เปิดกรุสกินแคร์ Day&Night หนาวนี้โบกอะไรบ้างมาดูกัน
kaosuaylunla10สวัสดีค่ะสาวๆจีบัน
ตื่นเต้นจังเปิดทู้แรกของปีกับจีบันเวอร์ชั่นใหม่
ถ้ามีตรงไหนผิดพลาดประการใดติชมกันได้เลยนะฮะ
วันนี้จะมา เปิดกรุสกินแคร์ Day&Night ของต้นปี 2015 มาให้ชมกัน
หลังจากที่เคยอัพสเตตัสบนเฟสบุคไปว่ากว่าจะออกจากบ้านได้ต้องลงถึง 6 ตัว
มีแต่คนสงสัยว่าจะลงอะไรเยอะแยะขนาดน้าน!!
(เชื่อว่าสาวๆในนี้ต้องมีคนเยอะกว่าเราบ้างแหละน่า สารภาพมาาา!!)
เอาภาพไปชมกันเลยค่ะ
Skincare for Day Time:
เริ่มกันด้วยน้ำตบป้าเจี๊ยบในตำนาน ที่เพิ่งมีโอกาสได้มาลองใช้กับเค้า
คือมันดีงามมม กรีดร้อง จิกหมอน แต่แพงค่อด//ซื้อทีนี่ร้องไห้ไปอีก
ผลลัพธ์: ผิวดูกระชับ เด้ง รู้สึกได้ถึงความละเอียดเนียนเรียบ
หลังจากลงน้ำตบ หรือตระกูล Essence เรียบร้อยเพื่อให้สิ่งอื่นๆซึมสู่ผิวหน้าได้ดีขึ้น
ขั้นต่อไปก็ลงเซรั่มค่ะ ตัวนี้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ BOTANICS ในเครือ BOOTS ซึ่งตัวที่ได้มาลองเป็นตระกูล ALL BRIGHT ค่ะ เซรั่มนี้ราคาเพียง 500 บาทเท่านั้น กลางๆนะ ไม่ถูกไม่แพง เห็นมีจัดโปร 1 แถม 1 ด้วย ลองแวะไปเช็คร้านบู้ทส์แถวบ้านกันดูนะ
ผลลัพธ์: เห็นว่าจะเน้นเรื่องการผลัดเซลล์ผิวให้ดูกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่รู้นางธรรมชาติมากไปรึเปล่า คือไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่(ฮา) แต่เนื้อเซรั่มดีงาม ไม่ข้นเหนียว นางซึมไว ทาแล้วรู้สึกสดชื่น ผิวชุ่มชื่นดูสดใส ชิ้นนี้ถือว่าสอบผ่านค่ะ!!
ต่อกันที่ตัวเน้นเรื่องการดูแลลดเลือนริ้วรอย มาพร้อมแคมเปญ #powerofchange ที่เจ๋งมาก เอาสาวๆมาอยู่ในสภาพไร้กระจกหลายสัปดาห์แล้วหลังจากนั้นพอส่องกระจกก็จะค้นพบผิวที่มีริ้วรอยลดเลือนอย่างเห็นได้ชัด แบรนด์นี้คือ No.7 จาก BOOTS อีกเหมือนกัน ใช้รุ่น Protect & Perfect Intense ADVANCED Serum เน้นทาใต้ตา ร่องแก้ม ร่องจมูก จุดที่เกิดริ้วรอยง่ายราคาประมาณพันกว่าบาท ใช้มานานละลืม 5555
ผลลัพธ์: ริ้วรอยไม่เคยเพิ่มขึ้นเลยตั้งแต่ใช้ตัวนี้ แรกๆใช้ละก็มีเห็นลดลงไปบ้าง เช่นรอยใต้ตาที่เห็นได้ชัด แต่พอใช้ไปนานๆมันไม่ยักกะลดเพิ่มแฮะ 55555 แต่ก็ไม่มีริ้วรอบเพิ่มนะ ตอบโจทย์ดีอยู่ ให้ผ่านเหมือนกันค่ะ
ทีนี้ตามด้วย BALM ที่เน้นเรื่องการปรับสภาพผิวให้ดูสดใส รู้สึกจะมีประกายวิ้งๆเล็กละเอียดทำให้หน้าดูโกลว์ ดิวอี้ เกาลี้เกาหลี ให้ลงหลังเซรั่มแล้วตามด้วยเดย์ครีม
