คอลลาเจน SAPPE ปะทะ SCOTCH Aora

สวัสดีค่ะ มิตรรักแฟนเว็บจีบันทุกท่าน

จากการที่เราได้ร่วมกิจกรรมกับ Jeban.com และมีโอกาสได้ลองไอเทมเด็ดๆ วันนี้จะกลับมารีวิวไอเทม 2 ตัวที่เคยได้รับมาลองค่ะ นั่นก็คือ Sappe Beauti Shot Collagen และ SCOTCH Collagen Aora ค่ะ

รีวิวหลังจากทานไป 24 วัน เท่าๆ กันนะคะ

หน้าตาของ Sappe เป็นเช่นนี้ค่ะ



ส่วน Scotch Aora เป็นเช่นนี้


ด้วยปริมาณคอลลาเจนที่ให้มาเท่ากันคือ 5.000 mg.  เหมือนจะไม่ต่างกันใช่ไหมคะ  แต่จากการพิสูจน์แล้ว เราว่าค่อนข้างต่างกันทีเดียวค่ะ    ต่อไปนี้ขอรีวิวแบบตรงไปตรงมาเลยละกันนะคะ

SAPPE
- รสส้ม ดื่มง่าย ไม่คาวค่ะ
- มีวิตามินซี 60 mg.
ผลลัพธ์
- ผิวนุ่มเด้ง ลื่น รอยสิวจางลงไวขึ้น  ผิวไม่ถึงกับว่าผ่องนะ แต่ผิวเนียนเด้งม๊ากกกก

SCOTCH Aora
- รสองุ่น ดื่มยากกว่าหน่อย บางคนอาจไม่ชอบ
- วิตามินซี 14 mg. แต่ก็ผสมวิตามินอื่นๆ มาด้วย
ผลลัพธ์
- ผิวลื่นขึ้น รอยสิวจางลง เหมือนกับว่าผิวจะดูผ่องๆ ขึ้น สังเกตุได้จากตอนปล่อยหน้าสด ไม่ค่อยโทรมเท่าไหร่


แล้วมันต่างกันยังไง?
- เราว่า SAPPE ดื่มง่ายกว่า SCOTCH ค่ะ
- เรื่องผิวนุ่มเด้ง ลื่น เราว่า SAPPE ชนะ SCOTCH
- เรื่องความผ่อง ความสดใส เราว่า SCOTCH ชนะ SAPPE ค่ะ
- ราคาพอกัน

ผลลัพธ์ที่ได้ อาจจะแตกต่างไปในแต่ละคนนะคะ แล้วที่ผิวเราดูกระจ่างใสขึ้น เราก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะวิตามินซีที่เราทานวันละ 1,000 mg ด้วยหรือเปล่า? 

เราว่าสองยี่ห้อนี้ก็ดีกันไปคนละแบบค่ะ ถ้าอยากผิวเนียนๆ ไม่แห้งกร้าน SAPPE น่าจะเป็นคำตอบที่ดีค่ะ  
แต่ถ้าอยากดูผ่องๆ ใสๆ   ก็จัด SCOTCH  เลยค่ะ

ขอขอบคุณทางจีบัน และทางสปอนเซอร์ใจดีทั้งสองยี่ห้อด้วยนะคะ
ที่ให้เราได้มีโอกาสลองไอเทมดีๆ กันตลอดเลย   รักนะคะ จุ๊ฟๆ 

 

Discussion (3)

คอลลาเจนผง

"ดื่มแล้วผิวเนียนกระจ่างใส ช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจน ลองดูก่อน 7 วัน" บวกกับดาราหน้าใสกิ๊กถือกล่องคอลลาเจนผงถ่ายลงอินสตราแกรม ดาราหน้าสวยผิวใสการันตีขนาดนี้ใครจะไม่เชื่อบ้างล่ะ

การกินคอลลาเจนไม่ได้ช่วยเรื่องผิวพรรณเลย เว้นแต่ว่าคุณต้องได้รับคอลลาเจนผ่านการฉีด หรือใช้เครื่องมือพิเศษผลักไออนนำคอลลาเจนเข้าไป หรือร้อยไหม, ยิงเลเซอร์บางตัวเข้าไป เพื่อกระตุ้นให้คอลลาเจนตื่น

"คอลลาเจนมันคือ ตั้งแต่ผม เล็บ เนื้อ หนัง กล้ามเนื้อ ล้วนเป็นคอลลาเจน สรุปง่ายๆ คอลลาเจนคือ เนื้อตัวเรา จริงๆ แล้วก็คือโปรตีน มันก็มีอยู่ในสัตว์อื่นๆ ทั้งหลาย ทีนี้เวลาที่สกัดคอลลาเจนมา มักจะโฆษณากันว่า คอลลาเจนผงจากปลาทะเลน้ำลึก หรือไม่ก็คอลลาเจนบริสุทธิ์ พวกเค้าต้องมีกิมมิค (gimmick) ให้ดู precious เป็นของล้ำค่า คอลลาเจนจากหอยเป๋าฮื้อ จากหอยมุก จากไข่ปลาคาเวียร์

เมื่อก่อนมีมาคอลลาเจนจากญี่ปุ่นที่มาใส่ในหม้อไฟ เรียกกันว่า กินคอลลาเจนสดๆ แต่พอแปรรูปเป็นผง ซึ่งพวกเราไม่มีทางรู้เลย ผสมแป้งไหม มีสารปนเปื้อนอะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ ส่วนใหญ่เน้นชูธงว่า เป็นคอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก ดังนั้นข้อเสียอย่างแรกคือ แพ้

หากกินแล้วรู้สึกคลื่นไส้ ถือว่าเป็นระดับอนุบาล แต่ถ้าแพ้รุนแรง จะบวมเป็นผื่นขึ้น ถึงขั้นแน่นหน้าอก หลอดลมตีบ หายใจไม่ออกได้เลย ยิ่งคอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก คนที่แพ้อาหารทะเล กินคอลลาเจนชนิดนี้ไม่ได้นะ เพราะจะเกิดอาการแพ้รุนแรง เตือนคนที่แพ้อาหารทะเล ต้องดูที่มาของคอลลาเจนด้วย

ข้อเสียที่สองเป็นของแถม ได้แก่ สารปนเปื้อน อย่างที่บอกถ้าเป็นคอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก มักจะมีพวกโลหะหนักที่ติดมาจากทะเลน้ำลึก ได้แก่ พวกตะกั่ว ปรอท หรือพวกสารปนเปื้อนอื่นๆ"

ข้อเสียที่สาม ถ้ากินทุกวัน ไตทำงานหนักแน่นอนเลยครับ เพราะคอลลาเจนผ่านทางไต มันจะทำให้ไตทำงานเหนื่อยมาก นอกจากข้าวประจำวัน ยังต้องมาทำงานล่วงเวลาขับคอลลาเจนอีก ดังนั้นใครที่มีปัญหาเรื่องไต เป็นโรคไต ไม่ควรกิน รวมทั้งคนที่อยากสวยแต่อายุเยอะแล้ว ต้องระวังมากๆ

"ถามว่าทำไมคอลลาเจนผงถึงกำลังเป็นที่โด่งดัง คงจะเป็นเรื่องของการมาร์เก็ตติ้งมากกว่าครับ" นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กล่าว