Review and comparison of cream foundation from Bobbi Brown , Nars and Armani

กลับมาเจอกันกับรีวิว base makeup ประจำสัปดาห์กัน หลังจากที่นั่งมองรองพื้นแบบครีมที่มาในรูปของ Stick และ Compact อยู่นานสองนาน ว่าจะรีวิวดีมั้ย เพราะส่วนใหญ่คนไทยมักไม่ค่อยคุ้นเคยที่จะใช้กันสักเท่าไหร่ แต่จนแล้วจนรอด ก็รีวิวแบบเปรียบเทียบละกัน น่าจะเป็นประโยชน์กว่ารีวิวแบบแต่ละแบรนด์ 

ก่อนอื่นเลยคงต้องบอกกันก่อนว่า ส่วนใหญ่เวลาเรามองหารองพื้นแบบครีม ประเด็นแรกๆๆที่เราต้องการเลยก็คือ การปกปิด เพราะส่วนใหญ่คนที่มองหา
รองพื้นแบบครีม มักจะมีปัญหาผิวที่ต้องการการแก้ไข ประเด็นที่สองก็คือ บางเบาเป็นธรรมชาติ ซึ่งประเด็นนี้ดูแล้วก็ขัดแย้งกับความต้องการแรกนะ เพราะเราต้องการการปกปิดแบบปังสุด แต่ก็ยังต้องการความบางเบา แลดูธรรมชาติ คืออยากจะบอกว่าแค่คิดจะใช้รองพื้นก็ไม่ธรรมชาติละป่ะ แต่เดี๋ยวก่อน แต่ละแบรนด์ก็พยายามรังสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อมาตอบโจทย์คุณๆๆลูกค้าในจุดนี้ได้ดีทีเดียวในหลายๆๆแบรนด์ ประเด็นต่อมาก็คือเรื่อง ความติดทนนาน เพราะส่วนใหญ่คนที่จะหันมาใช้รองพื้นแบบครีม มักมีความคาดหวังว่า ทารองพื้นชาตินี้ ติดยันชาติหน้า ประมาณนี้เลยๆๆๆ ซึ่งก็แบบว่า ถ้าอยากได้ทนทานขนาดนั้น แนะนำใช้กาวตราช้างผสมกับprimer รับรองทนแน่ๆๆๆๆ และประเด็นหลักๆๆ ประเด็นสุดท้ายที่เรามักมองหาเวลาจะซื้อรองพื้นเนื้อครีมก็คือ ควรที่จะไม่ทำให้หน้ามันเพิ่ม หรือ ควรช่วยรักษาสมดุลหน้าของเราด้วยเวลาใช้ พูดง่ายๆๆ ก็คือ ถ้าคุณๆๆหน้าแห้ง รองพื้นก็ไม่ควรทำให้หน้ายิ่งแห้งไปกว่าเดิม แต่ถ้าคุณหน้ามัน รองพื้นก็ควรคุมมันได้บ้าง หรือ ไม่ทำให้หน้ามันหนักเป็นกระทะทอดไข่ไปมากกว่าปกติ ซึ่ง ประเด็นสุดท้ายนี่จะว่าไปก็ยากสุดที่จะผลิตให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคจริงๆๆ เรียกว่าจากทั้งสามประเด็น ก็เล่นเอาหลายๆๆแบรนด์ถึงกับกุมขมับกันเลยทีเดียว ดังนั้นจึงไม่ค่อยแปลก ที่เรามักจะไม่ค่อยเห็นรองพื้นเนื้อครีมเป็นที่ถูกกล่าวขานกันมากนัก แต่รับรองว่าไม่ใช่กับเราๆๆ ชาว Beauty Legend แน่นอน เพราะคราวนี้เราจะมาพร้อมกับรองพื้นแบบครีมถึงสามแบรนด์ คือ 




1. Skin Foundation Stick จาก Bobbi Brown (ฺBB)

2. Maestro Fusion Makeup Compact จาก Giorgio Armani (GA)

3. Radiant Cream Compact Foundation จาก Nars (NS)

ดังนั้นประเด็นหลักๆๆที่เราจะรีวิวพร้อมเปรียบเทียบก็คือ ระดับการปกปิด ความเป็นธรรมชาติ การควบคุมความมัน และความติดทนนาน 

