เที่ยว HONG KONG - MACAU ตามมีตามเกิด แบบไม่ง้อทัวร์ ตอนที่ 1
pookyz1015
ฮาโหลลลล เพื่อนๆ ชาวจีบันนน ค๊าาา คิดถึงจุงงง ฮี่ๆ
เฮ้อออ! ถึงวันหยุดซักที แทบจะไม่อยากตื่น กลับมาจากทริปฮ่องกงปุ๊บ ก็ทำงานต่อปั๊บ
วันนี้วันหยุดเลยอยากมาแชร์ประสบการณ์การไปเที่ยวต่างประเทศ “ครั้งแรก” ของพวกเรา” ตามมีตามเกิดค่ะ” เราเลือก ฮ่องกง เป็นครั้งแรกของเรา และทริปนี้ เพื่อนลงความเห็นว่างดเอาผู้ชายมาติดสอยห้อยตาม ใครมีสามีมีแฟน เก็บไว้ที่บ้านค่ะ ลาภปาก
- ทำไมต้องตามมีตามเกิด ? ก็เพราะว่าพวกเราไม่ได้เตรียมการท่องเที่ยวแบบเต็มรูปแบบไงง ฮ่าาาา
จริงๆ ทริปนี้วางแผนกันไว้ตั้งแต่ช่วงปีใหม่ หาฤกษ์งามยามดีของแต่ละคน จัดสรรคิวทองของตัวเองให้ตรงล๊อก
เขียนแผนการเที่ยว พอระยะเตรียมตัวนานไป เริ่มขี้เกียจ ไม่มีเวลาทำ เพราะต้องทำงาน มาถึงห้องก็เหนื่อยกัน
( จริงๆ แล้ว อ้าง ! 55+ ) ทริปนี้เลยได้แค่วางแผนไว้ว่าจะไปที่ไหน แล้ววิธีการไปคือ ถามค่ะ
“อยากไปถูก อยู่ที่ปากเรานะลูก” คุณพ่อสอนมา ฮ่าๆๆ
มีทั้งตื่นเต้นเร้าใจ สนุก เศร้า แอบมีฉากน้ำตาซึม งานนนี้ครบรสเลยค่ะ ขอบอกก ประสบการณ์ทั้งนั้นเลยย
ปุ๊กกับเพื่อนๆ นัดเจอกันที่สนามบิน “CHEK LAP KOK” (เช็กแล็บก๊อก) ที่ฮ่องกงเลย เพราะจองตั๋วคนละสายการบิน เราเน้นว่าเราจะนั่งหางแดงไป ไปคนเดียว เพื่อนทิ้ง ฮ่าาา ส่วนเพื่อนๆ เรอะ เชอะ พวกนางนั่ง Emirates สวยๆ หุหุ ทริปนี้พวกเรา ไม่เน้นช๊อปปิ้งค่ะ ฮ่าๆๆ ถูกต้องค่ะ ที่ขีดเส้นเพราะ ทำไม่ได้ ฮ่าาาาาาาา
สิ่งที่ต้องเตรียม?
เมื่อเราต้องเดินทางไปต่างประเทศ เราต้องเตรียมเอกสารหลายอย่าง เพราะเมื่อถึงที่หมาย
จะต้องผ่านด่านตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของที่โน้น เราไม่รู้ว่า ต.ม. ดุมั้ย อารมณ์ไหน
งั้นเราก็เอาไปให้หมดเผื่อไว้ ฮ่าๆ
1. Passport ต้องใช้อยู่แล้ว ต้องดูว่าวันหมดอายุเท่าไหร่ สำหรับ THAILAND’S PASSPORT
ไม่ต้องใช้ VISA เข้าฮ่องกงได้ แต่ต้องมีอายุมากกว่า 6 เดือน คนไทยสามารถอยู่ที่ฮ่องกงได้ 1 เดือน
No Visa Require !!
