รีวิวเจาะลึกเจลน้ำมันจากนกอีมู Emutopic เวชสำอางจากประเทศอิตาลี

สวัสดีค่ะ พี่ๆน้องๆเพื่อนๆชาวจีบันทุกท่าน

หลังจากหายห่างเหินไปนานวันนี้มี่ก็เอารีวิวมาฝากเหมือนเดิมค่ะ

แถบภาคเหนือ จะมีนาคมแล้วก็ยังไม่หมดหนาวซักที หน้าลอกยังไง ก็ยังลอกกันอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมหายซักที ขนาดทาครีมเสร็จแล้วโบกวาสลีนลงไป ก็ยังไม่ค่อนจะดีขึ้น จนได้มาเจอกับผลิตภัณฑ์เวชสำอางจากอิตาลีชิ้นหนึ่ง ที่ใช้น้ำมันจากนกอีมู (Emu oil) เป็นองค์ประกอบหลัก

ผลิตภัณฑ์วันนี้มีชื่อว่า Emutopic lipogel 90% จากแบรนด์ Difa cooper ของประเทศอิตาลีค่ะ

มาในหลอดบีบสีขาวสะอาดตา เนื้อครีมเป็นเนื้อมันๆวาวๆ เกลี่ยง่าย กลิ่นจางๆเหมือนมีกลิ่นส้มผสมมินท์ ดมแล้วก็สดชื่นดี การดูดซึมจะค่อนข้างช้า มีฟิล์มของไขมันเคลือบบางๆเคลือบผิวไว้อยู่ ฟิล์มที่ได้จะค่อนข้างมัน แต่ก็ไม่ได้เหนียว หรือหนัก หรือเหนอะหนะแต่อย่างไร เมื่อทิ้งไว้ซักพัก ก็จะดูดซึมจนหมดและความมันก็จะหายไป

ตอนเกลี่ย จะเกลี่ยง่ายค่ะ บีบมาแค่นี้เกลี่ยได้ครึ่งมือเชียว

อาจจะไม่เห็นฟิล์ม เลยลองเอนมือให้ดูฟิล์มน้ำมันบนผิวค่ะ

หลายๆคนอาจจะกรีดร้องว่าไม่เอาน้ำมัน แต่จริงๆแล้วน้ำมันก็มีประโยชน์ต่อผิวเหมือนกัน และเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เลย เพราะน้ำมันในผิว (คนละส่วนกับน้ำมันที่อยู่นอกผิว) จำเป็นต่อการเป็นตัวป้องกันไม่ให้สารอันตรายซึมเข้าผิว และเป็นตัวรักษาไม่ให้น้ำและสารดีๆในผิวซึมออกไปภายนอก เรียกวา Barrier ผิว นั่นเอง

ส่วนประกอบของ Emu oil ว่ากันว่าคล้ายกับส่วนประกอบของไขมันที่ผิวเรา เลยมีการคิดกันว่า Emu oil น่าจะให้ผลบำรุงผิวได้ดี แล้วก็เป็นไปตามที่คิดกัน เพราะมีรายงานการวิจัย และการศึกษาหลายๆเรื่อง พิสูจน์แล้วว่า Emu oil ให้ผลเป็นตัวลดการอักเสบ ลดการแพ้ การระคายเคืองในผิวได้ดี และให้ผลช่วยการสมานแผล สมานผิวได้ดีมากๆด้วย มีการศึกษาพบว่าถ้าใช้ในรูปแบบรับประทานเพื่อช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ด้วย

ลองมาวิเคราะห์ส่วนผสมดีกว่านะคะ

ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์

Dromiceius oil (Emu oil), Persea gratissima oil, Caprylic/capric triglyceride, Glyceryl dibehenate/eicosadioate, Tocopheryl acetate, Glyceryl behenate, Cyclopentasiloxane, Oenothera biennis oil, Parfum, Borago officinalis oil, Tribehenin, Glyceryl dibehenate, Ascorbic acid, Ethylhexyl hydroxystearate, Polysilicone-11, Retinyl palmitate

ถ้าดูจากส่วนผสม ผลิตภัณฑ์นี้จะเหมาะกับใคร?

