รีวิวเจาะลึกน้ำตบ Hyaluron เกาหลีจาก It's Skin พร้อมบทเปรียบเทียบแบรนด์ดัง
LadyMiyeon42สวัสดีค่ะเพื่อนๆพี่ๆน้องๆจีบันทุกท่าน หลังจากห่างหายไปซะนาน วันนี้มี่เอาบทรีวิวน้ำตบ Hyaluron สัญชาติเกาหลี ของ It's Skin มาฝากค่ะ ตัวนี้มี่ใช้มาได้เกือบ 6 เดือนแล้วค่ะ
It's Skin Hyaluronic acid toner
It's Skin Hyaluronic acid toner
ตัวนี้ที่เกาหลีเค้าเปลี่ยนแพคเกจไปแล้ว แต่ล่าสุดที่มีแวะไปที่เคาน์เตอร์สาขาโลตัสหางดงเชียงใหม่ ยังเป็นรุ่นเดิมอยู่ค่ะ ไม่แน่ใจว่า ถ้าเปลี่ยนแพคเกจ ส่วนผสมจะเปลี่ยนไปจากเดิมรึเปล่า
จริงๆชื่อของเค้าคือ Toner แต่ ด้วยความหนืดระดับนี้ มี่เลยเอามาใช้เป็นน้ำตบค่ะ
ให้ดูเนื้อบนมือ
เกลี่ยแล้ว
คือ รูปมันไม่ค่อยชัดนะคะ จริงๆทาแล้วจะเงาๆวาวๆชุ่มๆหน่อย
หรือถ้าอยากใช้บนสำลี ก็ใช้ได้ค่ะ ประมาณ 6 หยด พอแล้ว
ความรู็สึกหลังใช้ ก็ชุ่มชื้นดีค่ะ หน้านุ่ม ไม่เหนอะหนะ ใช้ได้ทั้งกลางวัน กลางคืน บางทีถ้าตอนเย็นอาบน้ำไว อาบเสร็จ ตบก่อนรอบนึง แล้วตบอีกทีพร้อมกับบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์อื่นๆก่อนจะนอน
ให้ความพึงพอใจ 10/10 ค่ะ
ลองดูบทวิเคราะห์เชิงวิชาการโดยดูจากส่วนผสมบ้างนะคะ
อันนี้เป็นส่วนผสมค่ะ
จากลำดับส่วนผสมจะเห็นได้ว่า Sodium hyaluronate อยู่ลำดับสองค่ะ แม้ว่า ลำดับส่วนผสมจะบอกอะไรเราได้ไม่มาก และไม่สามารถใช้เปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์คนละชนิดกันได้ แต่ก็สามารถดูคร่าวๆ เป็นแนวทางได้ค่ะ
ปกติผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแทบทุกชนิดจะประกอบด้วยส่วนหลักๆ 3 ส่วน คือ Active (สารสำคัญ) เป็นสารที่ทำให้เครื่องสำอางมีคุณสมบัติทางชีวภาพ Base (เนื้อผลิตภัณฑ์ บางทีอาจเรียกว่า Vehicle) และ Additive (คือสารที่ช่วยเสริมให้ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติที่ดี มีความน่าใช้)
ลองมาดูคุณสมบัติของสารต่างๆ แยกตามหน้าที่เลยค่ะ
1. Active ได้แก่
- Sodium hyaluronate มีบทบาทเกี่ยวกับการเพิ่มความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นให้แก่ผิว
- Maphighia emarginata fruit extract คือ สารสกัดจาก Acerola มีรายงานเกี่ยวกับคุณสมบัติในการเป็น Whitening (Biosci Biotechnol Biochem. 2008; 72(12):3211-8.) มีสารในกลุ่ม Polyphenols หลายๆชนิด ให้ผลเป็น Antioxidant ที่ดี และมีวิตามินซีสูง
- Trehalose เป็นน้ำตาลโมเลกุลคู่ชนิดหนึ่งที่ยีสต์และสิ่งมีชีวิตเล็กๆอื่นๆสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้ขาดน้ำตาย เมื่อนำมาใช้ในเครื่องสำอางก็จะช่วยปกป้องสารสำคัญต่างๆในผลิตภัณฑ์และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนังได้ค่อนข้างดี และปกป้องเซลล์ผิวได้ ปัจจุบันสามารถสังเคราะห์ได้ โดยบริษัทที่ญี่ปุ่นเป็นผู้ริเริ่มการสังเคราะห์ตัวนี้ขึ้นมา มีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้น ปกป้องเซลล์ผิวหนังไม่ให้น้ำระเหยออกจากเซลล์ (ข้อมูลจากผู้จำหน่ายวัตถุดิบ)
- Portulaca olearaceae extract คือ สารสกัดจากคุณนายตื่นสาย มีรายงานเกี่ยวกับฤทธิ์กระตุ้นการสมานแผล (Wound healing) (J Ethnopharmacol. 2003; 88(2-3):131-6.) ลดการอักเสบ (J Ethnopharmacol. 2000; 73(3):445-51.) และมีคุณสมบัติเป็น Antioxidant (J Med Plants Res. 2011; 5(9):1589-1593)
- Vaccinium angustifolium fruit extract คือ สารสกัดจากผล Blueberry ประกอบด้วยพฤกษเคมีกลุ่ม Phenolic compounds หลายๆชนิด และมี Proanthocyanidin ที่เป็น Antioxidant ที่มีฤทธิ์ดี และยังมีฤทธิ์ Anti-inflammatory ที่ดี (J Agric Food Chem. 2013 Nov 19.) อีกรายงานทดสอบคุณสมบัติในการยับยั้งเอนไซม์ MMP ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ไปทำลาย Collagen-elastin ในผิว แม้การทดสอบทำกับเซลล์มะเร็งแต่ผลที่ได้น่าจะประยุกต์ใช้มากับผิวหนังได้ (Biochem Cell Biol. 2005; 83(5):637-43.)