2. Booking Hotel เราต้องเตรียมเอกสารให้ ต.ม. ดู เผื่อเค้าถามว่าพักที่ไหน อยู่กี่วัน เป็นเอกสารยืนยันว่า
เราไม่ได้มาอยู่ที่นี่เลยน๊าาา แค่มาเที่ยววววน๊า
3. บัตรพนักงาน เพราะเหตุการณ์ไม่คาดคิดบางอย่างอาจจะเกิดขึ้นได้ ถ้าเรามีบัตรที่ยืนยันว่า
เรามีงานทำประจำที่ประเทศของเราอยู่แล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน มันจะช่วยให้ง่ายขึ้นต่อการเจรจานั้นเอง
อันนี้คิดเองว่าเราน่าจะมีอะไรยืนยันสถานะเราบ้าง อะไรก็เกิดขึ้นได้ แสดงให้เค้าเห็นว่าเราไม่ได้มาทำ Part time
ที่นี่นะ (โดยเฉพาะผู้หญิงไทย เค้าจะสแกนเป็นพิเศษ และก็ได้ใช้จริงๆ เห็นมะ ซื้อหวยก็ถูกอ่ะ เฮ้อ !! )
4. เช็คสภาพอากาศก่อนเดินทาง เราจะได้จัดกระเป๋าถูก อากาศหนาว แต่จัดบิกินีไป พี่เพลียติ่งเลยนะคะ
ช่วงนี้ไปเช็คเป็นระยะ พอถึงวันที่จัดกระเป๋า วันที่ 8 มีนา อากาศเย็นแฮะ 16 องศา
จัดกระเป๋าไปหยั่งกะจะไปขั้วโลกเหนือ แต่ต้องเบรคตัวเองไว้ว่า กระเป๋ามีแค่ 20 กิโลทั้งไปกลับนะคะ ดังนั้น
เอาแต่สิ่งสำคัญจริงๆ ไป ต้องเหลือน้ำหนักไว้ขนของที่ช๊อปปิ้งกลับด้วย ฮ่าาา
- ของใช้ส่วนตัว สบู่ แปรงสีฟัน Remover ครีม เครื่องสำอางบลาๆ
- เสื้อผ้า ปุ๊กเน้นชุดที่สามารถมิกซ์กันได้ จะได้ไม่ต้องถือไปเยอะ
- รองเท้า ทั้งส้นเตี้ย และบู๊ท อย่างละคู่พอ
- ไดร์เป่าผม/ Curling Iron
- ไม้แขวนซักอันสองอัน ของโรงแรมไม่รู้มีกี่อัน เดี๋ยวแย่งกับเพื่อนใช้
- ผ้าเช็ดตัว
- ยาสามัญประจำบ้าน ฉบับพกพา ไซด์มินิ พารา กระเพาะ ยาธาตุน้ำขาว แอลกอฮอล์ เบตาดีน พลาสเตอร์ และยาแก้เมารถเมาเรือ เพราะเราต้องนั่งเรือข้ามไปมาเก๊าด้วย
- ปลั๊ก Adaptor ต่างประเทศ พร้อมปลั๊กต่อ เพราะหัวปลั๊กบ้านเค้าไม่เหมือนบ้านเรา ไม่งั้นโทรศัพท์ กล้องเราจะเป็นก้อนหินไปโดยปริยาย
5. แลกเงิน ตามกำลังทรัพย์ เราแลกไปน้อย เพราะเราอยากจำกัดตัวเองให้ใช้เงินน้อยที่สุดสำหรับทริปนี้
ด้วยความที่อยากรู้ ฮ่าๆ เราแลกไปแค่ 6222 บาท จะได้ประมาณ 1500 ดอลล่าฮ่องกง จริงๆกะจะแลกแค่
5000 บาทพอ แต่ก็เผื่อเหลือเผื่อขาดเพิ่มอีกพันละกัน แลกเงินใช้ดำรงชีวิตได้หน้ากลัวมาก ฮ่าๆๆ
เราแลกที่สนามบินเพราะไม่มีเวลาเข้ากรุงเทพไปแลกค่ะ ตามเรทธนาคารเลย
6. เตรียมใจ ว่างานนี้ต้องมีหลงแน่ๆ ฉะนั้นไม่ต้องตื่นตะหนกตกใจกลัว สติ สำคัญมาก เราต้องตั้งสติให้ได้นะ
ปล. เรื่องการติดต่อกลับทางบ้าน ปุ๊กไม่ได้ซื้อซิมส์หรือเปิดโรมมิ่งจากเมืองไทยเลย เพราะได้ยินว่าที่นั้นมี Wifi
ทุกที่ (มันก็มีแต่ก็ต้องเสียตังค์ เห้ออ) เอาจริงๆว่า งก นั้นเอง จุดนี้พลาดนะ อยากเล่นของฟรีต้องทำใจ ฮ่าๆ จริงๆ
เตรียมไปก็ดีเผื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น จะได้ติดต่อกันได้
ผู้ร่วมทริปมี 3 ชีวิต 3 ปาก ไม่ตายง่ายๆ หรอกก งั้น…ไปกันเลยยย !!
