KUSUMA's Review: RIMMEL LONDON ไหนว่าดี ขอลองหน่อย

>> RIMMEL LONDON <<
                                   สวัสดีค๊า สาวๆจีบัน ในที่สุดก็ถึงเวลาของ RIMMEL จากลอนดอน ซะที วันนี้มารีวิวไอเท็มของ RIMMEL ที่ไปช๊อบตอนไปทำงานที่ยุโรปมาค่ะ ถึงราคาจะไม่ถูกสุดๆ แต่ก็ขอแอบซื้อมาลองหน่อย เพราะว่าที่ไทยไม่มีสินะ บางตัวก็ลดอยู่ในช่วงนั้น บางตัวก็ออกมาใหม่ ทั้งหมดที่ซื้อมาของ RIMMEL เราซื้อใน Matas (เป็นเหมือนร้านขายยา หรือ watson บ้านเราค่ะ) ตอนที่เราซื้อเราจ่ายเป็นเงินเดนมาร์กเลยจำราคาไม่ค่อยได้ เพราะฉะนั้น เราจะไม่ขอแจ้งราคาแล้วกันนะค่ะ ถ้าจำไม่ผิดแต่ละชิ้นจะอยู่ที่ 300-500 บาทไทยค่ะ
ไปดูกันเลยว่าเราได้อะไรมาบ้าง....


ทั้งหมดของ RIMMEL ก็ 10 ชิ้นค่ะ มีทั้งคอนเลชั่นเก่าและใหม่ปนๆกันไป มาเริ่มที่ตัวแรกกันเลย
ขอเริ่มที่บรอนเซอร์ก่อนดีกว่าเน๊อะ

ตัวแรกเป็นบรอนเซอร์ รุ่น SHIMMERING MAXI BRONZER
มีด้วยกัน 2 สี คือ 001 SUN KISS และ 002 SUN LOVE


สี Sun Kiss จะออกน้ำตาลเฉดส้มๆแดงๆ
 

ส่วนสี Sun Love จะเอาน้ำตาลเฉดชมพู

รุ่นนี้ตลับเท่าฝ่ามือค่ะ ถือว่าได้มาในปริมาณที่เยอะอยู่เหมือนกัน
น้ำหนัก 17 กรัม
และตัวนี้สามารถใช้ได้ทั้งหน้า และตัวเลยทีเดียว เพื่อทำให้ทั้งหน้าและตัวของเราดู Glow สุขภาพดีว่างั้นเถอะ
จะเห็นว่ารุ่นนี้เขาจะมีชิมเมอร์สีทองโรยด้านบนให้ดูเหมือนเป็นพื้นทราย (อันนี้คิดเอาเองค่ะ ว่ามันคือพื้นทราย 555+)
เห็นแล้วสะดุดตาเลยทีเดียวค่ะ อ่อแต่เจ้าชิมเมอร์สีทองนี้ มีแต่เฉพาะด้านบนเฉยๆนะคะ ใช้ครั้งแรกก็หายไปแล้ว
(จากรูป #002)
เนื้อบรอนเซอร์เป็นเนื้อแมทค่ะ ทั้ง 2 เบอร์เลย
มี 2 เฉด เราตัดสินใจไม่ถูก บวกกับมันลดราคาอยู่ด้วยเลยเอามา 2 อันเลย
มาดูกันว่าทาแล้วสีออกมาเป็นอย่างไร


ถ้าแยกกันดู ต้องบอกว่ามันสีเดียวกันแน่ๆเลย 555+ แต่จริงๆแล้วมันคนละเฉดกันนะ แฮ่ๆ จริงๆแล้วเราเป็นคนบ้าบรอนเซอร์ ก็เลยซื้อมันแบบนี้ พอปัดลงบนผิวจะเห็นว่า สีก็ยังต่างกันอยู่นะ (ต้องขอโทษด้วย เนื่องจากเราผิวค่อนข้างเข้ม เลยทำให้ไม่ค่อยเห็นความแตกต่างของสีบรอนเซอร์เท่าไร) แต่จากความรู้สึกของเรา เราว่าเราใช้ได้ทั้ง 2 สี เลย แต่ถ้าคนผิวขาวหน่อยน่าจะใช้สี Sun Love ได้ดีกว่าจะได้ไม่ดูโดดจากผิวเยอะเกินไป
และยังทำให้ดูกลมกลืนเวลาปัดบลัชออนด้วย
เนื้อรุ่นนี้เป็นเนื้อแมทที่เนียนละเอียด และสีติดดีค่ะ เราชอบนะ เนื้อเนียนนุ่มน่าใช้มาก
สรุปว่าไม่ผิดหวังที่เอามา 2 สีเลย