ผลลัพธ์: งงๆ ไม่เคยใช้บาล์มมาก่อน ขั้นตอนนี้น่าจะตัดออกได้นะ แต่ไม่รู้ทำไม อยากใช้เยอะๆ โบกเยอะๆ ด้วยความที่ผิวแห้ง ดูขาดน้ำ หมอง โทรม ตัวนี้เลยเวรี่ดึงดูดให้ใช้ แล้วมันก็ดีงามระดับนึง ไม่แต่งหน้าไปทำงานผิวก็ดูสดใสอะ ไม่ดูแห้งอิดโรย ถ้าใช้ควบคู่กับพวกเมคอัพน่าจะมีเอฟเฟกต์บางอย่าง แต่เป็นคนไม่ค่อยแต่งหน้าตรงนี้ไม่กล้าฟันธง
ต่อด้วย Day Cream เฮ้ย เพิ่งถึงขั้นนี้เหรอเนี่ย!!! สมัยเรียนคือไม่เคยมีนะไอ้สามสี่ขั้นตอนก่อนหน้านี้ มาถึงตื่นเช้าก็เดย์ครีมกับกันแดดคือจบพิธี โตมานี่ยุ่งยากแท้เนาะ ได้มีโอกาสใช้ตัวใหม่ล่าสุดของ L'Occitane เป็น LIGHT Comforting Cream ที่เน้นเรื่องการปลอบประโลมผิว ฟีลลิ่งทรีตเม้นต์เบาๆ สูตรนี้เข้มข้นน้อยกว่าออริจินอล แต่ก็ให้ความชุ่มชื่นได้ยาวนาน นี่เป็นคนต้องซ้อนมอไซค์ไปทำงานทุกวัน หน้าไม่เคยแห้งผากทั้งที่ตากลมมาอย่างโชกโชน
แบรนด์นี้แพคเกจจิ้งคือเวรี่ ECO การผลิตก็เน้นสร้างรายได้ให้กับชุมชน คือชอบอะ ดูน่าสนับสนุนอะไรแบบนี้ ยิ่งของเค้าดียิ่งอยากบอกต่อ กระปุกนึงราคา 1,590 บาท เพิ่งวางขายเมื่อไม่นานมานี้ ราคาเบาๆเมื่อเทียบกับรุ่นเก่าที่ขนาดเท่ากันแต่ราคา 2,080 บาท (เข้มข้นกว่า 5 เท่า)
เนื้อครีมเบามากกกก แบบคว่ำกระปุกก็ย้อยออกมาหมดอะ คือไม่เหนียวเลยสักนิด เป็นครีมแบบเวรี่เหลว เวรี่ซึมง่าย แอบหักคะแนนิดหน่อยตรงที่ไม่มีไม้พายมาให้ตัก รู้สึกเวลาแตะเนื้อครีมนี่แทบจะสามารถทิ่มทั้งนิ้วลงไปได้เลย (ไม่ควรทำนะยูว ไม่ดีกับสุขอนามัย ฮาา) ประทับใจความชุ่มชื่นที่คงอยู่ยาวนาน สำหรับเราอย่างน้อยคือ 12ชม. เลยที่รู้สึกว่าหน้าไม่แห้ง ทั้งที่ปกติเป็นคนหน้าแห้งและติดการฉีด Facial Spray อยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ใช้นางนี่แทบจะลืมโอกุม่าข้างโต๊ะไปเลย ชอบกลิ่นที่เหมือนแป้งเด็ก ด้วยความที่เป็นแฟนพันธ์แท้ผลิตภัณฑ์จากเชียบัตเตอร์อยู่แล้ว L'Occitane ตัวนี้เลยยิ่งได้ใจไปเต็มๆ
อันนี้เป็นส่วนผสมเผื่อใครอยากไปหามาลองแล้วกลัวแพ้นู่นนั่นนี่ แพคเกจนางมีการปั๊มอักษรเบรลล์สำหรับคนตาบอดลงไปด้วยนะ เออ โคตร ECO Friendly แล้วก็ใส่ใจ Community แบบสุดๆ แบรนด์เคลมว่าที่ทดสอบมาสามารถให้เอฟเฟกต์ความชุ่มชื่นได้ถึง 48 ชม. ซึ่งอันนี้ถ้าคนหน้ามันอาจจะใช่มั๊ง แต่อินี่หน้าแห้งไง ไม่ถึงอะ ได้แค่ 12-18 ชม. เท่านั้นแหละ แถมมีการบอกว่าถ้าใช้อย่างต่อเนื่องเนี่ย จะรู้สึกได้ว่าผิวดูสวยขึ้น!!! นี่ใช้มาระยะนึงละ รอหมดกระปุกจะมารายงานผลอีกทีว่าหลังจากโบกสกินแคร์เซ็ทนี้อย่างต่อเนื่องแล้วผิวเป็นยังไงบ้าง