DAY 1 --> DATE: 9 มีนาคม 2557
ปุ๊กต้องออกเดินทางจากแดนอิสานบ้านเกิดเมืองนอน นครขอนแก่น ช่วงเช้าตรู่ เพื่อที่จะต้องบินต่อไปฮ่องกงในวันเดียวกันเลย ส่วนเพื่อนๆ เค้าอยู่ที่กรุงเทพกันอยู่แล้วค่ะ เรามาไกลกว่าเพื่อนเลย ฮ่าา การนั่งเครื่องนี่มันเร็วนะ ใช่ว่าจะไม่เหนื่อย เหนื่อยนะ สังเกตหลายทีแล้วว่า เวลาเรานั่งเครื่อง ขวดน้ำที่เรากิน รูปร่างเหมือนโดนบีบ แล้วร่างกายเราละ? น่าคิดเหอๆๆ เราใช้เวลาจาก 0835 KKC - DMK 0930 เวลาประมาณ 55 นาที จากนั่นต้องต่อไฟล์ทไปฮ่องกง เวลา DMK 1545 ถึงที่ฮ่องกง HKG 1920 ตามเวลาฮ่องกง
พอถึงเวลาเคาเตอร์เปิดก็ไปเช็คอินกระเป๋าเรียบร้อย เพราะเราทำ Self Chk-in มาแล้ว ทั้งขาไปขากลับ ผ่าน ต.ม. สแกนกระเป๋าถือ เข้าไปรอขึ้นเครื่องตามเกตของตัวเอง แล้วก็ บินๆๆๆ ค่ะ พอขึ้นเครื่องพี่ลูกเรือก็เอาใบอิม Immigration Card ของฮ่องกงมาให้เราเขียน เผื่อเวลาเข้า ต.ม. จะได้ไม่ต้องเสียเวลามานั่งกรอกทีหลัง
ปล. อันนี้ประสบการณืเลย ก่อนที่จะเตรียมการเดินทาง ควรตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมทั้งความพร้อมของสิ่งของของเรา เช่น รองเท้า เราซื้อรองเท้าจากตลาดมือสอง ด้วยความที่เห็นมันใหม่เลยไม่ได้เช็คสภาพ วันเดินทาง แต่งตัวประหนึ่งว่าเดินแคทวอก พื้นรองเท้าหลุดค่ะ นึกภาพว่าผู้โดยสารเยอะ เราก็เดินสวย แต่พื้นรองเท้าดีดๆ ฮ่าาา
ซึ่งมันหลุดช่วงผ่านต.ม.เข้ามาด้านในแล้ว ออกไม่ได้ เลือกเวลาหลุดได้เหมาะเจาะมาก
ลืมไปว่าเราย้ายสถานีแล้วด้วย ออกข้างนอกไม่ได้เหมือนตอนที่อยู่ดอนเมือง โฮวว วิ่งหาคนช่วยไม่มีใคร รู้สึกอโลนมากก อายมาก อีกอย่างใกล้ถึงเวลาเรียกขึ้นเครื่องแล้ว โอ๊ยย นี่วันอะไรเนี่ยยย….
ใช้เวลาบินประมาณสองชั่่วโมง ข้าวที่กินช่วงเที่ยงเริ่มย่อยหมด อาหารก็ไม่ได้สั่งไว้ ก็ต้องซื้อบนเครื่องค่ะ จองอาหารผ่านเว็บล่วงหน้าถูกกว่า เราพลาด คิดว่าคงกินที่สนามบินเสร็จสรรพแล้ว สรุปไม่ได้กิน เพราะง่วนกับการหากาวตราช้างอยู่ ฮ่าาา T^T ลองเปลี่ยนบรรยากาศกินข้าวบนฟ้า นั่งคนเดียว มองออกนอกหน้าต่าง เหงานิดนึง เพราะไม่มีเพื่อนเม้าท์ รอบข้างมีแต่เก้าอี้ว่างเปล่า ฮ่าาาา
และเมื่อถึงสนามบิน CHEK LAP KOK ไม่มีเวลาได้ถ่ายรูปค่ะ เพราะต้องหาทางติดต่อกับเพื่อนชะนีทั้งสองนางให้ได้ เพราะนางมาถึงก่อนแล้ว นางรอเราที่สนามบิน เพราะเราจะไม่ทิ้งกัน พอถึงสนามบินแล้ว สะดวกสบายมากขอบอก มี WIFI ให้เล่นฟรีด้วย 20 นาทีมั้ง อันดับแรก โทรหาเพื่อนทั้งสองว่ามาถึงแล้ว นัดเจอกันตรงสายพานรับกระเป๋าหมายเลข... Short Conversation พอ...พอเสร็จก็โทรหาที่บ้านว่ามาถึงแล้วโดยสวัสดิภาพ โทรหาเพื่อนชายว่าถึงแล้วเดี๋ยวทางบ้านและเค้าเป็นห่วง (มโนเอง
ผ่าน ต.ม. เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แอบหวั่นๆ นิดๆนะ เพราะว่ากลัวโดนส่งกลับจัง ด้วยลุคของเรา เราไม่ได้แต่งตัวเต็มนะ
ธรรมดาๆ แต่สีผมเนี่ยสิ ได้ยินเสียงเล่าลือว่า ต.ม. ที่นี่ดุเหมือนกัน แต่ก็ใจดีสู้เสือนะ
