พาไปชมใบไม้แดงในวันฝนพรำที่ Kawaguchiko และรีวิว Mizuno Hotel

ทริปนี้ตั้งใจมากที่จะไปดูใบไม้แดงและภูเขาไฟฟูจิ เลยเลือกจองเรียวกัง

ที่อยู่บนเนินเขาอย่าง Mizuno Hotel เพื่อที่จะได้เปิดประตูออกมาก็เจอกับฟูจิอยู่ตรงหน้า

แต่…อากาศก็ไม่เป็นใจ เป็นวันที่ฝนตกและหมอกลงทั้งวัน ทั้งๆที่วันอื่นๆแดดออก (ซะงั้น)

แต่แพลนก็เลื่อนไม่ได้เพราะว่าจองและจ่ายเงินไปแล้ว ก็เลยต้องไปตามนั้นแหละ

บล๊อกนี้เลยเก็บภาพใบไม้แดงสวยๆ และบรรยากาศที่คาวากุจิโกะในวันฝนพรำมาให้ชมกันค่ะ

How to go

มีหลายวิธีที่จะไปยังคาวากุจิโกะ เราเลือกไปโดยบัสค่ะ ง่ายสุด ถูกสุด สะดวกสุดเลย

เราสามารถจองที่นั่งได้ล่วงหน้า 1 เดือนผ่านอินเตอร์เน็ทด้วยค่ะ

โดยเข้าไปจองที่หน้าเว็บนี้ http://highway-buses.jp/

ค่ารถเที่ยวละ 1,750 เยน

เวลาขึ้นรถก็ไปขึ้นที่สถานี Shinjuku ออกทางออก West Exit เดินในทางใต้ดินได้

ใช้เวลาราวๆ 5 นาที ก็จะถึง Shinjuku Expressway Bus Terminal

Note: Bus Station นี้จะไม่ใช่ JR Highway Bus station นะคะ ต้องระวังนิดนึง

อันนั้นจะอยู่ตรง New South Exit ค่ะ

เราเลือกไปรอบ 08:10 ค่ะ ไปถึงที่ Bus Station บอกเลยว่า เกินครึ่งน่ะ คนไทยทั้งน้านนน

คนญี่ปุ่นเค้าไม่เที่ยวกัน เพราะฝนตก เหลือแต่นักท่องเที่ยวอย่างเราๆนี่แหละ

ที่มันเปลี่ยนการจองไม่ได้เพราะจ่ายกันไปแล้ว และแพลนกันมาแล้ว

ชตากรรมเดียวกันค่ะ คุยกันก็ขำกันเอง เพราะทุกคนรู้ว่าไปถึงก็คงไม่ค่อยเห็นอะไร

แต่ก็ช่วยไม่ได้น่ะ ต้องไป จ่ายไปแล้วนี่….

ภายในรถบัสสะดวกสบายค่ะ มีห้องน้ำด้วย

ตอนขึ้นรถก็ต้องคอยฟังจนท.นะคะว่า บัสของเราเนี่ยขึ้นที่ป้ายเบอร์อะไร

แล้วที่นั่งก็เป็นแบบ Fix ค่ะ ต้องดูว่านั่งเบอร์อะไรด้วย

ขาไปรถไม่ค่อยติด ก็ไปถึงใกล้เคียงเวลาที่กำหนด ก็คือ 10:00 ค่ะ

ที่สถานีเราก็เจอแฟนๆบล๊อกด้วย เรียกว่าเจอคนไทยกันเองทั้งนั้นเลย

เมื่อถึงที่สถานีแล้ว เราก็ลองโทรเช็คที่โรงแรมว่าสามารถออกมารับได้เลยมั้ย

ทางโรงแรมแจ้งว่า เค้าจะออกมารับหลังเวลาเช็คอิน นั่นก็คือบ่ายสองค่ะ

เราก็เลยเอาพวกกระเป๋าไปฝากไว้ที่ Locker ด้านข้างของสถานี ถ้าจำไม่ผิดก็ 300 เยนค่ะ

ที่สถานีนี้เป็นสถานีที่น่ารักมากๆ ทำด้วยไม้

ด้านในก็มีของที่ระลึกกับร้านซอฟท์ครีมขาย ใครหิวก็มีแค่กรุบกริบให้รองท้องแค่นั้นค่ะ