1. ระดับการปกปิด 

จะบอกว่าทั้งสามตัวนี้ให้ระดับการปกปิดแบบ buildable light - medium ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ถ้าคุณลงบางๆๆ ก็จะได้ระดับการปกปิดแบบบางเบา แต่ถ้าคุณฟาดๆๆๆๆๆลงไปกับหน้า ก็จะปกปิดขึ้นมาได้ถึงระดับปานกลาง แต่จากที่ลองใช้แล้ว บอกเลยว่า ทั้งสามตัวนี้ ไม่ควรฟาดๆๆๆลงหนังหน้าอย่างไร้สติ เพราะมันจะทำให้หน้าเรา กลายเป็นหน้าเค้ก ดีๆๆนี่เอง ทางที่ดี ฟาดแต่พองาม ส่วนร่องรอยอารยธรรมที่หลงเหลือ ใช้ concealor ช่วยจะดีกว่า ไม่ง้ันพัง บอกเลย ดังนั้น คุณๆๆทังหลายที่จะซื้อทั้งสามตัวนี้ ด้วยความหวังที่ว่า จะช่วยปกปิดความเยินของหนังหน้าได้ทั้งหมดนั้น บอกเลยว่า คิดผิด เสียตังค์ฟรี เพราะทั้งหมดนี้ ไม่ใช่รองพื้นแบบ full coverage นะจ้ำ 

2. ความเป็นธรรมชาติ 

ใช่ๆๆๆแล้ว คุณๆๆได้ยินไม่ผิด คนเราส่วนใหญ่มักมองหาความเป็นธรรมชาติ จากสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมชาติ โดยเฉพาะในรองพื้นเนื้อครีม ข่าวดีคือ ทั้งสามตัวนี้ ให้ความเป็นธรรมชาติ เสมือนผิวทั้งสิ้น ถ้าคุณๆๆๆรู้วิธีใช้ ซึ่งเดี๋ยวจะบอกนะว่าใช้ยังไงให้เป็นธรรมชาติ ทั้งนั้นทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักมือในการฟาดรองพื้นด้วยเหมือนกัน ถ้าฟาดแบบหนักมากแล้วจะมาเรียกร้องความเป็นธรรมชาติ ก็ไม่ใช่ละป่ะ แต่ถึงแม้ทั้งสามตัวนี้ให้ความเป็นธรรมชาติเหมือนๆกัน แต่ก็ต่างกันตรงที่ว่า ของ BB จะให้ความเป็นธรรมชาติแบบสีผิวที่ดูสม่ำเสมอขึ้น แค่นั้น แค่นั้นจริงๆๆๆๆๆๆ ส่วนของ GA ให้ความเป็นธรรมชาติแบบผิวดูสม่ำเสมอ ดูสุขภาพดี เปล่งปลั่งจากภายใน เรียกว่าผิวดูดีมีออร่าๆๆๆๆ ส่วนของ NS จะให้ความเป็นธรรมชาติแบบผิวดูฉ่ำวาวราวกับได้น้ำหล่อเลี้ยงผิวมาอย่างดีๆๆ เวลาสะท้อนกับแสงไฟจะเห็นว่าผิวหน้าจะขึ้นเงาแบบไม่ใช่หน้ามันแต่อย่างใดๆๆ ก็ขึ้นอยู่กับคุณๆๆละ ว่าจะเลือกกันแบบไหน ก็ตามสะดวกเลยละกันนะๆๆๆ 

3. การควบคุมความมัน 

ข้อนี้บอกว่าเลย ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้ง หรือ ผิวผสม คุณใช้ทั้งสามตัวนี้ได้อย่างสบายใจ เพราะมันจะเข้ากับผิวคุณได้อย่างง่ายดาย แต่สำหรับคนผิวมันถึงมันมากๆๆๆๆ ทั้งสามตัวนี้ถึงไม่ได้ช่วยเรื่องคุมมัน แต่ก็ไม่ทำให้ หน้ามันมากขึ้น ดังนั้น ก็คงต้องขึ้นอยู่กับ skincare และ primer และอื่นๆๆ ในขั้นตอนการแต่งหน้าของคุณๆๆแล้วหล่ะ เพราะจากที่เราใช้มาทั้งสามตัวนี้ คนหน้ามันมากๆๆๆ อย่างเรา ก็รอดนะ ถ้าให้บอกลำดับก็จะได้ดังนี้ GA ใช้กับเราแล้ว ต้องซับหน้าบ่อยสุด รองลงมาคือ BB แต่ตัวที่สร้างความประหลาดใจให้เรามากๆๆก็คือ ของ NS คือทั้งวันซับหน้าครั้งถึงสองครั้ง ก็คือ อยู่ได้ตลอดแล้วไม่ค่อยหลุดด้วย คือแบบสะพรึงมากๆๆๆๆ 