เพราะเราลืมเขียนโรงแรมที่พักไว้ในใบอิม ต.ม. เลยถามเยอะว่า มากับใคร คนข้างหลังรึเปล่า
ภาษาอังกฤษสำเนียงเค้าฟังยากจังแหะ บางคำไม่รู้เรื่องเลย
อยู่กี่วัน พักที่ไหน ทำไมไม่เขียนที่พักในนี้ ถามต่อว่ามากับใคร มากับเพื่อนค่ะ แล้วเพื่อนอยู่ไหน เพื่อนรออยู่ข้างใน ตรงเบลหมายเลข..ค่ะ (ตื่นเต้นอ่า บอกหมดเลย แย่จัง ฮ่าาา กัวไม่ได้เข้าเมือง) แล้วเค้าก็เงียบ แล้วก็ยื่นพาสสปอร์ตคืนให้ เย้ คุณผ่านเข้าบ้านอเคเดมี่ค่ะ เชิญค่ะ
เวลาใกล้มืด โพล้เพล้ ยิ่งเหงา ไม่มีเพื่อนคุย เล่นไลน์ก็ไม่ได้ เน็ตเกมส์แคนดี้ ครัช คุ๊กกี้รันก็ไม่ได้ งืดดด
พอมาถึงเจอเพื่อน เพื่อนและเราดีใจมากเพราะเพื่อนกลัวเราหาไม่เจอ เพราะเราเดินทางคนเดียว เราก็ถามเพื่อนว่าโดน ต.ม. ถามอะไรบ้างมั้ย เพื่อนบอกไม่เห็นโดนอะไรเลย อ๊าววว เราโดนเยอะเลย โชคดีจังง ฮ่าา
เราก็ออกจากสนามบิน หาเคาเตอร์ขายบัตร Airport Express มีพนง.มาอธิบายว่าบัตรไหนคืออะไร แล้วเราก็ถกกันแป๊บนึงว่าจะเลือกบัตรประเภทไหน แล้วเราก็ได้บัตรตัวนี้มา เป็นบัตรราคา 300 ดอลล่าฮ่องกง หรือประมาณ 1245 บาท สามารถใช้ Airport express ได้ทั้งไปกลับ และสามารถใช้บริการรถไฟฟ้าได้ 3 วันไม่จำกัดเที่ยว และยังสามารถใช้เป็นบัตร Octopus เพื่อซื้อของตามเซเว่น หรือร้านค้าต่างๆ ได้เลย แต่ต้องเติมเงินในบัตรซะก่อนนะ เพราะราคา 1245 รวมแค่ค่า Transportation อย่างเดียวจ๊าา อ้ออ.. ส่วนบัตรนี้พอถึงวันกลับถ้าคืนบัตรได้รับเงินคืน 50 ดอลล่าฮ่องกง หรือประมาณสองร้อยกว่าๆ ค๊าา ปล. ลืมคืนน T^T
เดินออกมาจาก Terminal เราต้องนั่งรถไฟฟ้าเพื่อจะไป สถานี Airport Express ไปต่อรถบัสไปลงที่โรงแรมของเรา
พอเรามาถึง สถานี Airport Express มาตามป้าย ของเรา ต้องมารอ K4 จุดหมายของเราคือ โรงแรม BP International Hotel รถบินิบัสที่มารับเรา ซิ่งมากกกกกกก ย้ำ ซิ่งมากกกกกก ซิ่งจนกระเป๋าตกจากที่วางกระเป๋า แล้วมันก็ไม่แคร์ ซิ่งต่อ หยั่งกะเดอะฟาส ขามาครอบครัวคนไทย มีเด็กเล็กมาด้วย มีรถเข็นเด็ก กระเป๋านม สงสารเค้าจังงง พอถึงโรงแรมมินิบัสก็เบรคหัวปัก ย้ำหัวปัก ค่ะ ชะนีตัวน้อยๆ สามคนก็ต้องช่วยกันหอบเป๋าใบเท่าบ้านออกจากรถบัสแคบๆ ไม่มีใครมาช่วยนะ คนขับรถก็มองแบบ เรื่องของยู ค่าา !!! หอบเสร็จไม่รอให้เราตั้งตัว ออกรถไปแล้ว ฮะ! เดอะฟาสจริงๆ สงสัยลูกเมียรอกินข้าวอยู่บ้าน หมาคลอดลูก รีบเอาขยะที่บ้านไปทิ้ง เดี๋ยวเมียด่า บลาๆ ช่างเถอะ มาเที่ยวๆนะ อย่าอารมณ์เสียย
เราก็มองหาตั้งนานว่าโรงแรมเราอยู่ไหน คือดูจากในเน็ต โรงแรมมันเป็นแบบนี้
Credit: จาก http://www.hongkongpackage.net/
ไอ้เราก็หาซุ้มประตูแบบนี้ไม่เจอ ข้อมูลโรงแรมเรามีแค่นี้ ซุ้มประตูนี้ ตามรูปด้านบน โรงแรมต้องเป็นแบบนี้ ฮ่าๆๆๆ เดินย้อนออกมาก็เจอแยก และเจอแต่โรงแรมที่ทางเข้าไฮโซเวอร์ ฉันพักแค่สามดาวนะ หลงแน่ๆ นี่ก็ปาไปสามทุ่มแล้ว
โรงแรมอลังกว่าที่เราคิดแฮะ !!!
