วิเคราะห์เจาะลึก Tony moly Galactomyces กล่องแดง-ฟ้า พร้อมเปรียบเทียบน้ำตบอื่นๆ

สวัสดีค่ะพี่ๆน้องๆเพื่อนๆจีบันทุกท่าน

หลายๆท่านอาจจะอ่านบทวิเคราะห์น้ำตบของมี่ไปแล้ว แต่วันนี้เอาในอีกมุมมองนึงมาฝากค่ะ เพราะตัวมี่เองเคยลองทั้ง Tony moly กล่องแดงและกล่องฟ้า แต่ตัวอื่นๆยังไม่เคยลองนะคะ ^^ ขวดถัดไปที่จะลองจะเป็น Missha ค่ะ

พร้อมแล้วไปรับชมกันเลยค่ะ

วันนี้เราจะมารีวิวพร้อมเปรียบเทียบ น้ำตบ Tony moly กล่องแดงกับฟ้า กับน้ำตบอื่นๆ อีก 4 ไอเทมค่ะ



ตัวแรกจะเป็น Tony moly กล่องแดง ค่ะ







ตัวนี้ส่วนผสมคือ Galactomyces ferment filtrate, PEG/PPG-17/6 Copolymer, Phenoxyethanol, Chlorphenesin, Ethylhexylglycerine, Caprylyl glycol

โดยรวมแล้วสารออกฤทธิ์หลักจะเป็น Galactomyces ferment filtrate ขอย่อว่า GFF นะคะ

GFF นี่ทำอะไรได้?

Galactomyces คืออะไร?

คือ ยีสต์ชนิดหนึ่ง ซึ่งก็มีหลายๆสายพันธ์ย่อยๆไปอีก ดังนั้นถ้าจะบอกว่า ไอน้ำตบแต่ละแบรนด์นี้เป็นเชื้อเดียวกัน เพราะเป็น Galactomyces เหมือนกัน อันนี้ตอบไม่ได้นะคะ เพราะว่า ยีสต์ Galactomyces เองก็มีหลายๆ Species และแต่ละ Species ก็ให้ผลต่างกันไปด้วยแหล่ะ

เพื่อให้เห็นภาพ นึกถึงกุหลาบสองสายพันธ์ Rosa canina กับ Rosa damascena ทั้งกลิ่น ทั้งสี ทั้งรูปร่าง ทั้งคุณสมบัติต่างกันลิบลับค่ะ

ที่สำคัญคือ เจ้าของแบรนด์เค้าก็ต้องเก็บเป็นความลับของเค้าด้วย ว่าเค้าใช้พันธ์อะไร จะได้ไม่โดนขมายไปทำเลียนแบบค่ะ

มีรายงานการวิจัยระบุว่าสามารถเพิ่มความแข็งแรงของ Barrier ที่ผิวหนังชั้นนอก โดยไปเพิ่มจำนวน Caspase-14 ที่เป็นเอนไซม์บริเวณผิวหนัง ปกติเวลา Caspase-14 มีความผิดปกติไปจะทำให้ Barrier ผิวเปลี่ยนไป (Arch Dermatol Res. 2013; 305(8):683-9.) และมีผลต่อการทำงานของเซลล์ Melanocyte (J Am Acad Dermatol. 2014; 70(5)S1:AB127.) และสารอาหารต่างๆก็มีผลเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

สรุป GFF จากงานวิจัยพบว่า ช่วยให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวขาว ประเด็นนอกจากนี้ ไม่มีหลักฐานทางวิชาการรองรับค่ะ (อาจจะมีกล่าวในสิทธิบัตร แต่การตรวจสอบข้อมูลในสิทธิบัตร จะไม่เหมือนกับรายงานตีพิมพ์ในวารสาร ซึ่งผ่านการกลั่นกรองโดยผู้เชี่ยวชาญก่อนถึงจะตีพิมพ์ได้)

เห็นว่ามีผลให้รูขุมขนกระชับขึ้นด้วยค่ะ แต่มี่ลองใช้แล้วรู้สึกเหมือนเดิมนะ แต่ที่ใช้แล้วฟินมากๆ คือ หน้านุ่ม ฟูขึ้นค่ะ รู้สึกผิวไม่ค่อยระคายเคือง อักเสบบ่อยเหมือนเมื่อก่อน

สำหรับสารอื่นๆ PEG/PPG-17/6 Copolymer ตัวนี้เป็น Polymer ที่เป็นของเหลว ทำหน้าที่ช่วยละลายสาร เพิ่มความชุ่มชื้น และให้สัมผัสที่ดี และลื่นตอนทา อาจจะเหนอะหนะผิวได้บ้าง แต่ก็สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นได้ดี, สำหรับ Ethylhexylglycerine, Caprylyl glycol แม้ว่าจะใส่มาเป็น Preservative จากคุณสมบัติในการระงับเชื้อ แต่ก็มีคุณสมบัติดูดน้ำให้ผิวได้ด้วย

