เลยมาถามว่าจะรับอะไรดีครับ ผมก็บอกความสนองไปว่า เอาแปรง 109 ด้ามนึง จากนั้นเค้าก็ไปหยิบแปรงมา
ผมก็คิด เอ้ะ นึกว่าลูกค้า แล้วไหงอยู่ในสภาพรอแต่งหน้า ฮ่า แต่ก็ไม่มายด์อะไร
ขณะรอเค้าไปหยิบ ผมก็เหลือบไปเห็นแปรงโชว์อยู่ มันสวย สวยเหลือเกิน (เสียงพากษ์เพกา จากละครกี่เพ้าตอนกำลังชื่นชมกี่เพ้าที่สวยที่สุดในทศวรรต)

ผมเผลอตัวเอามือไปลูบแปรง มันคือ Duo Fibre 130 เป็นแปรงดูโอ้ขนาดเล็กๆ
ใจผมแอบอยากได้มาอยู่แล้ว เพราะไปเห็นคนโพ๊สรูปในไอจีแล้วกิเลสมันเกิด
บีเอคนนั้นกลับมาพร้อมแปรงในมือ ยื่นให้ผมดู ผมเลยบอก เอาอันนี้แหละครับ
แล้วผมก็ถามพี่บีเอคนนั้นว่าแปรง ดูโออันนี้มันเอาไว้ทำอะไร (เพราะขนาดที่เล็กเลยไม่แน่ใจว่าเอาไว้เบลนรองพื้นหรือบรัช หรือไฮไล๊ท์)
เค้าตอบมาสั้นๆง่ายๆว่า "Foundation ครับ"
ผมหยุดคิดแป๊บ คือกำลังต่อสู้กันในหัวตัวเองว่าจะเอาดีไหม แปรงเยอะแล้ว ด้ามนึงก็แพง
แต่มันอยากได้นะ ถ้าไม่ซื้อ ต้องฟุ้งซ่านดีดดิ้นแน่ๆ สรุปเลยบอกเค้าไปว่าเอาด้ามนึง ฮ่าๆๆๆๆๆ
พ่ายแพ้ต่อสงครามในหัวตัวเอง พี่บีเอก็พยายามจะพาผมไปจ่ายตังให้ได้ (เหมือนรีบๆ) แต่ผมยังไม่รู้จักพอ

เลยขอพี่เค้าลอง MAC Face and Body ดู เป็นอีกอันที่อยากลองมานานมากๆแล้วตั้งแต่สมัยดูคลิปของคุณ Wyne Goss ในยูทูป ผมให้พี่บีเอแนะนำสี เค้าบอกว่าผมหน้าขาวมาก ควรใช้สี  C2 ตอนนั้นผมก็ลองสีที่หลังมือ แล้วตกลงเอาเลย
พี่เค้าไปหยิบ แต่สินค้าดันหมด เค้าเลยบอก เอาสีเข้มไปไหม
ผมก็เออออกับเค้าไป แต่เค้าเชียร์ให้ผมลองที่หน้าก่อน เหมือนไม่อยากให้ซื้อสีมั่วๆ (ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี ประทับใจ)
ผมเลยเอามาป้าย ป๊าดดดดด สี C2/ C3  มันเหลืองมากสำหรับผม เคยมีประสบการณ์หน้าเหลืองเพราะ Nars Sheer Glow มาแล้วมันหายนะมาก (ไม่ได้แต่งคอสเพลย์เป็นปิ๊กาจูนะ)
เค้าเลยให้ผมลองสี ที่มีสินค้าอีกอันคือ N3 พี่บีเอผู้ชายอีกคนมาสมทบและบอกว่า
หน้าผู้ชายใช้สีโทนชมพูจะดูดีกว่าโทนเหลือง (จริงอ่ะ?) ผมก็เอามาป้ายที่หน้า
เฮ้ยมันเวิ๊คที่สุดในทุกสีที่ลอง จริงๆมันยังมีความเหลืองอยู่ แต่ไม่มากเท่าเฉด C เลยสอยเบอร์นี้มาแทน