วันนี้ฝนตกทั้งวัน ที่เห็นว่าไม่มีร่มน่ะ ไม่ใช่ฝนหยุดนะ ไปยืนตากฝน 555

จากนั้นก็นั่ง Retro Bus ซึ่งก็เป็นบัสธรรมดานี่แหละ เรานั่งสายสีแดง เป็นบัสวน 21 ป้าย

เราก็นั่งไปจนสุดสายเลยค่ะ ลงที่ Kawaguchiko Living Center

ปกติจุดชมวิวริมทะเลสาบจุดนี้วิวจะสวยมาก และเห็นฟูจิซังได้ชัดสุดๆ

แต่เห็นอะไรมั้ย…เห็นแค่หมอก….

ฝนก็ตกเม็ดใหญ่มาก เอาร่มออกนี่มีเปียกหนักเลยล่ะ

มุมตรงนี้ถ้าฝนไม่ตกคงจะสวยและชิลมากๆ

จากนั้นก็ไปลงบัสที่ป้ายเบอร์ 18 Itchiku Kubota Bijutsukan

ที่ป้ายนี้จะมีทางเดินเล็กๆเดินลงไปถ่ายรูปฟูจิซังด้วย แต่ในเมื่อมันมองไม่เห็น

เลยไม่ได้ลงไปค่ะ เป้าหมายของครั้งนี้คือการถ่ายรูปใบไม้แดงที่ Momiji Tunnel

"อุโมงค์ใบไม้แดง"

รูปนี้จะเห็นเม็ดฝนเลยล่ะ คือตกหนักมาก วันนั้นเราเปียกเลยทีเดียว

ให้พี่หมีตั้งกล้องให้เสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็เหวี่ยงร่มออกไปตอนถ่าย ได้อีกฟีลนึง ฮ่าๆ

เก้าอี้ก็เปียกโชก แต่ก็ไม่แคร์ค่ะ นั่งเลย…

ตอนนี้ผมเริ่มเปียก ลอนหายหมดแระ

ตลอดทางของอุโมงค์ใบไม้แดง ก็เต็มไปด้วยความชุ่มฉ่ำ

เราไปในช่วงปลายของใบไม้แดงแล้วค่ะ (25-26 Nov)

ถ้าอยากให้แดงฉ่ำก็ต้องไปก่อนหน้านี้ซักวีคนึง ตอนแดงเต็มที่ส่วนมากจะอยู่ราวๆ

กลางเดือนพย. ของเราที่ไปเนี่ย เริ่มร่วงกันเยอะแล้วค่ะ แต่ก็ได้อีกฟีลที่สวยไปอีกแบบ

จากนั้นก็เดินมาทานอาหารกันที่ร้านโซบะใกล้ๆกัน เป็นร้านที่เรทติ้งดีอยู่นะ

แต่ราคาค่อนข้างแพงทีเดียว จำชื่อร้านไม่ได้ ไม่ได้ถ่ายไว้ด้วยอ่ะ

จากนั้นก็ไม่รู้จะไปไหนดี ก็เลยนั่งบัสต่อ ไปลงที่ Ukai Kawaguchiko Music Forest

ป้ายเบอร์ 16 ตอนแรกก็ว่าจะเข้าไปเดินเล่นนะ แต่พอเดินเข้าไปแล้วมันแฉะมาก พอไปถึงจุดซื้อตั๋ว

ก็เปลี่ยนใจ เห็นมันแฉะขนาดนี้ เอาไว้ครั้งหน้าละกัน เสียดาย ครั้งก่อนที่มาอากาศดีมาก

ถ้าอากาศดีๆ มันจะสวยและโรแมนติกสุดๆเลยล่ะ

จากบัสตรงนั้นเราก็มาขึ้นรถต่อไปยังเบอร์ 10 Yuransen Ropeway Iriguchi

ทางขึ้นกระเช้าชมวิวค่ะ แหม..อากาศอย่างนี้จะไปชมวิว?