ดังนั้นตัวนี้ดูส่วนผสมโดยรวมแล้วเรียกว่ายังไม่มีข้อติเลยค่ะ

ต่อมาเป็นกล่องน้ำเงินนะคะ







ส่วนผสมนะคะ Galactomyces ferment filtrate, Diglycerin, Bis-PEG-18 Methylether Dimethylsilane, Pentylene glycol

สารออกฤทธิ์หลักเป็น GFF เหมือนกันค่ะ

ส่วนสารอื่นๆ Diglycerin กับ Pentylene glycol นี่เป็นสารเพิ่มความชุ่มชื้นที่ดีค่ะ Pentylene glycol เป็นสารระงับเชื้อได้ด้วย

ละก็ตัว Bis-PEG-18 Methylether Dimethylsilane เป็น Silicone ชนิดหนึ่งค่ะ ทำให้ได้สัมผัสที่เบากว่า ตัว PEG/PPG-17/6 Copolymer ในกล่องแดง จึงเป็นที่มาของคำว่า "Lite essence"

สองตัวนี้เหมือนกันเด๊ะเลย ต่างกันแค่เนื้อสัมผัสเฉยๆค่ะ

ลองดูตัวเปรียบเทียบจากแบรนด์อื่นๆบ้างนะคะ

แบรนด์ S

เหมือนเป็นเจ้าแรกเลยค่ะ

รู้จักกันในนาม "น้ำป้า...(ดาราท่านหนึ่ง)"
ส่วนผสม: Galactomyces Ferment Filtrate, Butylene Glycol, Pentylene Glycol, Water, Sodium Benzoate, Methylparaben, Sorbic Acid.

ตัวนี้สารหลักก็เป็น GFF เหมือนกันค่ะ ส่วนของ Butylene glycol กับ Pentylene glycol ก็เป็น Moisturizer ที่ดีค่ะ สำหรับสารกันเสีย มีการใช้พาราเบนอยู่ ซึ่งประเทศทางยุโรปได้ห้ามใช้แล้วค่ะ เพราะเคยมีรายงานว่าสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง

ดังนั้นคหสต.มี่คิดว่า แบรนด์ S จะดรอปลงไปนิดนึง เพราะพาราเบน ค่ะ (เสียใจ)

ตัวถัดมาเป็นของเกาหลีอีกตัวค่ะ ของแบรนด์ Mis... รุ่น Time first energy essence

ส่วนผสมนะคะSaccharomyces Ferment Filtrate (80%), Propanediol,Glycyrrhiza Glabra ( Licorice Root Extract ), Niacinamide, Polyquaternium-51, Bifida Ferment Lysate, Ulmus Davidiana Root Extract, Raffinose, Amaranthus Caudatus Seed, Piper Methysticum Leaf/Root Extract, Centella Asiatica Extract, Beta Vulgaris (Beet) Root, Portulaca Oleracea Extract, Rosmarinus Officinalis, Chamomile Extract, Phellodendron Amurense Bark, Cassia Alata Leaf Extract, Sodium Hyaluronate, Hydrogenated Lecithin, Glycerin, Pentylene Glycol, Hydrolyzed Corn Starch, Tromethamine, Water, Adenosine, Ethylhexylglycerin, Lactic Acid, Phenoxyethanol

แบรนด์นี้เป็นแบบผสมผสานทั้งน้ำเลี้ยงยีสต์ และสารออกฤทธิ์อื่นๆค่ะ สังเกตว่า เค้าใช้ยีสต์คนละชนิดเลยนะ อันนี้เป็น Saccharomyces และผสมกับ Bifida ซึ่งได้จาก Bifidobacterium ที่เป็นโพรไบโอติกค่ะ

ถ้ามี่จำไม่ผิด สมัยก่อนแบรนด์ S ก็ใช้ยีสต์ Scahharomycesตัวนี้เหมือนกันแล้วพึ่งมาเปลี่ยนเป็น GFFค่ะ

ผลิตภัณฑ์นี้มีน้ำเลี้ยงยีสต์เป็นหลัก (เห็นว่าใช้ 80%) ซึ่งน้ำเลี้ยงยีสต์เองก็มีคุณสมบัติเกี่ยวกับเรื่องความชุ่มชื้นและความแข็ง แรงของผิวหนัง มี Antioxidant และ Antiaging หลายๆตัว มี Moisturizer และยังมี Whitening อย่างวิตามินบี3 กับสารสกัดชะเอมเข้ามา ดูแล้วก็ถือว่าน่าจะครบถ้วนสำหรับการเป็น Essence เพื่อชะลอวัย และช่วยให้ผิวเนียน ดูแล้วคงจะดีกว่าการที่มีแค่ GFF อย่างเดียว