ตัวถัดไป ก็ยังเป็นบรอนเซอร์อยู่ค่ะ
แต่เป็นตัวใหม่ที่พึ่งออกมาให้ช่วงปลายปีที่แล้วค่ะ
ชื่อรุ่น 3 IN 1 SHIMMERING BRONZER
มีอยู่ 2 สี คือ 001 GLOD PRINCESS และ 002 BRONZE GODDESS

สี 001 GLOD PRINCESS เป็นสีอ่อน

ก็ตามชื่อรุ่นเลย คือมี 3 สีในหนึ่งตลับและเป็นเนื้อชิมเมอร์ละเอียด เหมือนกันทั้ง 3 สี สามารถเลือกปัดแค่สีเดียวได้ หรือจะปัดรวมทั้ง 3 สีก็จะได้เป็นอีกสีนึง


สี 002 BRONZE GODDESS เฉดสีเข้มขึ้นมา

สำหรับเบอร์นี้เรา คิดว่าถ้าปัดรวมกัน 3 สีอาจจะได้สีเข้มเกินไปสำหรับการปัดเป็นไฮไลท์ หรือการทำคอนทัวร์ก็ดูไม่ค่อยจะเหมาะเท่าไรเป็นเนื้อชิมเมอร์ที่เงาเกินไป แต่น่าจะเอาไปทำอายชาโดว์ได้ดีทีเดียว


สำหรับบรอนเซอร์รุ่นนี้เรายังไม่เคยลองปัดจริงๆจังๆ แต่จากที่ลองเล่นเนื้อดู เนื้อนิ่มละเอียดมากค่ะ และสีก็ติดดี สำหรับเราสามารถใช้ได้ทั้งไฮไลท์ปัดเฉพาะจุด หรือปัดทั่วๆหน้าให้ดู Glow และเอามาทาตาเป็นอายชาโดว์ได้ด้วย
รุ่นนี้น้ำหนักอยู่ที่ 9.9 กรัม จะขนาดเล็กกว่ารุ่นแรกนิดหน่อยค่ะ
สรุปก็คือ เนื้อดี แต่อาจจะดูใช้ยากไปสักนิด เพราะความที่เป็นชิมเมอร์เนื้อวาว
เวลาปัดก็ต้องเบามือ ปัดแต่น้อยก่อนค่ะ

ตัวที่สาม เป็นบลัชออนค่ะ
ชื่อว่า MATCH PERFECTION BLUSH
สี 002 LIGHT/MEDIUM


เขาบอกว่าเป็นการรวมกันของ 3 สีที่สมบูรณ์แบบมากๆ เป็นบลัชออนนะค่ะ ที่มี 3 สี ไล่จากอ่อนไปเข้มในตลับเดียวกันนั้นเองค่ะ ^ ^
น้ำหนัก 15 กรัม ขนาดประมาณฝ่ามือค่ะ


เป็นบลัชออนเนื้อ Powder คือเนื้อจะดูเป็นฝุ่นๆ ก้อนๆ หน่อยน่ะค่ะ
จะเห็นชัดตอนใช้แป้งปัดค่ะ


ซึ่งรู้สึกว่าถ้าเนื้อเป็นฝุ่นออกมาแบบนี้ ก็จะดูเปลื้องมาก เพราะแปรงจิกเนื้อขึ้นมาได้เยอะแต่สีปัดไม่ค่อยติดเลยค่ะ ส่วนตัวรู้สึกว่าสีติดผิวเรายากไปหน่อย ต้องปัดซ้ำหลายๆรอบถึงจะเริ่มเห็นสี
แล้วก็รู้สึกไม่ค่อยชอบที่มี Fall out เยอะขนาดนี้ค่ะ
แต่สีที่ปัดออกมา (หลายๆครั้ง) จะได้ลุคเงาๆ สวยดีเหมือนกันนะคะ
เพราะเนื้อของบลัชออนรุ่นนี้จะมีเหมือนชิมเมอร์เล็กๆผสมอยู่ด้วยค่ะ แต่ไม่มากเลยทำให้ได้ลุคผิววาวๆ กำลังดีค่ะ
แต่เพคเกจดูกระป๋องไปหน่อยเน๊อะ ฝาปิดไม่ค่อยแน่นด้วย
สรุป ไม่ค่อยปลื้มเท่าไรกับเนื้อผลิตภัณฑ์

ตัวที่สี่ ชื่อว่า STAY BLUSHED! เป็น Liquid Cheek Tint ค่ะ
สี 004 SUNKISSED CHERRY


