ผลิตภัณฑ์อาบน้ำ 3 แบรนด์ Ayada/Nature Touch/Nature Edition

ขอย้อนหลังไปที่งาน Big & Bih ช่วงเดือนเมษายน 2014 มีโอกาสได้ไปเป็นครั้งแรก
รู้สึกชอบมากเลยเพราะมีของดีไซน์เก๋ๆเต็มไปหมด แต่ละร้านก็จัดแต่งร้านได้ยิ่งใหญ่มาก
ซึ่งส่วนตัวแล้วเราชอบดูพวกผลิตภัณฑ์สปา และในปีนี้ก็มี Donna chang/ Panpuri ลด 50% นะยูววว
มี Divana , Bath and Bloom ร้านสวยมากมาเป็นปราสาทโรมันเลยคะ แต่เขาห้ามถ่ายรูปเลยไม่สามารถเอามาอวดได้ และก็มีแบรนด์หน้าใหม่ในประเทศไทยอย่าง Botanique อยู่ข้างหน้าสุดเลยร้านใหญ่และอลังการมาก
นอกจากนั้นก็มีแบรนด์ที่เราไม่เคยเห็นอยู่หลายแบรนด์เลย เราว่างานนี้ก็ใหญ่อยู่นะ เดินเท่าไรก็ไม่ทั่วสักที
**แอบเจอคุณหนามแฟนคุณจุ๋ย เจ้าของยี่ห้อ pastel ด้วย น่ารักมากเลยคะ (ส่วนตัว555)

และในวันนี้จะมาขอรีวิวถึง 3 แบรนด์หน้าใหม่ (สำหรับเรา)ที่ได้ไปพบเจอในงาน Big & Bih 2014
1) Ayada Soaps  2) Nature Touch 3) Nature Edition

ซึ่งขอบอกก่อนเลยว่าเราไม่รู้จักทั้ง 3 แบรนด์นี้มาก่อนเลยแต่ไปลองเดินดูแล้วรู้สึกอยากใช้ จึงสอยมาลองดู
 
ขอเริ่มจากแบรนด์แรกเป็นสบู่ก้อน Ayada Soaps  เราซื้อสบู่ผสมเกลือที่สามารถใช้สครับผิวได้ ซึ่งเขาบรรจุอยู่ในถุงปุ๋ยน่ารักมากเลย และอีกก้อนเป็นสบู่ข้าวดำที่ผสมเม็ดข้าวมาเพื่อขัดผิวเข้ามาด้วย ทำบรรจุภัณฑ์ ได้น่ารักเหมือนญี่ปุ่นดี สนนราคาก้อนละ 80 บาท (ไม่แน่ใจว่าราคาปกติเท่าไรนะคะ ตอนเราซื้อรู้สึกจะเป็นโปรโมชั่นของทางงานนี้)
จริงๆร้านนี้เขายังมีสบู่อีกหลายอย่าง มี Bath bomb ด้วย แปลกดีไม่ค่อยเห็นแบรนด์ของไทยที่ไหนทำ

 
ความรู้สึกหลังจากที่ได้ใช้ สำหรับตัวสบู่เกลือขัดผิว กลิ่นก็เป็นสบู่ธรรมดากับมีเกลือเป็นผลึกๆฝังอยู่ในสบู่ ตอนใช้แอบรู้สึกเจ็บผิวพอสมควร แต่ถ้าคนที่ชอบแบบที่รู้สึกว่าได้ขัดอย่างจริงจังน่าจะชอบ แต่สำหรับเรารู้สึกมันบาดผิวไปหน่อย และสำหรับสบู่ข้าวดำ หอมมากกกกกกกกกกกกกก ชอบกลิ่นมากกกๆ ให้เพื่อนดมเพื่อนบอกกลิ่นเหมือนข้าวหลาม! แต่ส่วนตัวเราชอบกลิ่นมากก มันหอมแบบบอกไม่ถูกตอนอาบไปก็หยิบสบู่มาดมไป ซึ่งสบู่เขาจะแยกชั้นมาเป็นหน้าข้าวอยู่ข้างบน ส่วนล่างจะไม่มีเม็ดข้าวผสม ตอนแรกที่เราใช้ไปเราก็ยังคงฟินกับความหอม แต่หลังจากใช้หลายๆครั้งเข้าเนื้อสบู่ก็เริ่มกร่อน ทำให้เม็ดข้าวโผล่ออกมา เราก็รู้สึกเจ็บนิดหน่อย ก็เลยแงะๆ เม็ดข้าวออก  ฟองไม่มากแต่ก็รู้สึกได้ว่าสะอาด ไม่ได้ทดลองใช้กับหน้านะคะ แต่ส่วนตัวแล้วชอบสบู่ข้าวดำอันนี้จังเลย ใช้แล้วมีความสุข เห็นเขาบอกว่าสบู่ของเขาใช้ได้ประมาณ 3 อาทิตย์ ต่อก้อน แต่เราเป็นคนชอบซื้อสบู่และครีมอาบน้ำมากซึ่งสลับกันใช้สงสัยจะใช้ได้นานกว่านั้น  และสำหรับ Ayada Soaps จะมีร้านอยู่ที่จตุจักร ลองดูนะคะ
cr:ayadasoaps.com
 