- Hibiscus sabdariffa flower extract คือ สารสกัดจากกระเจี๊ยบแดง มีสารแอนโธไซยานินที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (J Med Assoc Thai. 2010; 93 Suppl 7:S216-26.) แต่สารกลุ่มนี้ไม่ค่อยคงตัว งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ในบ้านเรามักเอามาทำเป็นเครื่องสำอางกลุ่ม Anti-aging
2. Base เป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบ Solution ประกอบด้วยน้ำและของเหลวอื่นที่ชอบน้ำ ได้แก่ น้ำและ Butylene glycol สำหรับ Caprylyl glycol และ Ethylhexylglycerine นอกจากคุณสมบัติดูดน้ำให้ผิวแล้วยังทำหน้าที่เป็น Preservatives ได้ เพราะตัวมันมีฤทธิ์ระงับเชื้อ
3. Additives ได้แก่
3.1 Emulsifier/Surfactant ได้แก่ PEG-40 Hydrogenated castor oil เป็นอนุพันธ์ของน้ำมันละหุ่ง มีประโยชน์ในการช่วยทำให้ได้สารละลายใส กับ PPG-26-Buteth-26
3.2 สารเพิ่มความหนืด ได้แก่ Hydroxyethyl acrylate/Sodium acryloyoldimethyltaurate copolymer
3.3 สารปรับ pH คือ Triethanolamine ใช้ปรับ pH ให้เพิ่มสูงขึ้น
3.4 UV absorber คือ Benzophenone-4 เป็นอนุพันธ์ที่ละลายน้ำ ช่วยกรองรังสี UV ปกป้องสารในตำรับไม่ให้ถูกทำลายโดยรังสี UV ในแสง
3.5 Preservatives ได้แก่ Caprylyl glycol กับ Ethylhexylglycerine ซึ่งมีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ด้วย กับสารจับโลหะ EDTA
3.6 สารแต่งกลิ่น (Fragrances)
ถึงเวลาให้คะแนน (ขอให้คะแนนเป็นฟลาสก์ นะคะ ฟลาสก์คืออุปกรณ์ชิ้นหนึ่งในห้องแลป รูปร่างมันน่ารักดีค่ะ เลยชอบ)
1. Actives มีสารเพิ่มความชุ่มชื้นดีๆอย่าง Trehalose เสริมกับสารสกัดจากผลไม้ ซึ่งสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นได้ และยังมีสารสกัดพืชที่เป็น Antioxidant กับ Whitening เสริมเข้ามา แม้ว่าจะยังไม่เด่นนัก แต่ก็ถือว่าโอเค ผลิตภัณฑ์ออกแบบมาเพื่อเป็น Moisturizer ก็นับว่ามีสารที่มีประสิทธิภาพอยู่ จึงขอให้ 5 ฟลาสก์
2. Base ตำรับนี้ไม่มี Alcohol มีการใช้ Butylene glycol ซึ่งเป็น Glycol สายยาวขึ้น ดูดน้ำให้ผิวได้มากขึ้น แม้ว่า Caprylyl glycol กับ Ethylhexylglycerine ดูแล้วเหมือนจะทำหน้าที่เป็น Preservatives แต่ก็ยังให้ผลเพิ่มความชุ่มชื้นผิวหนังได้ด้วย จึงขอให้ 5 ฟลาสก์
3. Additives มีการใช้ UV absorber อย่าง Benzophenone-4 ใส่เข้ามาเพื่อรักษาความคงตัวให้แก่สารบางชนิดในผลิตภัณฑ์ สารอื่นๆก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร แถม PEG-40 Hydrogenated castor oil ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ด้วย จึงขอให้ 5 ฟลาสก์
4. สรุปความคุ้มค่า ผลิตภัณฑ์มีราคาปกติที่เคาน์เตอร์ไทยอยู่ 690 บาท บรรจุ 140 ml ตกเป็น 4.9 บาท/มล ซึ่งก็ถือว่าไม่แพงมากนัก และที่สำคัญคือ มีการลดราคา 50% อยู่เป็นระยะๆ ด้วยราคาป้ายที่เคาน์เตอร์ตั้งไว้จะขอให้ 4 ฟลาสก์
รวม 19/20
Discussion (2)
ลองเปรียบเทียบกับน้ำตบแบรนด์ H แบรนด์ดังสัญชาติญี่ปุ่นคะ ตัวนี้มี่เคยใช้อยู่พักนึง แล้วก็เปลี่ยนมาเทใจให้ It's Skin ค่ะ