เป็นครีมบลัชออกใหม่ช่วงนั้นค่ะ รู้สึกว่ารุ่นนี้จะมีทั้งหมด 4 สี เราก็เลยเลือกสีกันตายมาค่ะ
ส้ม coral เหมาะกะสาวผิวสองสีแบบเรา เนื้อดีมากๆค่ะ นิ่ม ลื่น เกลียง่าย สีชัดไม่ต้องใช้เยอะ
มีเวลาให้เราได้เกลีย ไม่แห้งเร็วเกินไปค่ะ สีหวานน่ารักมาก ปลื้มๆ แต่หลอดเล็กไปนิดนะ ว่าม่ะ
ขนาด 14  ml ค่ะ
(ราคาน่าจะประมาณ 300-400 บาทไทย)

ตัวสุดท้าย แนวนอนค่ะ Lipstick นั้นเอง 55555+ (มีปากเดียว แต่ซื้อเป็นร้อยแท่ง)
ได้มา 4 แท่ง 2 รุ่นค่ะ (รุ่นใหม่ 2 แท่ง และ เก่า 2 แท่ง)




2 แท่งซ้ายมือที่เขียนว่า Kate เป็นรุ่นใหม่ค่ะ เป็นโทนนู๊ดทั้งคู่ และ 2 แท่งด้านขวาเป็นรุ่นเก่าที่ลดราคาอยู่ค่ะ พอดีกำลังตามหาสีแดงโดนๆอยู่ ก็เลยได้แดงนี้มาหนึ่งค่ะ กับชมพูตุ๊กตามาหนึ่งค่ะ
มาดูเนื้อ ดูสีกัน


สีนู๊ดเบอร์ 07 และ 03 สีสวยทั้งคู่ เนื้อเป็นเนื้อครีมมี่ค่ะ เม็ดสีแน่นปัดทีเดียวเม็ดสีชัดดี ชอบค่ะ
แต่เรื่องติดทนยังไม่แน่ใจ ขอลองเต็มๆก่อนนะคะ
ส่วนเบอร์ 166 และ 006 เม็ดสีใช้ได้ค่ะ ปาด 2 ทีอยู่ติดดีเหมือนกันค่ะ
แต่หนึ่งอย่างที่เราไม่ชอบลิปสติกของ RIMMEL คือ มันมีกลิ่นหอมๆหวานๆ อ่อนๆอยู่ค่ะ คือบางคนอาจชอบ แต่เราได้กลิ่นแบบนี้แล้วเราจะเวียนหัวน่ะ หรืออาจจะยังไม่ชิน 555+ ไม่แน่ใจ ถ้าเป็นกลิ่นกาแฟ ช๊อคโกแลต ไปเลยน่าจะดีกว่า 
ส่วนแพคเกจรุ่น Kate ดูดีกว่าค่ะ เป็นสีดำเรียบๆ ด้านๆ ไปเลย

ทั้งหมดนี้ ก็เป็นไอเท็มทั้งหมดของ RIMMEL ที่เราได้มานะคะ เห็นเขาพูดกันว่าเป็นแบรนด์ที่ถูกและดีจากเกาะอังกฤษ เราก็เลยลองซื้อมาลองบ้าง บางชิ้นก็ดีจริง บางชิ้นก็ยังไม่โอเคสำหรับเรา
เพราะฉะนั้น ถ้าจะให้ดีก่อนจะเสียเงินซื้อ ก็ต้องลองให้รู้ว่าดีกับเรานะคะสาวๆ
ปล. แบรนด์นี้บ้านเรายังไม่มี ก่อนจะซื้อ ก่อนจะพรีออเดอร์ เช็คราคาจริง และดูว่าสมเหตุ สมผลรึป่าวก่อนนะคะ ^ ^
ของบางอย่าง ดีๆ ราคาถูกในบ้านเราก็มีเยอะค่ะ

ข้อมูลอาจจะไม่แน่นเหมือนมาจากแบรนด์นะคะ ทั้งหมดมาจากความรู้สึกจากการใช้ การลองของเราเอง
เป็นรีวิวที่ยาวมากๆ ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตามมาจนจบนะคะ

บ๊าบ บาย
เจอกันรีวิวหน้าค่ะ กับ Kusuma Makeup Lover
(มีอีกหลายตัวจากทริปนี้)

 

Discussion (5)

ถ้าในไทย น่าจะต้องเป็นร้านรับหิ้วน่ะคะ เพราะ Rimmel ยังไม่เข้าไทยเลยค่ะ คุณ runmirumda
บรอนเซอร์หาซื้อที่ไหนค่ะ
บรอนเซอร์สวยมาก
ช่ายค่ะ เลยอดใจไม่ไหว เลยเจ็บตัวกันไปค่ะ >.<
บรอนเซอร์สีสวยมากค่ะ ><