มาต่อที่แบรนด์ที่ 2  Nature Touch
ตอนแรกเราแปลอย่างใสซื่อว่า แตะธรรมชาติ? เพื่อนเราบอกสัมผัสธรรมชาติหรือเปล่าแก! 55555  
เราไม่เคยรู้จักแบรนด์นี้นะ แต่เห็นเขาผลิตตั้งแต่ ปี 1999 ก็นานแล้วนะเนี่ยะ 15 ปีได้
ส่วนตัวแพคเกจเขาทำได้ดีมาก และสำหรับแบรนด์เขามีหลาย series มากเลย
มีทั้งกลุ่ม ผลไม้ ชาเขียว แล้วก็แนวอโรม่า สปาจ๋าๆ แล้วก็มีสูตรอ่อนโยนสำหรับเด็กด้วย
สำหรับแฮนด์ครีมเขาได้เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใหม่ ต้องบอกว่าหลอดใหญ่มากๆ
รู้สึกราคาตอนลดแล้วจะเหลือ ประมาณ 145 บาทไม่แน่ใจว่าราคาเต็มเท่าไร
แต่เราสอยตัวที่เขาลดราคามาเหลือขวดละ 100 บาทซึ่งเป็นแพคเกจเก่าเขานำมาลดราคา
เราจึงสอยแฮนด์ครีมกลิ่นชาเขียวมา กลิ่นชาเขียวหอมมากเหมือนมัจฉะผสมนม ตามร้านอาหารญี่ปุ่นจริงจัง 555
พอเข้าใจคำว่าจริงจังไหมคะ คือญี่ปุ่นแท้ๆ ที่ชาเขียวของเขามันจะชาเขี๊ยวเขียวอะ
แล้วให้มาในปริมาณที่เยอะมาก 250ml คะ เริ่มสงสัยว่านี่คือแฮนด์ครีมจริงๆใช่ไหม


ทางด้านบรรจุภัณฑ์เขาก็น่ารักแบบเรียบง่ายดีนะ แถมหัวปั๊มมาใช้ด้วย เรื่องกลิ่นกับแพคเกจ ให้ผ่านคะ
สำหรับเนื้อครีมรู้สึกว่ามันเป็นโลชั่นธรรมดามากๆ ทาแล้วมันไม่ซึมเข้าผิวอะ
ยังรู้สึกว่ามันอยู่บนผิวอยู่เลย พอทามือแล้วไปทำอะไรต่อมันเลย
แบบลื่นๆไปหมดก็เลยนำมาทาแขนทาขาด้วยสะเลย
ก็ยังไม่รู้สึกถึงผลลัพธ์อะไรมากมายนะคะ นอกจากรู้สึกว่าได้มีการทาครีมลงไปแล้ว
และสำหรับเจลอาบน้ำอันนี้เป็นรุ่น Fruity Berry น่าจะเป็นผลไม้รวมหรือเปล่า
แต่พอเราดมกลิ่นแล้วรู้สึกเหมือนกลิ่นส้มโอ ก็หอมดีนะ
มาในปริมาณ 200ml ราคาโละสต๊อค 100 บาท รีบสอยเลยอิอิ (ไม่ทราบราคาเต็มเช่นเคย)
หลังจากนำมาใช้ก็โอเคคะ กลิ่นหอมฟุ้งดี ไม่ทำให้ผิวตึง
ฟองปกติไม่น้อยแต่ก็ไม่ถึงกับเป็นฟองครีมแน่นๆแต่เราใช้กับฟองน้ำขัดตัวนะคะ ก็เลยได้ฟองมากกว่าถูกับมือ