สรุปประสบการณ์ช๊อปปิ้งกับบีเอ  MAC มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ผมว่าคนคิดกลัวกันไปเอง หรืออาจจะเพราะผมไปแบบมีความตั้งใจซื้อของอยู่แล้ว? หรือเพราะผมแต่งตัวดีๆไปเลยไม่โดนจิก อันนี้ผมไม่ทราบ
จะมีติก็แค่ซื้อยอดสี่พันกว่าบาทแต่ไม่มีอะไรแถมให้ผมกลับมาเลย (ฮ่าๆ โลภ) และมีพี่บีเอผู้หญิงที่นั่งตรงเค้าเตอร์ อยู่ดีๆเค้าถอนหายใจดังมากออกมา ผมมองแว๊บนึงและกลับมาอยู่ในโลกส่วนตัวของผมต่อ

ต่อไปผมจะรีวิวของที่ซื้อมา หลังจากที่ได้ลองใช้มาสองอาทิตย์นะครับ
เริ่มที่ แปรง 109 Contour Brush ขนแปรงทำจากขนสัตว์แท้ สีดำผ่านการย้อมมา ราคาเต็ม 1,850บาท


เนื่องจากแปรงยังใหม่อยู่ เลยจะยังคงลีบไม่บานเหมือนท่านอื่นที่รีวิว(แปรงของพวกเค้าจะฟูบานจากการใช้งาน) เหตุผลที่ซื้อแปรงด้ามนี้ ทั้งๆที่มีแปรง Contour brush by Real Techniques
เพราะว่าผมต้องการแปรงที่มีขนาดเล็ก ปลายมนและมีความฟู ง่ายแกการเบลนสี ซึ่งแปรงของ RT
จะมีปลายที่แหลมกว่า และขนจะไม่ฟูฟุ้งเท่าของ MAC

จากที่ลองใช้
ข้อดี
๑. ง่ายต่อการคอนทัวจริงๆ เพราะขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป
๒. มีความฟูฟุ้ง ทำให้เวลาคอนทัว สีจะฟุ้งๆ ไม่เป็นเส้นเป็นปื้นๆ
๓. ขนนุ่ม ไม่บาดหน้าเลยจริงๆ
๔. ด้ามไม่เทอะทะ จับถนัดมือ
๕. (เคยได้ยินว่าเอามาลงรองพื้นได้ดี แต่ผมไม่แนะนำ)

ข้อเสีย
๑. ราคาสูง
๒. สีตกนิดหน่อยเวลาล้างแปรง
๓. ขนร่วง นิดหน่อย (จริงๆราคาเท่านี้ เป็นสิ่งที่ไม่ดีเลยที่ขนร่วง แต่จากที่สังเกตุมา แปรงเค้าเตอร์ที่ทำจากขนสัตว์จะร่วงซะส่วนใหญ่ NARS  ก็ร่วง)
สรุป โดยรว แปรงMAC 109 เป็นแปรงที่เหมาะกับการคอนทัวหน้ามากนะครับ  เลือกลงสีได้ถูกจุด เบลนสีได้ฟุ้งดูเป็นธรรมชาติ ถ้าตัดเรื่องขนร่วงออกจะเพอร์เฟคเลย
 

ต่อไป แปรง MAC 130 Short Duo fibre brush ราคาเต็ม 1,950 บาท

ขนแปรงทำจากขนสัตว์(สีดำ) และขนไฟเบอร์ (สีขาว) เหมาะกับการลงผลิตภัณณ์เนื้อครีมทุกชนิด