ก็อุตส่าห์มาแล้วอ่ะ แล้วค่าขึ้นก็ไม่กี่ร้อยเยนเอง ก็ขึ้นเหอะ

พอขึ้นกระเช้า เปิดประตูกระเช้าเท่านั้นแหละ…

นี่มัน Silent Hill ชัดๆ

หมอกทั้งนั้น…

ขึ้นมาเห็นอะไรมั้ย… ก็เห็นแต่หมอกขาวๆนั่นแหละ หนาวมาก ลมแรง ฝนตก ครบสูตรเลย

เค้าบอกว่ามีคาเฟ่ด้วยนิ ก็เลยเดินขึ้นบันไดไป กะว่าจะนั่งเล่นซักหน่อย

สรุปคือเป็นร้านค้ามีชา กาแฟขาย แต่นั่งกันด้านนอกนะจ้ะ

พนง.เป็นคนไทยด้วยค่ะ สื่อสารง่ายมากๆ

เราก็เลยลองสั่งทานูกิดังโงะ (รึเปล่านะ) เจ้าแป้งย่างราดซ้อสไม้นี้ กับชาเขียวมาลอง

เอางี้…หน้าตามันดูดีมาก แต่เรากะพี่หมีกินไม่ได้เลยอ่ะ หวาน MAX

พอมีช่วงฟ้าเริ่มเปิดก็รัวกันเลย แค่อึดใจเดียวเท่านั้น

นี่ก็เห็นฟูจิคิวไกลๆ ท้องฟ้าไม่สวย ถ่ายอะไรมาก็ไม่สวย เลยเก็บกล้องดีกว่า

พอจะกลับ ก่อนทางลงไปกระเช้าก็มีศาลเจ้ากระต่าย และระฆังเรื่องความรักด้วยค่ะ

แวะถ่ายรูปซักหน่อย

จากนั้นเราก็นั่งรถบัสกลับมายังสถานี แล้วก็โทรให้ทางโรงแรมขับบัสมารับ

จุดรอบัสก็คือห้อง Information ด้านขวามือของสถานีค่ะ

ด้านในมีฮีทเตอร์อุ่นๆ นั่งรอราวๆ 10 นาทีก็มารับค่ะ

โรงแรม Mizuno ที่เราจองไว้ เป็นโรงแรมที่อยู่บนเนินเขา จะไม่มีอะไรบังวิว

แต่ก็จะลำบากเวลาขึ้นลงจากโรงแรมเพราะว่ามันชันมากทีเดียว

ที่โรงแรม Mizuno จะมีห้องพักหลายแบบค่ะ

จองผ่าน agoda จะสะดวกสุดเพราะล็อคห้องได้เลย เราเคยจองผ่านเว็บของโรงแรม

เค้าจะฟีดแบคช้าหน่อย 2-3 วันกว่าจะตอบมาค่ะ

ห้องที่เราเลือกพักเป็นแบบห้องญี่ปุ่น มีห้องน้ำในตัว ห้องใหญ่มาก นอนได้ 4 คน

ราคาคืนนึงก็ราวๆ 5,200 บาท ต่อคืน ต่อห้อง ไม่มีอาหารเช้า ไม่มีอาหารเย็นให้ค่ะ

เราลองไปสอบถามทางโรงแรมว่า หากจองผ่านทางโรงแรมตรง รวมอาหารเช้าราคาจะเป็นเท่าไหร่

ทางโรงแรมบอกว่า ถ้ารวมอาหารเช้าแบบญี่ปุ่น ค่าพักคนละ 14,040 JPY

อาหารเช้าแบบฝรั่งเศส ค่าพักคนละ 15,120 JPY หรือตกคนละราวๆ 4,200 – 4,500 บาท

หรือจะจองผ่าน agoda แล้วก็คือคอร์สอาหารเย็นเพิ่มก็ได้ เพิ่มเงินอีกคนละ 5,500 JPY (1,650 บาท)

เดินเข้ามาถึงที่ Lobby ของโรงแรม ก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่อบอุ่น

การตกแต่งในแบบเรโทร โรงแรมนี้เป็นโรงแรมเก่าค่ะ มีมานานและได้รับความนิยมมานานแล้ว

ก็ยังคงสไตล์เดิมไว้ น่ารักดี ที่ล๊อบบี้มีการตกแต่งรับวันคริสมาสต์ อีกมุมนึงก็มีห้องอ่านหนังสือ

