Review :: ทำสี ดัด ตัด - อันยองฮาเซโย

ก็คิดหนักเลย... ทำอะไรดีน๊า จะเสริมจมูกก็ไม่ได้เพราะเราชอบนอนคว่ำ และถึงเราจะมีจมูกอันใหญ่โต แต่ดั้งเราก็กระจุ๋มกระจิ๋มนะ (เอ๊ะ..ยังไง)
จะกรีดตา 2ชั้น  เราก็ภูมิใจตัวเองที่เป็นกากีนั้ง ตาชั้นครึ่ง ซึ่งบางเวลาก็2ชั้น
จะดัดฟัน เพื่อฟันที่เรียงตัวสวย และคางที่เรียวขึ้น แต่เราก็ขี้เกียจใส่รีเทนเนอร์ตลอดชีวิต 

ฉะนั้นเราเลยตกลงใจที่จะหาฟิตเนสออกกำลังกายเพื่อลดความอ้วน กับ ทำเลเซอร์หรือไม่ก็สักปากสีชมพู เนื่องจากสีปากเราค่อนข้างคล้ำ ซึ่งเราก็ปรีกษาพี่ๆ เพื่อนๆ ที่ทำงาน พร้อมกับศึกษาด้วยตัวเอง

และทันใดนั้น ก็มีรุ่นพี่ เอาบัตรสมาชิก ใบหนึ่งมายื่นให้ แล้วบอกว่า "การทำผมเป็นการเปลี่ยนลุคที่เร็วแล้วไม่เจ็บตัวที่สุด ไปทำป่ะ" นางบอกเด้วยความเอ็นดูปนรำคาญ เนื่องจากเราเวิ่นเว้อสุดๆ 

และเราก็ชอบผมทรงใหม่ของพี่คนนี้ เราก็เลยโทรถามราคาและนัดหมายกับอาจารย์ เราเลือกคนเดียวกับที่ทำให้รุ่นพี่เรา ซึ่งก็คือ อาจารย์ยูนิ  อาจารย์เป็นคนเกาหลี ซึ่งอยู่ไทยมา 2ปีกับอีก8เดือน พูดไทยเก่งใช้ได้เลยล่ะค่ะ (ขอบอกว่า เธอช่างออร่า ขาวกระจ่าง จนเราหมองมากๆ)

ข้อมูลผมเราคือ : ผมตรงมาก แข็ง และแห้งมากเนื่องจากม้วนปลายผมเกือบทุกวัน (ใช้ที่หนีบผมไฟฟ้า) เคยทำสีมาเมื่อประมาณ 7-8เดือนที่แล้ว เพราะฉะนั้นโคนผมลงมาประมาณ 5-6นิ้วจะดำ

เราก็เลยตกลงใจทำสีด้วย ซึ่งอาจารย์ก็น่ารักนะคะ ที่สำคัญคือ มือเบามากๆ  ก่อนทำแกก็มาจับๆผม เพื่อทำการประเมิน และสุดท้ายเพื่อไม่ให้ผมแห้งกว่าเดิม เราเลยทำสีผมแค่ตรงโคน 

เราไม่เคยทำสีแค่ตรงโคนมาก่อน เลยไม่รู้ว่าที่อื่นทำอย่างไร แต่ในความคิดเรา เราว่าที่นี่ละเอียดมาก 
เริ่มจากพาเราไปสระผม เป่าผมให้แห้ง และก็ทำสีผมตรงกลาง ก่อนเอาเครื่องอบที่เป็นวงแหวนครอบ เสร็จแล้วค่อยมาทำตรงโคน แถมด้วยย้อมขนคิ้ว เพื่อให้สีผมก็สีคิ้วแมทซ์กัน หน้าจะได้ซอฟท์ลงด้วย

และหลังจากทำสีเสร็จ ก็เริ่มตัดผม ขอบอกว่า เราชอบท่าควงกรรไกรของอาจารย์เวลาตัดผมนะ มันดูเจ๋งมากอ่ะค่ะ (พยายามถ่ายรูปตอนควงแต่ถ่ายไม่ทันทุกที)

พอตัดเสร็จ ก็เริ่มดัดค่ะ  เราเลือกดัดแบบดิจิตอล เพราะคิด(เอาเอง) ว่าผมน่าจะเสียน้อยกว่า 
ซึ่งอาจารย์ทาน้ำยาลงผม และอบร้อนโดยวงแหวน หลังจากนั้นก็ม้วนผมแล้วใช้เครื่องดิจิตอล พอครบเวลาก็เอาไดร์เย็นมาเป่าให้ผมคลายความร้อน
จากนั้น ก็เอาถาดมารองหลังคอ และเทน้ำยาราดลงไปทั่วผมอีกที  (ขั้นตอนนี้เราไม่ได้ถ่ายรูปมา เนื่องจากแบตโทรศัพท์ใกล้หมด) 