มาต่อกันที่ Set Night Skincare ที่แทบจะเหมือนข้างบนทุกประการ แต่เปลี่ยนจาก SK-II เป็นฮาดะลาโบะ เหตุผลเพราะกลัว SK-II หมดไว... ไม่ช๊ายยย คือฮาดะตัวนี้เป็นสูตรใหม่ Hydrating Lotion ตัวที่จวนจีฮุนเป็นพรีเซนเตอร์ มันเน้นเรื่องความชุ่มชื่นมากกว่าน้ำพิเทร่าป้าเจี๊ยบ เลยเอามาใช้เป็นสกินแคร์น้ำตบยามค่ำคืน สารภาพว่าเพิ่งมานั่งอ่านฉลากตัว Balm อย่างละเอียด เพิ่งรู้วันนี้ว่าไม่ต้องใช้ตอนกลางคืนก็ได้ โอ๊ย ขำตัวเอง ขยันโบกไปไหนนน ที่ตัดไปคือ Day Cream และ Sunscreen แทนที่ด้วยโรสฮิปออยล์และ Night Cream แทน ซึ่งจริงๆแล้วมันก็ใช้ได้ทั้งเช้าและเย็นนั่นแหละ แต่เลือกเซ็ทนี้มาใช้กลางคืนเพราะมอบความชุ่มชื้นได้มากกว่า เหมาะกับคนหน้าแห้งที่ต้องนอนห้องแอร์เป็นอย่างยิ่ง
เคยรีวิวสกินแคร์ Flawless Me by Onnbaby ไปแล้วรอบนึงสมัยยังเป็นแม่ลูกอ่อน (บัดนี้ลูกโตจนจะเดินละฮะ 5555) นางสามารถแทนตัว Laneige Wayer Sleeping Pack Ex ได้แบบชะงัดเลย ในราคาที่ถูกกว่ากันครึ่งๆ เลยยังเป็นเหตุผลที่ยังใช้ตัวนี้ตอนกลางคืน จริงๆจะเอามาใช้กลางวันก็ได้นะ โดยในปริมาณที่น้อยลง เหมือนกับ L'Occitane ที่ถ้าโบกหนาหน่อยกลางคืนห้องแอร์ก็เอาอยู่ ประเด็นคือ เปิดใช้ไปแล้วทั้งคู่ ก็ไม่อยากจะดองตัวใดตัวนึงไว้ เดี๋ยวจะหมดอายุซะก่อน เลยต้องแบ่งใช้แบบนี้เอาน่ะ
หมดแล้วววววว >__<!!! กับกรุสกินแคร์ "ประจำวัน" ที่ยังไม่รวมบรรดามาสก์ สครับ อื่นๆที่ใช้แบบรายอาทิตย์ นี่จะเยอะไปไหน หลายๆคนคงบ่นในใจใช่มะ คือเราผิวแห้งมากจริงๆอะ แก้นิสัยดื่มน้ำน้อยไม่ได้จริงๆ วันๆอาจจะดื่มน้อยกว่าแก้วนึงด้วยซ้ำ คือโคตรน้อยยย แถมผิวแห้ง เลยต้องใช้วิธีนี้ประคองสภาพผิวไป ไม่งั้นพูดเลยว่าพังกว่านี้หลายเท่า สมัยเรียนนี่หน้าลอกเป็นแผ่นเลย เวรี่น่ากลัว
ดีที่เป็นคนไม่ค่อยแต่งหน้าเท่าไหร่ นานๆแต่งที หรือต้องมีวาระพิเศษถึงจะโบกครบเซ็ทตั้งแต่ไพรม์เมอร์ยันอายชาโดว์ ส่วนมากนี่กรีดตาทาลิปเขียนคิ้วคือพอ ชีวิตดี ไม่งั้นถ้าเป็นคนแต่งหน้าหนักเดาว่าผิวคงจะยิ่งแห้งกว่านี้มากๆๆๆๆๆ ไม้ยมกห้าสิบแปดล้านตัว
วันนี้เขียนซะยาวเลย ไม่ได้เม้ามอยนาน นี่อัดอั้น 555555
ว่างๆแวะไปเซย์ไฮในแฟนเพจคุณแม่ได้นะ
ขอบคุณที่ตามอ่านกันจนจบกระทู้
เลิฟยูว ม๊วฟฟฟฟ <3
Discussion (0)