เพื่อนฟิน นางขอถ่ายรูปกับซุ้มประตูชัยโรงแรมหน่อย วันนี้เข้าพักมีจัดงานแต่งด้วย โรงแรมนี้เหมือนเป็นศูนย์ลูกเสือของฮ่องกงด้วยอ่ะ จำรูปพ่อใหญ่หนวดขาวๆได้ตอนไปร่วมชุมนุมลูกเสือโลก แต่จำชื่อไม่ได้ละ โรงแรมประทับใจเฟอร์ ผิดคาดแฮะ จากนั้นเรารีบไปเช็คอิน แล้วเอาของไปไว้บนห้อง โรงแรมนี้เลือกชั้นที่สูบบุหรี่กับไม่สูบบุหรี่ได้ด้วย เคยหลงเข้าชั้นที่สูบบุหรี่ กลิ่นหึ่งเชียว
โรมแรมโอเคเลยอ่าาาาา หารกันตกวันละพัน โอเค เอาความปลอดภัยและการพักผ่อนดีกว่า ถ้าเราได้ที่พักผ่อนไม่ดีเดี๋ยวตอนเที่ยวจะไม่สนุกและป่วยเอา เปิดประตูห้อง เสียงชะนีสามนางดังมาก กรี๊ดห้อง รื้อผ้าห่ม จนลืมว่าขอถ่ายรูปก่อนนน !! ห้องโอเคมากกก ไม่แคบ กำลังดี.. ทางเข้าด้านข้างเป็นที่ไว้รองเท้า ตรงข้ามเป็นตู้เสื้อผ้า ประตูตู้เสื้อผ้าเป็นกระจก เช็คการแต่งกาย ตื่นเต้น คือตอนแรกเพื่อนขอเตียงเดี่ยวแล้วนอนอัดกัน แต่ได้เป็นเตียงคู่มา เราไม่ซีเรียส ซ้อมนอนก่อน ดูดินอนได้มั้ย ฮ่าาาา มุมที่เพื่อนยืนแม่บ้านเอาเตียงมาต่อ ที่ข้างๆ โต๊ะข้างเตียงเลยดูว่าง วางกระเป๋าได้เลยย
ห้องน้ำเปิดประตูจะเจอโถตรงกลางระหว่างอ่างล้างหน้ากับห้องอาบน้ำ โอเคนะ ไม่แคบไป ข้างนอกมีมินิบาร์ด้วย
เดี๋ยวมาต่อนะ... ขอแวะไปกินข้าวก่อนนน ฮี่ๆๆ....
Discussion (15)
ประสบกาณ์ : ไปไหนมาไหนต้องพกถุงนะ หญิงไทย ถุงที่หมายถือถุงหูหิ้วไว้ใส่ของค่ะ
เดินไปเรื่อยๆ เจอร้านขนมเค้กน่ารักมากกกกกที่สถานีรถไฟฟ้า และก็ไม่วาย ซื้อหนมเค้กกลับไปกินห้อง
ขอต่อพรุ่งนี้น๊าา ไม่ไหวแล้ว ตาจะปิด... เดี๋ยวมาต่อพรุ่งนี้นะคะ
เมื่อพักผ่อนเต็มที่ 17.30 น. ออกเดินทางไปดูสถานที่เป็น Unique of HONGKONG ใครไม่มาถือว่ามาไม่ถึงฮ่องกงนะ นั่นก็คือ Victory Harbor !!!! ใช่ค่ะ วิธีเดิมที่เราใช้ในการเดินทางคือ รถไฟฟ้า ต้องใช้บัตรให้คุ้มนะ เพราะไม่จำกัดจำนวนเที่ยว ฮี่ๆ คราวนี้เราลงสถานี Tsim Sha Sui กันนน.. คราวนี้ก่อนออกมาเราพอจะทราบอุณหภูมิแล้วว่ามันเริ่มเย็นลง อีกอย่าง เราจะไป Victory Harbor ลมต้องแรง อากาศหนาวมาแน่ๆ เพราะอยู่ใกล้น้ำ เสื้อผ้าที่ใส่เมื่อเช้าไม่อุ่นพอ ขอยืมผ้าพันคือเพื่อน เอาแบบอุ่นๆ เดี๋ยวไม่สบาย และก็ตามคาดค่ะ หนาวมากกกก ><
พอมาถึงสถานี Tsim Sha Sui เรามองหาป้ายคำว่า Avenue of star แล้วก็ตามป้ายเลยค่ะ
จุดหมายของเราอยู่ทางออก J
เดินมาซักพัก ทางออก J มีซอยย่อย J1 J2 จุดหมายของเราคือ ทางออก J2 ค่ะ
เดินออกมาจากทางออก เราจะเจอโรงแรม Continental ด้านซ้าย .. แล้วทางไป Avenue of star ไปทางไหนเนี่ยยย ???