   

และก็มาถึงขั้นตอนสุดท้าย นั่นคือการสระผม และเช็คผมครั้งสุดท้ายก่อนจะเป่าแห้ง  
ปล. เราใช้คำว่าเป่าแห้งเลยค่ะ  เพราะผมทรงนี้ ไม่ต้องการเซ็ท ไม่ต้องหมุนๆผมแล้วเป่า ใช้วิธีแค่ขยำปลายผม ปหรือแค่เป่าโคนผมให้แห้ง แล้วปล่อยให้ปลายผมแห้งธรรมชาติก็ได้ 

และแล้ว.... หลังจากการทำผมตั้งแต่บ่ายโมง จนตอนนั้นประมาณ 1ทุ่มกว่าๆ (6ชั่วโมงครึ่งโดยประมาณ) 
เราก็ได้ผมทรงใหม่ ที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนลุค

แอ่น....แอ๊นนนนนนน

เปรียบเที่ยบ ตอนเช้า กับ ตอนเย็น

และนี่คือราคาที่เราจ่าย (ลด30%) และอาจารย์ยูนิค่ะ 

     

และนี่เป็นผลิตภัณฑ์ที่อาจารย์แนะนำให้ไปหามาใช้ แต่ไม่ได้บอกให้ซื้อที่ร้านนะคะ 

และหลังจากสระครั้งที่หนึ่ง โดนใช้วิธีเป่าแห้ง และใช้เพียงเซรั่มของโดฟเพียงอย่างเดียว

และนี่คือภาพปัจจุบัน ที่ผ่านการสระมาแล้ว 5-6ครั้ง

สรุปความพอใจนะคะ 
- ผมสีสวยมาก ปลีืม
- ผมเซ็ทง่ายมาก คือแต่ขยำเป่าโคน ปล่อยให้แห้งเอง
- เปลี่ยนลุคสมใจอยาก ใครๆก็บอกดูเด็กลงมาก ดูเกาหลี ญี่ปุ่นมาก (ที่ออฟฟิศเจอหน้า ชอบทักว่า อันยองฮาเซโย ไม่ก็ โอฮาโย)
- อาจารย์ยูนิ มือเบาสุดๆ ดูเป็นมืออาชีพมาก และทำผมละเอียดมากถึงมากที่สุด (ก็ทำสี ตัด คัด รวมเวลาแล้ว คือ 6ชั่วโมงครึ่ง)
- น้องๆคนอื่นที่ร้าน พูดจาดี ยิ้มแย้ม ขนาดโทรศัพท์เราแบตหมด น้องยังไปหาที่ชาร์ตแบตมาให้เลย
- ผมไม่เสีย คือมันแห้งเท่าเดิมค่ะ ไม่มากขึ้น (แต่เราก็ตั้งใจจะดูแลผมให้มากขึ้น)
- ราคาสมเหตุสมผล และที่สำคัญมีโปรโมชั่นด้วย 

สิ่งที่ไม่ชอบ
- ผมหน้าม้า คือความผิดเราเอง เราให้อาจารย์ออกแบบทรงผมให้ แต่ดันลืมบอกว่าไม่เอาหน้าม้า เนื่องจากเราเป็นคนขี้รำคาญ (แต่เรามีวิธีแก้ค่ะ โดยการติดกิ๊บบ้าง ถักเปียบ้าง และตอนนี้ก็มีไอเดียการทำผมสั้นอยู่อีกประมาณ 4-5แบบในหัว)
- จอดรถฟรีแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่เราทำผมหลายชั่วโมงมาก เลยโดนค่าที่จอดรถไป 150บาท


สุดท้ายแล้ว ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากจะลองเปลี่ยนลุคแบบฉับไว นอกจากการแต่งหน้าแล้ว การเปลี่ยนทรงผมก็เป็นอีกทางที่อยากแนะนำนะคะ 

ปล. feedback จากคุณแฟน คือ ผ่านค่ะ แต่นางยังคงติ ว่าดูเป็นเด็กติงต๊องไปหน่อย 
ปล. สุดท้าย ไว้เราทำเลเซอร์ หรือ สักปากชมพูเสร็จแล้ว จะมารีวิวให้ดูใหม่นะคะ