Gallery และมุมผ่อนคลาย มุมบาร์ต่างๆ เป็นโรงแรมที่น่ารักทีเดียวล่ะ

เข้าห้องไปดูกันบ้าง ห้องกว้างขวาง นอนกันได้สบายเลย

ที่โรงแรมก็บริการดีมากๆ ตอนทุ่มนึงก็มีคนมาปูฟุตงให้ค่ะ

นอนฟุงตงอุ่นๆแบบนี้ เลยพาลอยากได้คาเคะฟุตง (เฉพาะผ้าห่ม) แต่ในไทยหาซื้อยากแถมแพงด้วย

อยากหอบกลับไปไทยจริงๆ

วิวระเบียงถ้าอากาศดีฟ้าเปิด จะเห็นฟูจิซังชัดตรงหน้าเลย

แต่วันนี้เห็นแค่หมอก ฮืออ

มันควรจะต้องเป็นแบบนี้สิ

(ภาพจากเว็บไซต์โรงแรม)

(ภาพจาก Tripadvisor)

เอาเถอะ ไม่เห็นก็ไม่เป็นไร ฟูจิซังกับเราคงไม่ค่อยถูกกัน ไม่เห็นได้เห็นใกล้ๆ ชัดๆซักที

มากี่ทีก็อายหลบตลอด วันฟ้าใสนั่งชินคันเซนจากโตเกียวไปโอซาก้า ก็ดันหลับ…

.

.

ตกกลางคืนก็นั่งจิบเบียร์เม้าท์มอย เปิดแง้มๆประตูเล็กน้อยรับลมหนาว (-1 องศา)

เช้ามาตื่นมาปุ้ป รีบเปิดประตูดูซิว่าอากาศจะโปร่งขึ้นมั้ย

ไม่เลย…ฝนยังคงตกต่อเนื่อง ลมแรงมากด้วย หมอกลงจัด

วันนี้ที่คาวากุจิโกะฝนตกทั้งวันอีกเช่นเคย แต่น้อยกว่าที่โตเกียวล่ะ

เพราะวันนี้น่ะ ดูในพยากรณ์อากาศ บวกกับไลน์กับเพื่อนๆแล้ว คนที่อยู่โตเกียว

โดนลมซัดเอาตัวปลิว ร่มพังกันเป็นแถบๆ

เหมือนโปสเตอร์หนังมั้ยคะ อิอิ…

.

.

จากนั้นก็รีบเช็คเอ้าท์ค่ะ ที่โรงแรมก็มีรถไปส่งที่สถานีตั้งแต่ 8 โมงถึง 10 โมง

ที่นี่เช็คเอ้าท์กัน 10 โมง ห้ามเลทนะคะ เพราะมีปรับเงินด้วย

เราก็ออกรอบสุดท้ายค่ะ 10 โมง

ขากลับก็นั่งบัสกลับค่ะ บัสเนี่ยต้องดูดีๆเลยล่ะ คืองงมาก หน้าตาไม่เหมือนเดิม

แถมไม่มีป้ายอะไรบอกอีก มาทีเดียว 3 คันรวด แล้วก็ออกเวลาเดียวกัน

จะรู้มั้ยว่าตั๋วที่ซื้อน่ะบัสคันไหน คนไทยที่ต่อคิวกันด้านหน้าก็ขึ้นกันผิดหลายคน

ทางที่ดี ก็ยื่นตั๋วให้คนขับดูก่อนว่า ถูกคันหรือเปล่านะคะ

ตอนขากลับเจออุบัติเหตุระหว่างทาง ทำให้รถติดมากๆ ดีเลย์กันเกือบชั่วโมงเลยล่ะ

พอถึงโตเกียวก็เดินเล่น กินข้าวกันแถวชินจูกุแล้วก็แยกย้ายกันกลับโรงแรมค่ะ

แล้วพบกันใหม่ครั้งหน้าค่ะ เอาร้านอร่อยที่คนญี่ปุ่นนิยมไปทานมาฝากกันอีกเพียบค่ะ

.

Discussion (5)

ถึงจะหมอกหนา ฝนลง แต่พี่แป้งก็ยังสวยอยู่นะคะ ชอบบ ภาพสวยมากเลย
ภาพก็สวย คนก็งาม ได้อารมณ์สุดๆ