โดยรวมแล้วก็คุณภาพสมกับราคาที่เราซื้อมานะคะ 100 เดียวเองอิอิ แต่ถ้าเกิดว่าราคาอยู่หลักเกิน 500 บาทเราคิดว่าคุณภาพยังไม่สมราคาสักเท่าไร แต่เท่าที่เห็นในร้านเขาคือเขาจะเน้นทำเป็นแพคเกจวางไว้ที่โรงแรมอะคะ จะจัดเป็นเซทไว้เลย ขนาดพกพา  และวันนั้นเราไปทำธุระที่ โรงแรม Plaza Athenee ก็แอบเห็นเจลใสล้างมือวางข้างกับตัวปั๊มประทับตราจอดรถ มีที่ใส่หนังหุ้มอยู่เป็นชื่อโรงแรมนะคะ แต่พอเรายกขึ้นมาก็เห็นว่าเป็นของยี่ห้อ Nature Touch เราเลยคิดเอาเองว่าเขาน่าจะทำส่งโรงแรมเป็นส่วนมาก ยังไงใครสนใจลองไปดูเขามีหน้าร้านที่ Mega Bangna คะ
Cr.naturetouch.co.th
 



 
มาสำหรับแบรนด์สุดท้ายกันบ้างกับแบรนด์ Nature Edition เป็นแบรนด์ของคนไทยเช่นกันคะ
ร้านเขาตกแต่งแนวไม้ๆ น่ารักดีแต่ก็ยังไม่โดดเด่นเท่าบู๊ทอื่นๆ แต่สำหรับน้องที่เป็นพนักงานแนะนำยิ้มหวานให้เราน่ารักมากเลย เราเลยลองเดินเข้าไปดู ซึ่ง Nature Edition เขาจะเน้นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาบน้ำจากธรรมชาติแท้ๆ (เขาว่างั้นนะ)  ซึ่งในตอนแรกทางร้านยื่นสครับให้ทดลองเขาบอกว่าเนื้อเกลือของเขาละเอียดมากไม่เหมือนที่อื่น ก็เลยลองสัมผัสดู ก็จริงคะ มันค่อนข้างละเอียด นิ่มๆ เหมือนเยลลี่ยังไงบอกไม่ถูก เขาให้เราลองกลิ่นมะเฟือง มันก็ออกเปรี้ยวๆดี แต่เราไปสนใจตัวตะไคร้มากกว่า ส่วนตัวชอบกลิ่นตะไคร้คะ และกลิ่นตะไคร้ของเขาก็หอมดี รู้สึกถึงความซ่านิดๆ (มาจากไหน)
และเราก็ไปสะดุดที่เจลอาบน้ำ (อีกแล้ว) เราว่าส่วนตัวเขาออกแบบได้ดีนะ
แต่แพคเกจก็อาจจะธรรมดาไปหน่อยเป็นบรรจุภัณฑ์แบบที่มีขายทั่วไป แต่การดีไซน์ของเขาน่ารักดี
ซึ่งเจลอาบน้ำเขามี 3 สูตรคือมะม่วง มะละกอ และมะเขือเทศ
เราเลยจัดมา 3 ขวดเลยเพราะชอบทุกกลิ่น และขอต่อรองราคาถึงที่สุดเพราะราคาค่อนข้างสูง
ปริมาณ 260ml ราคาอยู่ที่ 650-750 บาท
แต่อย่างที่บอกส่วนตัวชอบซื้อพวกครีมอาบน้ำมากอยู่แล้ว เลยอยากลอง
สำหรับมะม่วงของเขาจะผสมเม็ดบีด Vitamin C ด้วย แปลกดีนะ
สำหรับกลิ่นหอมมากๆ กลิ่นเหมือนมะม่วงสุกใช้แล้วอยากจะเอาข้าวเหนียวเข้ามาทานด้วยตอนอาบ
สำหรับเม็ดบีดก็ไม่ได้รู้สึกอะไรนะ พอใช้มันก็แตกตัวไปแล้ว
แต่กลิ่นนี่หอมมากเลย ฟองน้อยไปพอสมควรแต่ฟองก็นุ่มดี
หลังจากใช้ผิวก็นุ่มๆ ไม่เอี๊ยดๆหรือรู้สึกตึงๆ ส่วนกลิ่นของเขาก็ไม่ได้หอมฟุ้งเหมือน Nature Touch นะ
เป็นกลิ่นแบบมะม่วงเบาๆแต่ก็มะม่วงจริงๆ



