Review : วาเลนไทน์นี้ ชวนคุณแควนไปภูกระดึงกันเถอะ !

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง (PHU KRADUENG NATIONAL PARK OF THAILAND)

ใกล้จะถึงวันวาเลนไทน์แล้ว มีแพลนที่จะไปท่องเที่ยวกับคนรักกันรึยังคะ ?

ลองพาแฟนไปภูกระดึงสิคะ แล้วคุณจะรู้ว่า เค้ารักคุณจริงหรือเปล่า อิอิ ล้อเล่นนะคะ จริงๆแล้วมันอยู่ที่คนสองคนมากกว่า ภูกระดึงไม่เกี่ยวค๊าาา อิอิ

เราสองคนชอบการท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ เพราะ จะมีอะไรที่ดีไปกว่า การได้ไปท่องเที่ยวกับคนที่เรารักใช่มั้ยคะ ? น่ารัก มุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง เกี่ยวก้อยเดินจูงมือเหมือนในหนังรักโรแมนติก โลกนี้มีเพียงสองเรา .. แต่..ช้าก่อนค่ะ สำหรับทริปของเราครั้งนี้เราต้องการความไม่ธรรมดา ความฮาร์ดคอร์ และความไม่เหมือนใคร หลายๆ คนบอกว่า ห้ามพาแฟนไป "ภูกระดึง"นะ เป็นอันต้องเลิกกันแน่นอน เราทั้งสองคน จึงลงความเห็นกันว่า ปะ..เราไปภูกระดึง จ.เลย กัน o_O!!

จัดกระเป๋า หาวันหยุดยาว และไปกันเลย !!!! การจัดกระเป๋า ปุ๊กเอาเป้ใบใหญ่ไปค่ะ สำหรับของใช้ของคนสองคน ส่วนเสื้อผ้า จะเลือกเสื้อใส่เที่ยวไปคนละ 3 ตัว กางเกง 2 ตัว ถุงเท้าตามจำนวนวันที่จะต้องอยู่เลยค่ะ เสื้อกันหนาว 1 ตัวแบบมีฮู๊ท จะได้ไม่ต้องใส่ผ้าพันคอและที่ครอบหูค่ะ ออฟชั่นเยอะ ทริปนี้ไม่เน้นสวยค่ะ เพราะถ้าน้ำหนักกระเป๋าเยอะ ต้องจ่ายเพิ่ม ประหยัดดีกว่านะ อิอิ

ของใช้ตามนี้เลยค่ะ เน้นใช้ด้วยกันบางอย่าง ลดน้ำหนักกระเป๋า อิอิ จะเพิ่มเติมในส่วนของไฟฉาย และไฟแขวนในเต๊นท์แบบชาร์ตไฟค่ะ ตอนกลางคืนมืดมากจริงๆ

การเดินทางไปภูกระดึง เราเริ่มเดินทางจาก จ.ขอนแก่นค่ะ จากตัวจังหวัดขอนแก่นนั้น ไม่ไกลกันมากค่ะ ขับรถส่วนตัวแค่ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงแล้ว เราจึงเลือกที่จะขับรถไปกันเอง เนื่องจากนึกถึงวันกลับ ขาลงจากเขาจะได้ไม่ต้องเร่งรีบ เรื่อยๆ ชิลๆ ตามประสาเราสองค่ะ

สำหรับอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองสำหรับเราสองค่ะ สิ่งแรกที่นึกถึงคือ ป่า เขา ลำเนาไพร หินผา การปืนป่าย ดังนั้น "รองเท้า" จึงสำคัญมากๆ ค่ะ เพราะจากประสบการณ์ที่มาครั้งก่อน ได้สอนอะไรไว้เยอะมาก เลือกรองเท้าที่เหมาะกับเรา และใส่สบายที่สุด นอกจากช่วยเดินสบาย ยังทำให้เซฟเท้าของเราได้มาก เพราะเท้าเป็นอวัยวะสำคัญที่ต้องใช้เมื่อไปเที่ยวภูกระดึง เพื่อเก็บภาพสวยๆ ชมพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตกดิน สัมผัสธรรมชาติ ล้วนใช้การเดินเท้าทั้งสิ้นค่ะ