ส่วนของสารอืื่นๆก็มี Glycol สายยาวที่ดูดน้ำให้ผิวได้ดี ไม่มี Alcohol ที่จะมารบกวนผิวได้ ก็ถือว่าทำมาได้ดีเช่นกัน
ไม่มีทั้งน้ำหอม พาราเบน ยังใช้ Lecithin เป็นตัวผสานน้ำกับน้ำมัน ที่ให้คุณสมบัติบำรุงผิวได้ Polyquaternium-51 เป็นสารที่มีโครงสร้างคล้ายกับ Phospholipid บนเซลล์ จึงน่าจะให้ผลเพิ่มความชุ่มชื้นได้อีก จึงไม่รู้เลยว่าจะหักคะแนนอะไร

ขวดถัดไปมี่ว่าจะจัดอันนี้แหล่ะค่ะ

ตัวถัดมาเป็นของ Nature re... ค่ะ

ส่วนผสมมันยาวมาก ขอใช้รูปจาก Blog beautifulbuns นะคะ Credit ตามรูปคะ


(Picture from beautifulbuns.wordpress.com, give a full credit to her on using)

แบรนด์นี้ก็ผสมผสานทั้งน้ำเลี้ยงยีสต์ และสารอื่นๆค่ะ ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว

ตัวชูโรงคงเป็น Saccharomyces ferment เสริมด้วยสารสกัดจากพืชหลายๆชนิด ซึ่งให้ผลกันครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ว่าสารที่ใส่มา มีอย่างละนิดละหน่อยจะถึงความเข้มข้นที่ออกฤทธิ์ได้ผลจริงหรือเปล่า อันนี้ก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เพราะเราไม่ทราบว่าเค้าใส่มาอย่างละเท่าไหร่

สำหรับสารอื่นๆก็มีสารดูดน้ำให้ผิวดีๆหลายตัว ไม่มี Alcohol นอกจากนี้ก็ไม่มีน้ำหอม ไม่มีพาราเบน ใช้น้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบ anise grapefruit และมะนาว สองตัวหลังนี่น่าเสียดายมากๆ เพราะว่าน้ำมันหอมระเหยจากพืชตระกูล Citrus จะมีสารชนิดนึงที่ชื่อว่า Coumarins ทำให้เกิดการแพ้แสงได้ง่าย แต่ปัจจุบันเค้ามีการสกัดเอา Coumarins ออกจากน้ำมันหอมระเหย แต่เราก็ไม่รู้ว่าเค้าใช้วิธีนี้หรือเปล่า

ตัวสุดท้ายเป็นของเกาหลีเหมือนกันค่ะ

จากแบรนด์ TFS

ส่วนผสม
Yeast ferment extract, Dipropylene glycol, Niacinamide, Glycereth-26, Glycerine, Water, Methyl-gluceth-20, citrus paradise fruit extract, 1,2-hexanediol, yogurt, Spiraea ulmarea extract, Polyquaternium-51, Sodium hyaluronate, Panthenol, PEG-60 Hydrogenated castor oil, Adenosine, Theobroma cacao extract, Butylene glycol, Xanthan gum, Polysorbate 80, Acrylates/C10-30 alkyl acrylate crosspolymer, Triethanolamine, EDTA, Fragrance

ตัวหลักเป็น Yeast extract แต่ยีสต์จริงๆแล้วมีหลายสายพันธ์ ซึ่งสายพันธ์ที่เค้าใช้นี่จะเป็นสายพันธ์ไหนเราก็ไม่รู้ และแต่ละสายพันธุ์ก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป นอกจากนั้นก็มีสารสกัดจาก Grapefruit ซึ่งมีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น สารสกัดจาก Spiraea ไม่มีข้อมูลสนับสนุนแต่มีการ Claim ว่ากระชับรูขุมขน กับ Adenosine ช่วยลดริ้วรอย ถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นๆก่อนหน้านี้ โดยรวมแล้วอันนี้ยังไม่ค่อยครบเท่าไหร่

สำหรับสารอื่นก็มีสารดูดน้ำให้ผิวดีๆอย่าง Dipropylene glycol และสารอื่นๆ ไม่มี Alcohol ไม่มีพาราเบน แต่มีน้ำหอม สารอื่นๆก็ไม่มีพิษมีภัยอะไร แถมตัว Polyquaternium-51 ยังให้ผลปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนได้ เพราะโครงสร้างมันคล้ายกับเยื่อหุ้มเซลล์บนผิวหนัง

สรุปคะแนนทุกตัวนะคะ



สำหรับวันนี้ก็ขอตัวก่อนค่ะ โอกาสหน้าจะเอาบทวิเคราะห์มาฝากอีกนะคะ บ๊ายบาย

Discussion (6)

ถ้าเราหน้ามันจะใช้ตัวไหนดีค่ะ
กราบงามๆ ขอบคุณสำหรับรีวิวมากๆค่ะ ละเอียดเหมาะสำหรับคนขี้แพ้อย่างเรามาก และพาราเบนเป็นส่วนประกอบที่ทำให้หน้าพังแบบไม่รู้ตัว ตอนหลังจึงระวังมากเป็นพิเศษเช่นกันค่ะ
ตัว M 15 คะแนน ยี่ห้ออะไรหรอคะ
สนใจน้ำๆพวกนี้อยู่พอดีเลยยย ขอบคุณมากๆนะคะ