เนื่องจากส่วนผสมมีคุณสมบัติในการทดแทนไขผิวหนัง และลดการอักเสบ รวมถึงช่วยเรื่องการสมานแผล ก็จะเหมาะสำหรับคนที่มีผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย ผิวระคายเคือง ผิวอักเสบ ผิวติดสเตียรอยด์ มีรอยแดง รอยดำจากสิวระยะแรก คนที่ทำเลเซอร์มา หรือแม้กระทั่งคนที่เป็นเซ็บเดิร์ม เพราะองค์ประกอบมีไม่เยอะมาก และชนิดขององค์ประกอบที่ใช้ มีโอกาสกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้น้อยมาก ทำให้เสี่ยงต่อการแพ้และระคายเคืองได้น้อยมาก

Lipogel คืออะไร?

Lipogel ก็เป็นเจลที่มีน้ำมันเป็นองค์ประกอบหลัก จากส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์จะเห็นได้ว่ามีแต่ส่วนของน้ำมัน และไขมัน ซึ่งแต่ละชนิดก็มีประโยชน์กับผิวหนัง เป็นสารที่ดูดซึมได้แทบทุกตัว จึงไม่เหนอะหนะ

คุณสมบัติสารองค์ประกอบแต่ละตัว

1.Actives ได้แก่

-Emu oil คือ น้ำมันจากไขมันของนกอีมู มีรายงานเกี่ยวกับคุณสมบัติการลดการอักเสบ และการช่วยการสมานแผลที่ดีในงานวิจัยหลายๆฉบับ รวมไปถึงผลในการเป็น Moisturizer ที่ดี

มีงานวิจัยฉบับหนึ่งทดสอบผลของผลิตภัณฑ์ที่มี Emu oil กับวิตามินอี และน้ำมันจากพืช พบว่าให้ผลเร่งการสมานแผลของหนูทดลองเพิ่มขึ้นสองเท่า และให้ผลดีกว่าตัวยาทา Cortisol ที่เป็นสเตียรอยด์เสียอีก (Plast Reconstr Surg. 1998;102(7):2404-7.) งานวิจัยในประเทศจีนพบว่า Emu oil ที่ทาภายนอกสามารถเร่งการสมานแผลในหนูได้มากกว่าการใช้ povidone กับ Liquid paraffin (Di Yi Jun Yi Da Xue Xue Bao. 2004 Nov;24(11):1255-6.) และช่วยป้องกันการอักเสบที่เกิดขึ้นจากสารเคมีได้ดี (Lipids. 2003;38(6):603-7.)

-Tocopheryl acetate เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินอี มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant แต่ส่วนมากมักจะให้คุณสมบัติปกป้องสารต่างๆในสูตรไม่ให้เสื่อมสภาพเพราะออกซิเจน

-Ascorbic acid หรือ วิตามินซี มีประโยชน์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ Whitening และเป็นส่วนประกอบของกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจน

-Retinyl palmitate เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินเอ มีประโยชน์หลายๆอย่าง เช่น ลดเลือนริ้วรอย ปรับสมดุลการผลัดผิว ควบคุมความมัน และดูแลเรื่องสิว

2.Base เป็นรูปแบบ Lipogel ประกอบด้วยน้ำมันและสารอื่นๆที่ละลายได้ในน้ำมัน ได้แก่

-กลุ่มน้ำมันจากพืช ได้แก่ Persea Gratissima oil (Avocado), Oenothera biennis oil (Evening primrose), และ Borago officinalis oil (Borage) เป็นน้ำมันจากพืชที่อุดมด้วยกรดไขมันดีๆ ที่ให้คุณสมบัติในการฟื้นฟู และซ่อมแซม โครงสร้างไขมันในชั้นผิวได้

-Capric/caprylic triglyceride เป็นไขมันที่มีกรดไขมันสายยาวปานกลางอยู่ สามารถดูดซึมเข้าผิวได้ง่าย ให้คุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น และเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ไขมันดีๆในผิวหนัง

-สารกลุ่ม Glyceryl ester ได้แก่ Glyceryl dibehenate/eicosadioate, Glyceryl behenate, Glyceryl dibehenate, Tribehenin เป็นรูปแบบที่เลียนแบบไขมันชนิด Glycerides ในร่างกาย คือ จะมี Glycerol เป็นแกนกลาง และมีกรดไขมันมาจับอีก 1-3 ตัว (ถ้ามี 3 ตัว เรียกว่า Triglycerides) ซึ่งกรดไขมันที่ใช้คือ Behenic acid กับ Eicosanoic acid ซึ่งเป็นชนิดที่หายาก และดูมีคุณค่า เมื่อซึมเข้าไปในผิวก็จะถูกเอนไซม์ในผิวตัดออก ได้เป็น Glycerin (หรือ Glycerol) กับกรดไขมัน ให้ผลเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ที่ดี และเป็นสารตั้งต้นในการสร้างไขมันของผิว