ก่อนเข้าอุทยาน เราจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมยานพาหนะเข้าอุทยาน 30 บาทค่ะ

เมื่อเรามาถึงแล้วเราก็มาติดต่อเช่าที่พัก พร้อมค่าธรรมเนียมการขึ้นภูกระดึงคะค่า

คือเดี๋ยวนะ ผู้หญิงแบกกระเป๋าหรออ้วน !!!! ดูตัวเองเป๋ากล้องอันเดียว ผู้หญิงถึกสินะ T^T

ค่าธรรมเนียมขึ้นภูกระดึงสำหรับคนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติตามป้ายนะคะ อิอิ

ค่าเช่าเต๊นท์ค้างคืนข้างบนภู คืนละ 225 บาทค่ะ อยู่ 2 คืนค่ะ (ถ้าจำไม่ผิดนะคะ) พวกเราเช่าเต๊นท์ขนาดใหญ่ นอนได้ 3 คน เนื่องจากทริปนี้มีพี่ชายของพูมเค้ามาด้วยค่ะ เลยได้รูปสวยๆ เยอะแยะเลยย ขอบคุณค๊าบบ อิอิ จากนั้นเราก็ไปที่จุดจ้างลูกหาบในการคนกระเป๋าของเราขึ้นภูค่ะ แน่นอนค่ะว่าจ้างแน่ๆ เพราะเราไม่สู้จริงๆ ฮ่าๆๆๆ

เรทราคาของพี่ลูกหาบ จะอยู่ที่ กิโลละ 30 บาท กระเป๋าของปุ๊กและพี่ชายพูมรวมกันได้ 19 กิโลค่ะ ทั้งหมดจะเป็น 570 บาท จ่ายตอนรับกระเป๋าข้างบนค่ะ เพิ่มเติมจะมีค่า Name tag ใบละ 5 บาทต้องชิ้นค่ะ

พร้อมแล้วออกเดินทางกันเลย ทัศนียภาพของสองข้างทางของการขึ้นภูกระดึงในครั้งนี้ ไม่ค่อยสวยเท่าฤดูฝน หรือปลายฝนต้นหนาวค่ะ ต้นไม้จะเขียวขจีกว่า ดอกไม้เยอะกว่า ปุ๊กเป็นคนเลือกช่วงเวลานี้เองค่ะ เพราะว่าเป็นคนกลัวทากมากๆ เลยขอเลือกเป็นช่วงหน้าหนาว ไม่มีทากกวนใจ และหนาวสะใจจริงๆ ค่ะ ต้นไม้สองข้างทางจะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ไม่เป็นไรค่ะ ขอแค่ไม่มีทากเป็นพอ แต่ตากล้องสองคนเค้าอยากมาช่วงปลายฝนต้นหนาวมากกว่า ฮ่าๆๆ

จุดหมายของเราอยู่ห่างจากนี่ประมาณ 5.5 กิโลเป็นแนวตั้ง ! ถึงหลังแป นั่นคือยอดภูค่ะ และ…ต้องเดินทางเรียบอีกประมาณ 3.5 กิโล ถึงจะเป็นที่พักของเราค่ะ

เฮือกกกกแค่ได้ยินก็เหนื่อย จะกลับก็ไม่ได้ มาถึงที่แล้ว งั้นเริ่มมกันเลยยยยย !!!! Let's Gooo!!!