Ingredients list:
Water, Butylene glycol, Glycerine, Disodium succinate, Methyl paraben, Sodium hyaluron, Hydroxyethylcellulose, Succinic acid, Hydrolyzed hyaluronic acid, Sodium acetylated hyaluronate
ดูๆแล้วจะเห็นว่า มันจะเน้นไปที่ Hyaluron และอนุพันธ์ค่ะ ซึ่งถ้าเรามองจากลำดับส่วนผสม จะเห็นว่าอยู่ค่อนข้างท้าย อยู่หลัง paraben ไปอีก ซึ่งปกติไอ้เจ้า Methyl paraben นี่ใช้กันขั้นต่ำที่ 0.1% ยิ่งใช้มากยิ่งไม่ค่อยดี ดังนั้นปริมาณ Hyaluron จึงน่าจะน้อยกว่าหรือเท่ากับ 0.1% (เป็นแค่การคาดเดานะคะ คนเดียวที่ตอบได้คือคนผลิต)
ลองให้คะแนนตัวนี้ค่ะ
1. Actives มี Hyaluron และอนุพันธ์เป็นหลัก ซึ่งดูๆแล้วก็ถือว่าอาจจะธรรมดาไปนิดหน่อย อยากได้ Antioxidant เข้ามาเสริมอีกซักนิด น่าจะสมบูรณ์แบบ แม้ว่าจะเลือกใช้อนุพันธ์ถึง 3 แบบเพื่อมาเสริมฤทธิ์กัน แต่คงจะดีกว่าถ้ามี Something โผล่เข้ามาอีก จึงขอให้ 3 ฟลาสก์ ที่หักเยอะเพราะมันมีส่วนผสมแค่ 3 อย่าง พอมีที่ติได้เลยไม่มีตัวมาถ่วงคะแนน
2. Base ตำรับนี้ไม่มี Alcohol มีการใช้ Butylene glycol กับ Glycerine เพื่อช่วยดูดน้ำให้ผิว ดูๆแล้วก็โอเคนะ จึงขอให้ 5 ฟลาสก์
3. Additives ตำรับนี้มีการใช้บัฟเฟอร์เพื่อรักษาค่า pH ให้คงที่ เพื่อเพิ่มความคงตัว แต่ไม่ได้มีการใช้สารจับโลหะอย่าง EDTA เข้ามา ทำให้ความคงตัวของสารน่าจะหายไปเยอะ เพราะโลหะอิสระที่ปนเปื้อนมา หรือปนเปื้อนลงไปตอนใช้งาน จะไปเป็นตัวเร่งให้เกิดปฏิกิริยาเคมีอื่นๆ ส่งผลให้สารบางอย่างเกิดการเสื่อมสภาพได้ และยังมีการใช้สารกันเสียกลุ่ม Parabens ซึ่งทางยุโรป Ban การใช้ เพราะกลัวเรื่องความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง แม้ว่าหลักฐานสนับสนุนยังไม่ชัดเจนก็ตาม จึงขอให้ 3 ฟลาสก์
4. สรุปความคุ้มค่า ผลิตภัณฑ์มีราคาปกติอยู่ 495 บาท มีขนาดบรรจุ 170 ml คิดเป็น 2.9 บาท/มล ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างถูก แต่ถ้าดูที่ส่วนผสมแล้ว นอกเหนือไปจาก Hyaluron และอนุพันธ์ เราก็แทบจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยนอกจากความเป็น Moisturizer จึงขอให้ 4 ฟลาสก์
ถ้าเราเปรียบเทียบกันตามพารามิเตอร์ต่างๆ มี่ทำเป็นตารางให้แล้วค่ะ ดังนี้เลย
ส่วนตัวของแบรนด์ H เด่นที่มีการใช้ Buffer เพื่อเพิ่มความคงตัวของสารค่ะ แต่มาเสียที่ paraben และการที่ไม่ได้ใส่ EDTA เข้ามา ซึ่งสารในกลุ่ม paraben เคยมีรายงานเกี่ยวกับการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งบางชนิด ทำให้กลุ่มประเทศใน EU Ban การใช้ จากข้อมูลที่ได้มา พบว่าผลิตภัณฑ์นี้ไม่ได้ใส่ EDTA ที่เป็นตัวจับโลหะ เมื่อมีโลหะปนเปื้อนมาในผลิตภัณฑ์ก็จะไปเร่งปฏิกิริยาเคมีต่างๆ ทำให้สารต่างๆเสื่อมสภาพได้ไว
ถ้าเทียบคะแนนระหว่างสองตัวนี้ จะเป็นดังตารางนี้ค่ะ
สำหรับวันนี้ก็มีแค่นี้ค่ะ โอกาสหน้าจะเอา Power 10 formula ของ It's Skin มาฝากค่ะ ตามไปเมาท์มอยพูดคุยกันได้น๊า สวัสดีค่ะ