-Ethylhexyl hydroxystearate สารกลุ่ม Fatty ester ที่มีคุณสมบัติ

3.Additives มีอยู่น้อยชนิด เท่าที่จำเป็น ได้แก่

3.1Silicone มี Cyclopentasiloxane เป็นซิลิโคนที่ระเหยได้ ให้สัมผัสที่เรียบเนียน ทำให้เกลี่ยผลิตภัณฑ์ง่าย และให้สัมผัสที่ไม่เหนอะหนะ กับ Polysilicone-11

3.2สารแต่งกลิ่น/Parfum

ถึงเวลาให้คะแนน

1.Actives มีส่วนผสมของน้ำมันจากธรรมชาติจาก Emu มีคุณสมบัติเด่นในการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบ การแพ้ในผิว และช่วยเรื่องการสมานแผล ฟื้นฟูผิวหนังที่เสียหาย เสริมด้วยวิตามินพื้นฐาน 3 ชนิด คือ A C E ซึ่งให้ผลในการบำรุงผิวได้รอบด้าน และอิงตามงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่กล่าวว่า สูตรผสมระหว่าง Emu oil, Vitamin E และ น้ำมันจากพืชให้ผลที่ดีในการลดการอักเสบและสมานแผลให้หายไวขึ้น โดยรวมแล้วถือว่าค่อนข้างครบถ้วน ถึงแม้ว่าจะเป็นสารพื้นฐาน แต่ก็มีข้อดีคือเหมาะกับคนที่แพ้ง่าย เพราะมีชนิดของสารไม่มากนัก จึงเสี่ยงต่อการแพ้ได้น้อยกว่า สารองค์ประกอบที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นประเภทไขมัน ซึ่งเสี่ยงต่อการแพ้ได้น้อย จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์ แม้ว่าจะเป็นสารพื้นฐาน แต่ก็มีการใช้อยู่ค่อนข้างครบถ้วนและสมบูรณ์

2.Base เป็นรูปแบบ Lipogel ที่มีน้ำมันดีๆ หลายชนิด มีสารกลุ่ม Glycerol ester ที่เลียนแบบไขมัน Glycerides ในผิว ที่เวลาทาเข้าไปแล้วก็จะโดนผิวตัดย่อย เอาน้ำมันไปรีไซเคิล มาสร้างไขมันดีๆในผิว ทดแทนไขผิวหนังที่สูญเสียไปตามกาลเวลา จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์

3.Additives มีแค่น้อยชนิด และมีเท่าที่จำเป็น ซึ่งมีซิลิโคนมาช่วยเรื่องสัมผัส แต่มีส่วนผสมของน้ำหอม ปกติก็ไม่เคยหักคะแนนน้ำหอมในผลิตภัณฑ์อื่นๆที่ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์รอบดวงตามาก่อน จุดนี้ถือหลักว่า "The lower is the better" ยิ่งมีน้อยก็ยิ่งเสี่ยงแพ้น้อย จึงขอให้ 5 ฟลาสก์

4.คะแนนการใช้งาน หลักจากทดลองใช้มาได้เกือบๆสองอาทิตย์ พบว่าบริเวณที่ลอกบนหน้า ค่อยๆดีขึ้น แต่งหน้าได้เรียบเนียนขึ้น แม้ว่าจะดูเหมือนว่ามันไปนิดนึง แต่ถ้าเราแต้มเฉพาะจุด ในตอนกลางวัน ก่อนทากันแดดและแต่งหน้าตามปกติ ก็ให้ผลได้ดีอยู่ และไม่ได้เหนอะหนะหรือหนักอะไรกับผิวมาก กลืนกับผิวไปได้ตามปกติ และช่วยให้รองพื้นติดกับหน้าที่แห้งๆได้แนบเนียนและสนิทยิ่งขึ้น ถ้าผิวแห้งเหมือนมี่น่าจะชอบมาก ข้อนี้จึงขอให้ 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณทางบริษัทไอเมดิกา ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ลองใช้นะคะ สำหรับวันนี้ขอตัวไปดูแอบรักออนไลน์ก่อนนะคะ #ทีมศยา ศยาสู้ๆ

Discussion (2)

หาซื้อได้ที่ไหน ราคาเท่าไรคะ
ลูกรักเลยค่ะตัวนี้ ชอบมากๆ