สำหรับตัวมะละกอเขาผสมเม็ดบีด Collagen
 เข้ามาด้วยรู้สึกเลยสินะว่าใช้เสร็จฉันคงจะสวยและเต่งตึง
คอลลาเจนรกปลาแซลมอนหรือเปล่าคะเนี่ยะ? 
สำหรับตัวมะละกอ กลิ่นก็มะละกอจริงๆ มะละกอแบบสีส้มๆนะไม่ใช่มะละกอเขียวๆตำส้มตำ
ใช้แล้วก็ให้อารมณ์เดียวกับมะม่วง ก็คือฟองน้อยแต่ฟองก็นุ่มดี
หลังจากใช้ผิวไม่แต่งตึง ไม่เอี๊ยดอ๊าดๆ แต่ด้วยคอลลาเจนนี่ละทำให้ฉันรู้สึกสวย
สำหรับมะละกอก็หอมนะแต่เรายังชอบมะม่วงมากกว่า หอมๆหวานๆดี



และสำหรับตัวสุดท้ายเป็นเจลอาบน้ำมะเขือเทศผสมเม็ดบีด Q10  
รู้สึกรักสุขภาพขึ้นมาเลย แต่ส่วนตัวเราไม่ชอบทานมะเขือเทศนะ
หลังจากกดมาใช้ หื้มมมมมกลิ่นมะเขือเทศมากๆ จะว่าหอมก็หอมจะว่าไม่หอมก็ไม่หอม - -‘
ความรู้สึกเหมือนตกลงไปในบ่อมะเขือเทศดอยคำ
และตัวนี้จะพิเศษกว่าตัวอื่นตรงที่เขาจะมีเม็ดสครับใส่เข้ามาให้ด้วย
สำหรับคนที่ขี้เกียจสครับผิวก็สามารถใช้ตัวนี้ไปได้เลย
ตอนเราดมกลิ่นตอนแรกเราว่ากลิ่นมันแรงนะ
แต่พอตอนอาบน้ำไปมันก็กลิ่นเบาๆ ไปตามการถูกละลายน้ำนะ
ใช้เสร็จแล้วรู้สึกอิ่มมะเขือเทศ
และก็ตามสไตล์แบรนด์นี้คือ ฟองน้อยแต่ใช้เสร็จแล้วผิวนุ่มไม่แห้งตึง
โดยรวมแล้วก็รู้สึกโอเคเลยละ รู้สึกว่ามันธรรมชาติจัง


คนที่ชอบอะไรที่ Natural น่าจะชอบสมกับชื่อแบรนด์ Nature Edition เขาละนะ
เห็นว่ามีวางขายที่ loft ใครสนใจยังไงลองไปติดตามดูนะคะ
Cr.NatureEdition.com




 
 
และแล้วก็จบไปกับของที่สอยมาจากงาน Big & Bih ปี2014  ซึ่งรู้สึกว่าจะมีแต่พวกอาบน้ำนะนี่ จริงๆซื้อสบู่อาบน้ำมังคุดของไหมทองไปฝากคุณแม่ด้วย คุณแม่ชอบแบรนด์นั้นมากไม่รู้ทำไม ซึ่งคุณแม่บอกว่าฟองนุ่ม และกลิ่นหอมดี เลยจัดไป 3 ขวดเพราะเขามีโปรโมชั่นเดี๋ยวถ้ายังไงคราวหน้าได้ไปสอยผลิตภัณฑ์อาบน้ำตัวไหนอีกจะมาเล่าให้ฟังนะคะ

 


 

Discussion (6)

แต่ละแบรนด์ทำบรรจุภัณฑ์ได้น่ารักและน่าใช้มากเลยค่ะ ^_^
แนะนำครีมอาบน้ำมะม่วงค่ะ กลิ่นหอมหวานมากๆ อาบแล้วตัวนุ่มสุดๆ ฟินนนน~
ลองเข้าไปที่เวปไซต์ของเขา หรือแฟนเพจดูนะคะ น่าจะสั่งซื้อได้
เราก็ไม่แน่ใจเพราะว่าที่ซื้อมายังใช้ไม่หมดเลยคะ :)
สนใจตัวเจลอาบน้ำมะเขือเทศจังเลยคร้า หาแบบนี้อยุ่เลย อยากลองๆ เราจะซื้อที่ใหนได้บ้างคะ
บรรยายซะกลิ่นหอมลอยออกมาถึงนี่เลยค่ะ.ดูเปนธรรมชาติทั้งนั้นเลย คงต้องลองหาซื้อมาใช้มั่งละ