เริ่มขึ้นภู 11.00 ตรง พอดีเป๊ะ ! เดินชิวๆค่ะ ไม่รีบบ เหนื่อยก็พัก สรุปแวะทุกจุดที่เค้าทำเป็นที่พักค่ะ กินตลอดด อิอิ

ปุ๊กชอบเดินป่ามากๆค่ะ เรื่องปีนป่ายขอให้บอก ทางง่ายๆ ไม่ไปค่ะ ปีนอย่างเดียว ฮ่าๆๆๆๆๆ ดูจากรูป เดินไม่รอใครเลย เดินดุ่ยๆๆ คนเดียว แต่พูมเค้าจะคอยดู คอยห้าม คอยเตือนตลอดด เค้ากลัวปุ๊กหลงป่า กลัวขาแพลง พลัดตกบ้าง ถ้าเป็นจริงๆความซวยตกที่เขาแน่ๆ เพราะเขาจะต้องแบก เค้าเลยต้องคอยดู ยังกะเด็ก ฮ่าๆๆ (จริงๆ แล้วเค้าบอกว่าจะทิ้งให้ร้องไห้ขี้มูกโป่งในป่าเลย โทษฐานเดินไม่รอคนอื่น T^T)

ทางขึ้นภูจะเป็นแบบนี้ค่ะ ก้อนหินน้อยใหญ่ สูงและชันมาก ผสมกับทางราบ ไม่เหนื่อยเลยจริงๆ ดูจากรูปค่ะ

เดินไปเรื่อยๆ หน้าหนาวนี่ก็สวยเหมือนกันนะ ไผ่สีเหลืองเต็มไปหมดเลย หยังกะเมืองนอก อ้วนน !! ถ่ายรูปให้เค้าหน่อยยยสิ !!!

ระหว่างทางมีสถานที่สวยๆ หลายที่เลยค่ะ ภูมิใจมาก เพราะที่นี่คือประเทศไทย บ้านของเรา สวยไม่แพ้เมืองนอกเลย <3

บอกแล้วว่า แวะทุกซำจริงๆ แวะแล้วต้องกินค่ะ เติมแรง ฮ่าๆๆๆ

ปุ๊กเชื่อว่า การท่องเที่ยวไม่ว่ารูปแบบไหน เราจะเจอมิตรภาพดีๆ ตลอดค่ะ อย่างทริปนี้ก็เหมือนกัน ปุ๊กได้เจอกับน้องคนนึง น้องเค้าเป็นคนใต้ค่ะ เพิ่งมาอิสานครั้งแรก และการขึ้นภูกระดึงก็เป็นการขึ้นครั้งแรกเหมือนกันค่ะ กระเป๋าน้องพร้อม เต๊นท์พร้อม โดยที่น้องไม่จ้างลูกหาบ เราเห็นน้องนั่งเหนื่อยอยู่ค่ะ นั่งพักอยู่ระหว่างทาง เลยรีบบอกให้น้องลุกขึ้น ไม่งั้นตะตริวกินแน่ๆ และเราก็ได้แนะนำการเดินป่า ที่พอรู้บ้าง แนะนำการสะพายกระเป๋าถูกวิธี จากประสบการณ์ของเราให้น้อง และขอน้องเค้าถ่ายรูปด้วย น้องไม่ยิ้มเลย เพราะน้องยิ้มไม่ออก ฮ่าๆๆๆ พร้อมเดินไปเป็นเพื่อนกัน มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ง่ายๆ

และการได้พูดคุยกับพี่ลูกหาบ ทำให้เราอึ้งและประทับใจกับความเก่งของพี่เค้ามากๆ หาบนั้นหนักมากนะคะ แต่พี่เค้ายังหาบไปด้วยคุยกับเราไปด้วย อึ้งจริงๆ แค่กระเป๋าปุ๊กปุ๊กยังอยากจะโยนทิ้งเลย ฮ่าๆ พี่เค้าอัธยาศัยดีมาก Service mind เป็นเลิศ นอกจากพี่เค้าจะเป็นลูกหาบแล้ว พี่เค้ายังเป็นนักมวยอีกต่างหาก เมื่อชวนพี่เค้าถ่ายรูป พี่ไม่เขินเลยค่ะ ทั้งๆ ที่ยูนิฟอร์มพี่เค้าไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ พร้อมตั้งการ์ดใส่เลยค่ะ ฮ่าๆๆ ว่าแล้วก็ขอลองยกนิดนึง ไม่กระดิกเลยค่ะ พอค่ะ ปวดไหล่ ปวดหลังงทันที ฮ่าๆ ถามพี่ลูกหาบว่าวันที่ปุ๊กขึ้น หาบนี้น้ำหนักรวมประมาณ 40 กิโล !!! ถ้าเป็นวันศุกร์ เสาร์ คนเยอะ ต้องหาบกันไม่ต่ำกว่าคนละ 70 กิโล !!!!!!!!! ขุ่นพระ...