เราเลยโรงแรมมานิดนึง แล้วขอเช็คอีกรอบว่า จุดหมายเราอยู่ตรงไหน แว๊บนึงเหลือบไปเห็นเหมือนน้ำทะเล เฮ้ยย มันใช่ป่าววะแกๆๆๆ ลองเดินไปดู ปรากฏใช้จริงๆด้วยยย !!! ทางเดินไม่เห็นจะเด่นเตะตาเลยอ่าา ใครจะไปรู้เนี่ยยย เดินเลียบไปตามทางเดินข้างรั้วโรงแรม และแล้ววว.... แทแด๊ !! นางคนนั้น มีฟิล์มพันตัว ใช่ๆๆ ที่นี่แหละ AVENUE OF STAR !!!!!
ลมแรงมากก หนาวสะท้าน แต่ตอนนั้นอารมณ์ตื่นตาตื่นใจมันเยอะกว่า สวยเหมือนในหนังเลย มีสำเภาจีนกางใบแดงๆ ล่องมาตามน้ำ สวยมากกกก ปลื้มมมมมม
เห็นว่าการแสดง Symphony Of light จะเริ่มตอน 20.00 เรากะว่าจะรอดู อยากเห็นซักครั้ง ตอนนั้นเราไปถึงประมาณหกโมงกว่า แต่ ณ เวลานั้นเวลาเดินช้ามาก เพราะอากาศหนาว ที่โล่งๆ ลมแรงๆ ยิ่งทำให้พวกเราอยู่ยากขึ้น จนต้องหาอะไร...ทำ... ฮ่าๆๆ เดินดูวิวเรื่อยๆ ก็เจอร้านขายปลาหมึกสดย่าง เห่ยย อากาศหนาวๆ ลองของร้อนๆ เผื่ออุ่นขึ้นมาบ้าง ....... รับมา จ่ายเงิน เข้าปาก ไม่ได้ช่วยเลย นี่ขนาดเพิ่งออกมาจากเตา อุ่นเกือบเย็นซะและ ไรแว๊ โถววววว แล้วพวกหนูจะอยู่ได้อย่างไร
ระดับความอร่อย ถือว่าโอเค เบนซ์ให้ผ่านค่ะ !
ยิ่งมืดยิ่งสวย แล้วตอนนี้เปนเวลาที่ถ่ายรูปยากมาก เพราะถ่ายกล่อง DSLR ไม่ค่อยถนัด หงุดหงิดมาก เพราะไม่ได้รูปสวยเท่าที่ตาเห็น พอมีพื้นฐานมาบ้าง ลองปรับโน่นนี่ บ้างก็ชัด ไม่ชัด โอเวอร์ เบลอเพราะไม่มีขาตั้งกล้อง ตอนถ่ายวางกับพื้นแทนการใช้ขาตั้งละกัน เหอๆๆ รูปจึงได้ออกมาแค่นี้แล เห็นว่ามีฮ้าน เอ่อ..โทษทีค่ะ ภาษาไทยเรียกว่าเวที มันคือเวทีอาราย ? ด้วยความอยากรู้ ส่งเพื่อนไปถาม ฮ่าาาาาา ได้ความมาว่า อ่อมันคือเวทีร้องเพลงที่นักร้องจะมาร้องตอนช่วง 20.00 พร้อมๆกับ SOL นั้นเองงง ตอนแรก ใกล้เวลาคนเริ่มจับจองที่นั่ง ไอ้เราก็ไม่ได้สนใจทั้งเพลงทั้งเพื่อน ง่วนแต่กับกล้อง อยากได้รูปสวยๆมาเขียนรีวิว
ปรากฏเพื่อนหายยย !!! กรี๊ดด ชะนีสองตนหายไปไหน หันซ้ายหันขวา ได้ยินเสียงปู๊กกก !! ดังลั่น พวกนางไปหลบลมหนาวใต้อาคาร พอเดินไปถึง พวกนางออกความเห็นว่า รอดู SOL ไม่ไหวแล้ว นางหนาว เราว่าเราเปลี่ยนเป็นไปเดินเล่น ไปชิม Sweet Dynasty กันป๊าา ฉันก็โอเค !! แต่ใจอยากถ่ายรูปต่อ มันไม่ถึงอ่าาา ฮ่าาา
เพราะพวกเราไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนต่อดี เลยคิดถึงร้าน Sweet Dynasty กันมั้ย พยายามหาทางไปทางออก A1 แต่เราหาไม่เจอค่ะ ฮ่าาาาา
และพวกเราหลงทางด้วยค่ะ เนื่องจากสถานีรถไฟมันค่อนข้างใหญ่ มีหลายช่องทางไปได้หลายที่เหลือเกิน พยายามที่จะไปทางออก A ดันมาโผล่ ทางออก N ซะงั้น วนอยู่ในสถานนีก็นาน เหนื่อยก็เหนื่อย เวลาเริ่มค่ำประมาณเกือบสองทุ่มสามทุ่มกว่าได้ เราจึงเปลี่ยนแผนว่า ไม่ไปดีกว่า งั้นเปลี่ยนแผน เปิดคู่มือ ดูว่าที่ตรงไหนน่าไปอีกบ้าง ตอนนี้เราอยู่ใกล้ ถนน Cameron มีแหล่งช๊อบปิ้งเยอะเลย ไปลองดูกันมั้ย ?? ลองไปทางออก B2 ก็จะเจอเป็นเหมือนแหล่งช๊อปปิ้ง เป็นล๊อกๆเลย เยอะมากก แต่คนไม่ค่อยเยอะ แบบว่าไม่แน่นจนเกินไปน่ะคะ เป็นเพราะดึกแล้วด้วยมั้ง เราก็เดินๆ เพราะอยากรู้ว่ามีอะไรแถวนี้บ้าง
"คราวนี้ มีเหตุการณ์ที่แอบตกใจนิดนึง เพราะเดินๆ อยู่ จู่ๆ มีวัยรุ่นฝรั่งคนนึง หน้าตาเมาๆ สักลายเต็มตัว หยั่งกะ จิม คลาส ฮีโร่ เลย เดินมาประกบปุ๊ก แล้วทักว่า " ยู..นี่เดินระวังหน่อยสิ ! แล้วปุ๊กก็หันไปมอง นางถามอีกว่า ยูชื่อะไรน่ะ อยู่มาจากไหน เราก็บอกมาจากไทยแลนด์ แดนอิสาน" ถามตอบกลับด้วยว่า ทำไมหรอ ?
นางก็พูดเปล่า ไม่มีอะไร แค่อยากจะคุยด้วย แล้วคุณชอบอะไร หมายถึงงานอดิเรกอ่ะ ชอบถ่ายรูปหรอ เห็นถือกล้อง คุณมีงาน บลาๆๆๆๆๆๆๆๆ จนเราตัดบทว่า "ขอโทษนะ ไม่สะดวกคุย ฉันจะไปเดินกับเพื่อนฉันละ บ๊าย " แล้วก็ใส่เกียร์หมาวิ่งหนี ไม่รู้แหละ เราว่าเราเป็นผู้หญิง ถ้ามีแบบนี้เราคิดในแง่ร้ายไว้ก่อน ผู้ชาย ไว้ใจไม่ได้ ฮึ ! แต่ตอนที่เดินออกมา เพื่อนบอกมันแอบตามอยู่ เราเลยรีบเดินไปหาที่ที่คนเยอะๆ เผื่อจะหลบหลีกได้บ้าง เค้ากลัวนะ เดินๆ จนลืมเรื่องนี้เพราะเป้าหมายของเราคือการหา ไบโอเดอร์ม่านั่นเอง หาตั้งแต่วันมาถึง ซาซ่าเค้าบอกว่าของหมด เดินหาซาซ่าทั่วถนน Cameron บอกของหมด แอบเสียใจคงไม่ได้มันกลับบ้านแน่ๆ เราเลยต้องหยุดซักร้าน เพื่อที่จะหาของ เพื่อนเราก็หิว เพื่อนเราเลยบอกเพื่อนอีกคนว่า งั้นเราเข้าไปในซอยข้างๆ นี้นะ หาของกินรอท้องก่อน เพื่อนอีกคนเลยเข้ามาอยู่ในร้านเป็นเพื่อนปุ๊ก เลือกอยู่นานไม่ได้ของ ต้องเดินไปหานางที่กำลังโซ๊ยลูกชิ้น และดูสีหน้านางเหมือนไม่ค่อยแฮปปี้ !!