4. ความติดทนนาน 

บอกได้เลยว่า ทั้งสามตัวนี้ ดีพอๆๆกันในเรื่องนี้ แต่ ถ้าเทียบกันแล้ว ได้ดังนี้คือ BB หลุดเร็วสุดๆๆ ส่วน GA กับ NS นั้นติดทนนานกว่า BB แต่ตัวที่ติดทนนานที่สุดสำหรับเราคือ NS แต่ก็นานกว่า GA ไม่ได้มากมาย ถือว่าพอๆๆกันก็ได้ๆๆเอาจรืงๆๆๆ แต่จะบอกให้ว่า รองพื้นไม่ว่าจะแบบใดก็ตามจะติดทนไม่ทน ขึ้นอยู่กับ skincare และ primer ที่ใช้ในขั้นเตรียมผิวนะ ดังนั้น ถ้าเรามีวิธีการเตรียมผิวที่ดีและเหมาะสมกับสภาพผิวของเราแล้ว รองพื้นจะติดทนบนหนังหน้าเราไม่หนีหายไปไหนแน่นอนจ้ะ

สุดท้ายนี้ จากการลองใช้ทั้งสามตัวนี้ แอบบอกนิดนึงว่า การทารองพื้นเนื้อครีมให้สวยดูเป็นธรรมชาติ ก็คือการใช้นิ้วมือของเรานี่แหละ ค่อยๆๆนวด ให้เวลากับมันนิดนึง รับรองคุณจะได้หน้าที่เนียนสวยดูเป็นธรรมชาติดังใจปรารถนาแน่นอน ส่วนการใช้แปรงกับฟองนี้นั้น ก็ตอบโจทย์ในเรื่องการปกปิด แต่ความเป็นธรรมชาติสู้การใช้นิ้วมือนวดๆๆไม่ได้เลย อีกเรื่องนึงคือเนื้อผลิตภัณฑ์ NS กับ GA เนื้อค่อนข้างนิ่ม ใช้นิ้ววนๆๆไม่กี่ทีก็ได้เนื้อผลิตภัณฑ์ขึ้นมาเยอะทีเดียว เรียกว่าง่ายต่อการทามากๆๆๆ ส่วน BB ต้องใช้นิ้วค่อยๆๆวนๆๆๆ นานนิดนึง เพราะเนื่องจากนางมาเป็นแบบแท่ง เนื้อผลิตภ้ณฑ์ก็จะแข็งกว่าอีกสองตัวนั่นเอง แต่โดยรวมแล้ว ทั้งสามตัวนี้ ก็เป็น item ที่ดี แต่ถ้าต้องให้เลือก เราเลือก NS เนื่องจากโดยรวมแล้วดีที่สุด เฉดสีมีให้เลือกเยอะ หาซื้อง่าย ที่จริง GA ก็ดีพอๆๆกัน แต่ที่ไม่เลือกเพราะว่า หาซื้อยาก ต้องที่Duty Free รางน้ำเท่านั้น ไม่ก็ต้อง pre order กัน ส่วนเฉดสี ก็แปลกตามสไตล์ GA เฉดสีส่วนใหญ่ออกไปทางชมพูนิดๆๆ ถึงแม้เป็นเฉดเหลือง ก็แอบมีติ่งชมพูอยู่ดีๆๆ 

เอาหล่ะ สุดท้ายจริงๆละ เราก็หวังว่า ทุกๆคนคงจะมีข้อมูลประกอบการตำรองพื้นแบบครีมกันมากขึ้น โดยเฉพาะจากทั้งสามแบรนด์นี้กันนะจ้ะ 

เพราะความสวยคือตำนานอันยิ่งใหญ่ 

Discussion (0)