ถ้าเทียบกับ MAC187 เจ้า MAC130 นี่เล็กกว่ากันมาก  วางเทียบกันเหมือนเป็นแม่ลูก
ขนของ 130 ตรงส่วนของไฟเบอร์จะสั้นกว่า และโดยรวมขนจะหนาแน่นกว่า MAC 187
ด้ามแปรงจับถนัด ดูหรูหรา มีไว้ครอบครองแล้วเหมือนมือโปร ฮ่าๆ ความชอบส่วนตัวนะครับ
ผมเอามาใช้ลงรองพื้นตามที่พี่บีเอแนะนำมา และจากที่ได้ใช้มามีความเห็นว่า
ข้อดี
๑. ลงรองพื้นได้เป็นธรรมชาติ
๒. สามารถลงรองพื้นได้แบบบาง หรือจะทำให้หนาได้ เพียงแต่เปลี่ยนวิธีลง
 (วนๆเบาๆ จะบางๆ แต่หากแตะๆแท๊บๆทิ่มๆแล้วค่อยๆเบลน จะได้ลุ๊คที่หนากว่านิดเป็น Air brush finish แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวรองพื้นที่ใช้ด้วย)
๓. ขนไม่บาดหน้า ไม่ทิ่มหน้า ไม่ระคายเคืองเลย

ข้อเสีย
๑. ขนาดเล็ก ใช้เวลาเกลี่ยนานกว่าปกติหากเทียบกับการลงด้วยแปรง Buffing brush ของRT
๒. ราคาสูง
๓. ขนสีดำมีร่วงบ้างนิ๊ดดดเดียว ตอนซักแปรงครับ
 
สรุป เป็นแปรงที่ลงรองพื้นได้ดีอีกอันหนึ่ง แต่ไม่ใช่แปรง MUST HAVE แต่อย่างใด เพราะราคาที่สูง
เอาไปซื้อแปรงลงรองพื้นของ RT จะเข้าท่ากว่า แปรงนี้เหมาะกับใคร? เหมาะกับคนบ้าแปรง(แบบผม)
คนที่มีเวลาแต่งหน้ามาก ชอบแต่งละเอียดๆ และต้องการแปรงแต่งหน้าที่ทำให้
คุณดูมีทักษะสูง
ผมชอบมันมากเหมือนกันนะ (แหงสิ มันแพงนิ) เพราะความรักในการสะสมแปรง
หากถามว่าแนะนำสำหรับมือใหม่หรือไม่ ผมไม่แนะนำครับ แต่หากคุณมีสกิลการแต่งหน้าพอสมควร และอยากลองแปรง ผมว่ามีไว้ก็ไม่เสียหายครับ ยกเว้นเรื่องทรัพย์จาง ฮ่าๆ

สุดท้ายของวันนี้ มันคือ MAC Face and Body Foundation
ผมใช้สี C3 ราคาเต็ม 1,500 บาท ปริมาณ 30ml


ปกติจะหาซื้อได้ที่ MAC Pro ที่สยามเซ็นเตอร์ แต่พอดีมันเป็น ลิมิเตดอะไรนี่แหละ
เลยออกขวดเล็กมา (ในราคาที่แพงแทบเทียบเท่าขวดใหญ่)

ขวดเป็นพล๊าสติกขนาดเล็ก เบา พกพาง่าย ฝาเกลียวหมุน เวลาใช้ควรเขย่าขวดก่อน
เนื้อรองพื้นเหลวมากเหมือนน้ำ บีบแล้วไหลย้อย เมื่อลองปาดแล้วจะพบว่าบางมาก
บางเหมือนไม่ได้ทาอะไรเลย สามารถทาซ้อนกันหลายชั้นเพื่อความปกปิดที่เพิ่มขึ้นได้
แต่ส่วนตัว หน้าผมไม่ได้มีปัญหาอะไร เลยไม่ต้องโบกซ้ำ สิ่งนึงที่พบคือเนื่องจากมันเหลวและบาง
มันต้องใช้เยอะกว่ารองพื้นเนื้อครีมปกติครับ (แต่ก็ดี เผื่อจะใช้หมดกับเค้าซักที)
ทาเสร็จจะใสๆขึ้น หน้าจะดูฉ่ำๆสุขภาพดี ดิ้วอี้ๆ และดูแทบไม่ออกว่าทารองพื้น
เพียงแค่มันปรับสีหน้าให้ดูดีขึ้น ระหว่างวันมีมันบ้าง (ผมผิวมัน) แต่ว่าถึงจะมันแต่กลับไม่รู้สึกหนักหน้าเหนอะหน้าเลย ต่างจากของบางยี่ห้อ ที่ผมทาแล้วรู้สึกอยากล้างหน้าออกมากๆ เพราะมันหนักหน้า
ข้อดี
๑. เนื้อบางเบา
๒. ใช้แล้วไม่แพ้ และยังไม่พบการอุดตัน
๓. ไม่หนักหน้า
๔. เกลี่ยง่ายมาก
๕.หน้าดูฉ่ำๆ ดิวอี้ๆ ดูสุขภาพดี