มารอบนี้พูดเลยว่า เจอลูกหาบหล่อหลายคนเลยนะ วัยรุ่นแถวนั้นมาทำงานลูกหาบเยอะขึ้น จากเมื่อก่อนที่เคยเจอ อยากจะทำเพจลูกหาบหล่อมาก แต่เนื่องจากไม่ได้ถ่ายรูปมา งั้นก็เชิญชวนมาเที่ยวที่นี่นะคะ ลูกหาบแซบๆ มีเยอะ ฮ่าาา

เห็นบันไดนี้แล้วชื่นใจค่ะ เพราะเมื่อขึ้นบันไดนี้ไปก็จะถึงหลังแป เส้นชัย (หลอกๆ) ของเรา 555+ ดูเวลา ถึงหลังแป เวลา 16.15 นาทีค่ะ 5 ชั่วโมงกับอีก 15 นาที แบบว่า เล่นเอาเหนื่อยเลย แต่ก็คุ้มค่ะที่ได้ขึ้นมา อากาศบริสุทธิ์มากจริงๆ เชื่อมั้ยคะว่า พี่ลูกหาบออกมาทีหลังเราตั้งเกือบชั่วโมง ที่เค้าตามเราทัน และขึ้นไปรอเราก่อนหลายชั่วโมงเลยย โอ้ มาย ก๊อดด...

มาถึงแล้วถ่าย Then & Now ซะหน่อย 7 ปีที่แล้วบอกกับตัวเองไว้ว่าจะมาอีก เมื่อกลับมาอีกทีทุกอย่าง ก็ยังเหมือนเดิม ชอบจัง อยากให้เป็นเหมือนเดิมแบบนี้ค่ะ ไม่อยากให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรมาบดบังทัศนียภาพของที่นี่ เพราะสิ่งเหล่านี้คือเอกลักษณ์ของภูกระดึง นี่แหละค่ะ ความลำบากคือมนต์เสน่ห์ของที่นี่ค่ะ ถ้าไม่ลำบาก ก็ไม่ใช่ภูกระดึงค่ะ

2008

2015

ถ่ายรูปบนหลังแปพอกรุบกริบ จากนั้นเราต้องเดินต่ออีก 3.5 กิโล ต้องรีบเดินเข้าที่พักค่ะ เดี๋ยวมืด แถวนี้เดินลำบากค่ะ เพราะดูจากรูปสิคะ ไม่มีไฟเลยสักดวง ไฟฉายก็อยู่ในกระเป๋ากับพี่ลูกหาบโน้นน เหอๆ

เดี๋ยวพรุ่งนี้กลับมาต่อนะคะ.........เดี๋ยวตามรูปกับช่างภาพก่อนนะคะ ^___^

Discussion (10)

ระยะทางถ้าจำไม่ผิด จากที่พักของเรา เดินเท้าไปยังผาหมากดูกซึ่งเป็นจุด START ค่ะ แค่เดินไปยังจุดสตาร์ท ก็แค่ 2.5 โลเบาๆ  ระหว่างทางแวะสักการะพระพุทธเมตตาค่ะ ปีนั้นเคยขอไว้ยังไง ปีนี้ก็ยังขออยู่ ฮ่าๆ ถ้าสมหวัง ต้องขึ้นมาแก้บนอีกรอบค่ะ ฮ่าาๆๆ
 