มันคืออะไร ? ลูกชิ้นในน้ำซุปพริก ? ไหนลองชิมสิ พอชิมเท่านั้นแหละ นี่มันอะไรเนี่ยย ลิ้นชา เผ็ดร้อนไปหมด มันไม่ใช่เผ็ดแล้ว หันไปถามอาเฮียเจ้าของร้าน อาเฮียๆ อันนี้ เฮิ่นล้า (เผ็ดมาก) ในร้านแล้วใช่ป่าว ? เฮียบอก ใช่ๆ ที่สุดของร้านแล้ว พระเจ้า ... มันไม่ใช่เผ็ดแบบส้มตำพริกยี่สิบเม็ด คือถ้าแบบนั้นสู้ตาย แต่นี้ มันทำให้ลิ้นชาเหมือนเอา ผงชูรส กับพริกไทยผสมกันระดับแมกซ์ !!!! โอ๊ย จะถ่มน้ำลายก็ไม่ได้เดี๋ยวโดนปรับ ต้องถ่มใส่ทิชชู่แล้วรีบดื่มน้ำ กินเหลือด้วย เลยต้องทิ้ง ก่อนทิ้ง บอกเฮียก่อนว่า เฮียมันอร่อยนะ แต่หนูทนความเผ็ดมันไม่ไหว ขอทิ้งนะ เดี๋ยวแกน้อยใจ ดูจากสีหน้าสิ >< คือ เห็นหน้าร้านมีรูปดาราซื้อที่ร้านเฮียตรึมเลย เลยคิดว่าร้านที่ต้องป๊อบน่าดู โฆษณาชวนเชื่ออ่าาาาาา
ด้วยความที่เหนื่อยล้า งั้นเรากลับห้องกันเถอะ กลับทางเดิม แล้วก็หลงอีกแล้วค่ะ เดินวนๆ เพื่อหาทางกลับทางเดิม ทางเป็นแยกๆ บล๊อกๆ เหมือนกันหมดเลย คราวนี้เดินไปใจกลางที่เป็นห้าง ชื่อ The one แล้วหยุดอยู่แป๊บนึง เพราะเมื่อกี้ใช้สัญชาติญาณแล้วมันพลาด เลยขอตั้งสติ กางแผนที่ ลองเปิด WIFI Free ดู สรุปเปิดไม่ได้ รวบรวมความจำว่า ตอนที่เราขึ้นมาจากใต้ดิน เราเจออะไรบ้าง ? wifi ใช้ไม่ได้ งั้นต้องเพิ่งระบบ Manual อย่างแผนที่คู่ชีพของเรา
จนในที่สุด พอเราถกกันได้ข้อสรุปว่า ว่าควรจะไปทางไหน สุดท้าย เราก็เจอเส้นชัย คือที่เดิมที่เราออกมานั่นเอง จากนั้นก็ ....กลับๆๆๆๆๆ ไม่ไปไหนแล้วเหนื่อยๆๆๆๆมากก ไปใต้ดินแล้วนั่งกลับ JORDAN เลย ก่อนกลับขอแชะซักหน่อย
ระหว่างขึ้นรถไฟกลับ รถไฟก็เหมือนบ้านเราค่ะ ช่วงดึกๆ คนยังหนาแน่น หยั่งกะสถานีสยามแหนะ แล้วจู่ๆ ได้ยินเสียเด็กคนนึงหันมาถามเพื่อนปุ๊กเป็นภาษาจีน พร้อมโชว์บัตรอะไรไม่รู้ น้องบอกว่า น้องได้มาจากที่สนามบิน พี่ๆรู้มั้ยว่าโชว์นี้อยู่ที่ไหน แล้วนางก็พล่ามมมม บลาๆ เล่นเอาพวกเราฮาาา ในความน่ารักของน้องเค้า จนปุ๊กต้องบอกว่า ขอถ่ายรูปหน่อยนะ น้องบอกไม่ได้ หนูยังไม่สวยเลยนะ ไม่เอาๆๆ ฮาาาาาาาาาาา
ก่อนถึงที่พัก แวะซาซ่าอีกซักรอบ ถามอีกซักที ว่ามีไบโอเดอร์ม่ามั้ย แล้วก็ได้คำตอบเดิม เพลียย จะเปลี่ยนใจลองเจ้า บีฟาส ขวดนั้นอยู่แล้ววววว แต่เดี๋ยวขอหาข้อมูลก่อนกลัวแพ้จังง เหอๆๆ และแล้วเราก็กลับมาถึงที่พัก ขอฝากท้องไว้กับร้านอาหารสีเหลืองหน้าโรงแรมที่ชื่อ CAFE DE CORAL ค่ะ น่ากินมั้ยยยยย
หมดเรี่ยวแรง สำหรับการผจญภัย หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนค่ะ
สำรับกระทู้หน้าเราจะพาไปเที่ยวมาเก๊า แบบฟรีๆ ไม่เสียตังค์ (ค่าเดินทาง) ฮาๆๆ และแหล่งช๊อปปิ้ง เลดี้มาเก็ต (ม่องก๊ก) กาน และสุดท้ายกับการกลับบ้านที่มีอุปสรรคที่ต้องจดจำไปอีกนานสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ อย่าลืมติดตามน๊าา บ๊ายบายยย....