ข้อเสีย
๑. ไม่ค่อยปกปิด (หากใครต้องการการปกปิด บอกผ่าน หรือไม่ก็ใช้คอนซีลเลอร์ช่วยครับ)
๒. ต้องใช้ปริมาณมากกว่าปกติในการเกลี่ยทั่วหน้า
๓. ไม่คุมมัน
๔. หาซื้อได้ยากกว่าปกติ ถึงแม้จะมี MAC Online แล้ว แต่หากคุณไม่เคยใช้มาก่อน จะทราบสีได้อย่างไร? อย่างผม สีที่บีเอแนะนำมา พอมาลองจริงๆกลับเหลืองไป ต้องลองเอง

สรุป ตั้งแต่ใช้'รองพื้น'มาไม่กี่ตัว เจ้า MAC  face and body foundation เป็นรองพื้นที่ชอบที่สุด
เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผิว ผู้หญิงใช้ได้ ผู้ชายใช้ดี ด้วยความที่มันบางเบามากๆจนเหมือนไม่ได้ทาอะไร ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับผมนะ บางคนอาจจะไม่ชอบ แต่ผมหลงรัก
ติอย่างเดียวเลยจริงๆคือ ถ้าของหมดผมต้องไปสยามเลยหรอ? หรือไม่ก็คงต้องสั่งจากเว็ปเอา
ใครสนใจ แนะนำให้ไปลองสีก่อนซื้อนะครับ

สรุปเรื่องการช๊อปปิ้งกับ MAC Cosmetics นะครับ มันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
เพียงแต่คุณอย่าหวังว่าจะได้รับการบริการอย่างดีเลิศเหมือนแบรนด์อื่นๆเช่น แชแนล
คิดซะว่าใจเขาใจเรา เค้าคงจะเหนื่อยกับงาน ผมมองอีกมุมว่าเค้าอาจจะเจอลูกค้าที่ทำให้เค้ารู้สึกเสียสุขภาพจิตเช่นกัน โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่เคยโดนเหวี่ยงโดนวีนจากการซื้อของของ MAC เลย
จะมีก็แต่เจอบีเอทำหน้าเหมือนไม่ค่อยอยากจะให้บริการ แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
เรามิงตรงตัวผลิตภัณฑ์ของเค้าดีกว่า ผมว่าหลายตัวนี่ใช้ดีเหมือนกันนะครับ
เพียงแต่ว่าพักหลัง ราคาอัพขึ้นสูงจังเลย ยกตัวอย่างเช่นแป้งเทพ
Mineralize skin finish natural เมื่อก่อนเคยซื้อ 1,250 โดยประมาณ
ปัจจุบัน ราคา 1,400-1,450 บาท ผมจำตัวเลขเป้ะๆไม่ได้
คือมันราคามันสูงขึ้นอ่ะครับ ทำไมกันนะ? เอาละ อ่านรีวิวแล้วใครใคร่สอย ตั้งสติก่อนสอย
ใครใคร่ลอง ต้องลองนะครับผม
วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านรีวิวของผม พบกันใหม่รีวิวหน้า ขอบคุณครับ สวัสดีครับผม