 
เสร็จปุ๊บ ปุ๊กและพูมไม่ลืมไปแวะทักทายต้นไม้ต้นนึงที่มันแปลกมากๆค่ะ แถวๆนั้น ลำต้นเป็นเก้าอี้เก๋ๆ ได้ด้วย เคยเจอมันเมื่อ 7 ปีก่อน ตอนนี้ลำต้นยังเหมือนเดิมค่ะ โตขึ้นมานิดหน่อย ลองจับตรงส่วนเว้ามัน ไม่ค่อยมีใครมานั่งมัน ผิวต้นไม้ยังสากๆอยู่ อิอิ


THEN & NOW อีกแล้วค่ะ ทึ้งกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติมากๆค่ะ 
ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง อยากให้เป็นแบบนี้ไปนานๆ ค่ะ ทุกๆ ที่ที่เดินมันมีความทรงจำที่เรารู้สึกประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่มา 



จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปยังผาหมากดูกกันต่อค่ะ จะเห็นได้ว่า สองข้างทางสวยมาก บรยากาศดีสุดๆ ได้ยินเสียงลม ฟิ๊วๆ ด้วย 

 

สวยงามใช่มั้ยคะ ?  แต่เชื่อมั้ยคะว่าทุกย่างก้าวที่เดิน ปุ๊กจะเจอกับเศษขยะข้างทาง ประปราย ชิ้นสองชิ้นบางทีก็หลายชิ้นเลย พอเก็บรวมกันมันก็เยอะ จะให้เก็บคนเดียวทั้งป่าคนจะไม่ไหว แอบเสียใจนิดนึงว่ามาเที่ยวธรรมชาติเพื่อชมธรรมชาติ แต่ทำไมกลับทำลายธรรมชาติเสียเอง และอีกหนึ่งนอกจากทิ้งขยะแล้วสิ่งที่ดูแล้วไม่สมควรทำอย่างยิ่งคือ...

อยากรณรงค์อย่าขีดเขียนหรือทิ้งขยะกันเลย มันดูไม่ดีเลยค่ะ
หยุดเรื่องเครียดที่มนุษย์สร้างขึ้น มาดูสิ่งสวยงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้นดีกว่า อันไหนน่าดูกว่ากันคะ



ไม่รู้ว่าชื่อว่าอะไรกัน แต่ดูสวยดีนะคะ หน้าหนาวยังมีดอกไม้ สวยๆ แบบนี้ให้เราได้เห็นอยู่นะ ^^

 
 
มาแล้วค๊าาา ขอบคุณทุกคนมากๆ นะคะ มาต่อกันเลยย
เมื่อเราขึ้นมาถึงยอดภู อากาศเย็นเลยค่ะ ต้องรีบเอาแขนเสื้อลง กัวไม่สบาย ทางราบเนี่ย ระยะทางจะเป็น 3.5 กิโลจากหลังแป ถึงวังกวางคือที่พักของเราค่ะ ทางราบนี่ไม่ใช่ราบอย่างเดียว ปนทรายด้วย พูดเลยว่า เมื่อยมาก ขาเรายิ่งล้าแล้วยังต้องเดินบนทรายอีก ฮ่าๆๆ ท่องเอาไว้ว่ากลับลำไม่ได้แล้วๆ ฮ่าๆ 



กว่าพวกเราจะถึงที่พักก็เกือบหกโมงค่ะ เดินชิวเกิน ที่เช่าผ้าห่มเค้าจะปิดแล้ว ต้องรีบไปติดต่อ เช่าผ้าห่ม ผืนใหญ่ 50 บาท ผืนเล็ก 20 บาท ที่รองเต้น ถุงนอน และหมอนค่ะ จำราคาไม่ได้ค่ะ อิอิ แล้วแบ่งเลยค่ะ คนนึงรีบไปรับผ้าห่ม คนนึงรับกระเป๋า คนนึงรับผ้าปู หมอน เมื่อเตรียมเต๊นท์ให้พร้อมสำหรับการพักผ่อนเสร็จแล้ว ก็ออกมาทานข้าว อาบน้ำ นอน อากาศไม่ต้องพูดถึง และน้ำก็ไม่ต้องพูดถึงเช่นกัน เหมือนกันเล่น ไอซ์ บักเก็ต ฮ่าๆ