 

Discussion (11)

คุณ GodDEatH ผมเข้าใจความรู้สึกเลยครับ 55 มีแปรงเยอะ บางทีงงว่าจะเอาอันไหนใช้อะไร ><
อยากได้ตัว Face & Body เหมือนกันค่ะ ตอนนั้นเจอที่ โรบินสันขอนแก่น ลด 10% นี่มือหงิกแต่ว่าเพิ่งถอย Studio Fix Fluid มาใหม่ๆ เลยตัดใจ แถมวันนั้น BA ลองสีที่หลังมืออย่างเดียว เลยไม่ได้สั่งจากออนไลน์ กลัวสีเพี้ยน

ปล. BA ที่ขอนแก่น นิสัยดีหลายคนนะคะ เราไปรอบนึงเจอคนกรูไปซื้อของจนไม่มีที่แทรกให้เลือก จริงๆก็ไม่ได้รีบอะไร แต่ตั้งใจว่ามาแล้ว จะซื้อ.. ก็ยืนรอพนักงานจนหน้าหงิก แต่กลายเป็น BA เองที่วิ่งไปวิ่งมา ขอโทษที่ให้รอ แล้วก็แนะนำดีจนเรารู้สึกผิดไปเลยค่ะ ^ ^"

ปลล.เพิ่งถอยแปรงของ RT กับ Ecotools มา เบ็ดเสร็จก็ 14 ด้าม เหมือนตัวเองเป็นบ้าเลยค่ะ เพราะตอนแต่งนี่แยกชิ้นเลยว่า อันนี้ฉันจะใช้สำหรับอันนี้ แปรงนี้ต้องลงนี่เท่านั้น คลั่งมากจริงๆ ^ ^
 
คุณ fangbif ขอบคุณครับ ตอนผมใช้เบลน มีเอาไปเกลี่ยๆใต้ตา มันเหมาะดีเหมือนกันครับ เข้าถึงซอกมุมดี ผมไม่ค่อยชอบ 187 เท่าไหร่เพราะใหญ่ไปแล้วคงใช้ไม่เป็นมั้งครับ มันเลยไม่เวิ้คเท่าแปรงตัวอื่นๆ. 187 ผมชอบเอามาเบลนเวลาลงอะไรหนักมือไปครับ. เรื่องกิเลสแปรงนี่ระงับยากนะครับ 55 วันก่อน nars ส่งใบโฆษณาว่ามีแปรงรองพื้นแบบใหม่ สงสัยจะแพง หน้าตาคล้ายของ Shiseido131 แต่เป็นด้ามยาว ดีที่มีแปรงชิแล้วไม่งั้นสงสัยได้ไปตำครับ. แปรงถูกและดีก็มีจริงๆ ผมชอบ elf studio powder brush มาก ถูก คุณภาพเกินตัวมากครับ
คุณ 90 คห5. ขอบคุณสำหรับทริคดีๆนะครับ เห็นด้วยเรื่องแปรงจะกินเนื้อเข้าไปเพราะมันเหลวมาก เดี๋ยวผมจะลองดูนะครับ
คุณ misskim รองพื้นบางเบามากครับ ทาแล้วเหมือนไม่ได้ทาจริงๆ แบบเอ้ะทาแล้วหรอ? บางคนอาจจัไม่ชอบ แต่ผมชอบมากเลย มันจะดูดิวอี้ๆฉ่ำๆนิดๆจริงๆแหละครับ รุ่นอื่นของแม๊คผมไม่เคยลองเลย สาขาพารากอนผมเคยไปซื้อ ก็บริการดีครับ ที่ปรพทับใจสุดคือสาขาเซน เมื่อปีสองปีที่แล้ว ใจเย็น ไม่เหวี่ยงทั้งๆที่ผมไปตอนห้างจะปิดแล้ว ป่านนี้พี่คนนั้นอาจจะย้ายไปสาขาอื่นแล้ว เพราะบีเอนี่เวียนกันบ่อย