พอทานข้าว สิ่งแรกที่ปุ๊กสั่ง ไม่พ้น ส้มตำ ฮ่าๆๆ ก็มันเหนื่อยอ่า อยากได้ปลาร้าเข้าร่างกายบ้าง รู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้นเยอะ ฮ่าๆ น้ำนี่ก็ไม่ใช่วิสกี้นะ เป็นน้ำชาร้อนๆ แต่พอเทปุ๊บต้องรีบกินเลย ไม่งั้นมันจะเย็น ท่าเหมือนกับกระดกยาดอง พูมถึงกับตกใจ ฮาาาาาา


ข้อควรระวัง: ที่นี่ สิ่งของทุกอย่างค่อนข้างแพงค่ะ เพราะการขนส่งข่อนค้างลำบาก เพราะฉะนั้นกินน้อยใช้สอยอย่างประหยัด โดนน้ำสองขวดใหญ่ ปาไปร้อยนึง โอเค กินพอจิบๆ ละกันนะ


ความภาคภูมิใจของปุ๊กค่ะ ตะเกียงแขวนเต๊นท์ สว่างจิงๆ ไม่ต้องถือไฟฉายทาครีมแล้ว ไม่เสียแรงที่หอบมา อิอิ  เตรียมตัวนอน อาบน้ำ เตรียมพร้อมตะลุยป่าในวันรุ่งขึ้นค่ะ ก่อนนอนเล่นถ่ายรูปซะหน่อย พี่ชายภูมิเค้าอยากถ่ายทางช้างเผือกค่ะ แต่แสงรบกวนเยอะ เลยเปลี่ยนมาเป็นถ่ายเล่นกันเองแทน อิอิ


วันที่ 2 
ตื่นแต่เช้าเลยค่ะ เพราะตื่นเป็นนิสัยอยู่แล้ว พูดเลยค่ะว่าหนาว จนไม่อยากอาบน้ำ และก็..ไม่อาบค่ะ ซักแห้ง..ฮ่าๆ แต่รู้สึกเลยค่ะว่า อาบน้ำเถอะ มันสดชื่น ทำให้เราไม่ง่วง เพราะวันรุ่งขึ้นต้องเดินป่า ไม่สดชื่นทั้งวันเลยย  ล้างหน้า แปรงฟัน ซักแห้งให้เรียบร้อย มาเติมพลังกันก่อน อาหารเช้า กาแฟ และปาท่องโก๋ค่ะ 


พร้อมแล้ว อิ่มแล้วก็แชะสักรูป


จุดมุ่งหมายของเราในวันนี้คือ ผาหล่มสัก ค่ะ พูมเลยพี่ชาย เค้าอยากไปดูพระอาทิตย์ตก เนื่องจากรอบก่อนไปมาหลายที่ แต่ไฮไลท์มันอยู่ที่ผาหล่มสักที่เดียวเลย แล้วอีกอย่าง รอบแรกที่มา พูมและพี่ชายเค้าเพิ่งหัดถ่ายรูป รูปที่ได้เลยไม่ได้ดั่งใจเค้า ตอนนี้เป็นช่างภาพเต็มตัว เค้าอยากมาแก้มือค่ะ เลยเต็มที่กับเค้าหน่อย ก่อนออก ต้องเตรียมน้ำขวดเล็ก ไฟฉาย และเสื้อกันหนาวไปด้วย อากาศกลางวันไม่ร้อนค่ะ แต่พระอาทิตย์ตกดินเมือไหร่ หนาวแน่ๆ อิอิ


เช็คความพร้อม สิ่งที่สำคัญ ไฟฉาย เงิน และเสื้อกันหนาว ครบละ ไป๊!!!


ภาพถ่ายสามารถสื่ออารมณ์ได้ดีมากเลยคะ 

แหมนึกถึงตอนขึ้นภูกระดึง แล้วเหนื่อยยยยยย