WHY SO MUCH ??

WHY SO MUCH ??

อรุณสวัสดิ์คะ สาวๆจีบัน เช้าวันนี้เครยอน มีอะไรมาให้สาวๆได้อ่านและเรียนรู้ไปในตัว หัวข้อในวันนี้อย่างที่หลายๆคนเห็นข้างบนคือ "Why so much?" หรือแปลเป็นภาษาไทยคือ ทำไม่เยอะจัง?ทำไมต้องเยอะ? ทราบหัวข้อกันไปแล้วมาเข้าเนื้อเรื่องเลยดีกว่าว่านะคะ วันนี้เครยอนเอาอะไรมานำเสนอที่ "ทำไมต้องเยอะ" ให้สาวๆได้ชม เช้าวันนี้เครยอนตื่นมาพร้อมกับความตั้งใจและอยากแบ่งบันอะไรให้สาวๆชาวจีบันได้รู้และเชิงได้ลองไปในตัว ^ ^ วันนี้สิ่งที่จะเอามานำเสนอคือ "น้ำหอม"

ซึ่งก่อนอื่นต้องแจ้งกันให้ทราบว่าเครยอนเป็นคนหนึ่งที่บ้าน้ำหอมสุดๆและมั่นใจว่ากรุน้ำหอมของตัวเองก็น่าจะสู้คนอื่นได้อยู่ ((มั้งนะ > <)) มองไปทางขวามมือของตัวเองในขณะนี้สิ่งที่เครยอนเห็นคือบรรดาขวดแก้วสวยๆที่ตั้งเรียง ฝุ่นเกาะเล็กน้อย ประดับประดาไปด้วยอะไหล่สีทอง โบว์บ้างและแพคเกจจิ้งสวย เก๋ เรียบหรูตามแบรนด์กันไป โอเคคะ เรามาทราบประวัติที่ไปที่มาของน้ำหอมกันเลยนะคะ ว่ามาจากที่ไหนอะไรอย่าไง แรกเริ่มถ้าเราย้อนกลับไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน ที่แรกที่มีประวัติในการใช้น้ำหอมเป็นที่แรกของมนุษย์คือที่ อียิปต์ ในปี ค.ศ.1580-1085 BC ในสมัยนั้นการใช้นำหอมมีอยู่เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา และต่อไปน้ำหอมนั้นเริ่มมาใช้มากขึ้นในกลุ่มสาวๆเพื่อเพิ่มความหอมยามพวกนางออกงานและดึงดูดเพศตรงข้าม (ไม่ต่างจากพวกเราเลยเนอะ) มีทั้งแบบเนื่อครีมและน้ำมัน หลังจากนั้นน้ำหอมได้ถูกแพร่กระจายไปทุกมุมของโลก นิยมตั้งแต่ กษัตริย์ ราชินี ผู้คนสูงศักดิ์ คนรวย เพื่อช่วยเพิ่มเสน่ห์ ความดูดีและแต้มทางสัมคม ประชาชน ชนชั้นกลางรวมจนไปถึงคนธรรมดาหาเช้ากินค่ำ และยังเป็นที่นิยมมากจนถึงในยุคปัจจุบัน คร่าวๆประมาณนี้สาวๆก็คงเข้าใจกันแล้วใช่มั้ยคะ ว่าน้ำหอมนั้นมาไกลมากและมีผลกับชีวิตมามากแค่ไหน งั้นประวัติที่ไปที่มาพอแค่นี้เนอะ มาเข้าประเด็นเดิมว่า "ทำไมต้องเยอะ"

สำหรับเครยอนแล้วนะคะ น้ำหอมถือว่าเป็นชิ้นสำคัญหลักในการแต่งตัวออกจากบ้าน ยิ่งถ้าเป็นวันที่สำคัญหรือมีธุระต้องพบปะใครสักคน กลิ่นน้ำที่เครยอนเลือกใช้ในวันนั้น ล้วนแต่ต้องการบ่งบอกถึง เจตนา ความต้องการ อารมณ์และสิ่งที่ต้องการสื่อออกไป ในวันธรรมดา สบายๆของเครยอนปกติจะใช้ น้ำมหอมที่เป็นเนื้อครีม/บาล์มแต้มและทาเป็นจุดๆ หรือครีมทาตัวที่หอมติดทนนาน เนื่องจากน้ำหอมแต่ละขวดของเครยอนมีขนาดไม่เกิน 100ml และราคาก็อยู่ที่ 1500บาทขึ้นไป จะให้ใช้ทุกวันก็คงจะไม่เหลือเงินซื้อข้าวกินกันพอดีค่ะ 55555 น้ำหอมแต่ละกลิ่นที่เครยอนเลือกใช้มีแตกต่างกันไป ส่วนตัวจะใช้แต่ eau de parfum (โอ ดัว พาร์ฟูม) เพราะกลิ่นชัดและติดทนนาน เครยอนไม่เคยย้ำว่าไม่เคยซื้อน้ำหอมกลิ่นใดแล้วซ้ำกับกลิ่นของอีกแบรนด์หนึ่งที่อยู่บนชั้นน้ำหอมตัวเองมาก่อน เคยแต่ไปเจออะไรที่ถูกกว่าและกลิ่นใกล้เคียง (ใครไม่ชอบบ้างคะของถูก?) เครยอนเป็นคนหลงไหลในกลิ่นน้ำหอมจนคลั่งมีเงินเหลือใช้เมื่อไหร่เป็นอันต้องไปจัดอย่างน้อย 2 ขวดต่อครั้ง ฟังดูสิ้นเปลืองและสิ้นคิดเลยใช่มั้ย แต่นี่มันสิ่งที่เราชื่นชอบและไม่เคยเสียดายเงินแม้แต่บาทที่ซื้อน้ำหอมมาเรียงสวยๆบนชั้น มีเยอะจนได้ควาสามารถพิเศษคือ เวลาเครยอนไปเดินที่ไหนก็ตามแล้วได้กลิ่นน้ำหอมของคนที่เดินผ่านจะรีบหันตามแล้วสูดดมกลิ่นเข้าไป เพื่อประมวลผลในสมองอันเล็กน้อยของตัวเองว่า นั่นคือกลิ่นน้ำหอมของอะไร เรื่องจริงค่ะ!! ฟังดูโรคจิตมาก แต่มันเป็นนิสัยไปแล้ว พอนึกออกจะรีบหันไปบอกกับสามีทันทีเลยว่า "พี่หมี คนเมื่อตะกี๊อะ เขาใช้น้ำหอม...." สามีก็ด้วยความงงหรือชินไม่รู้ ก็จะยิ้มให้แล้วเดินต่อ 5555555 เอ๊ะเมื่อกี๊มีคำว่า eau de parfum ใช่มั้ยค่ะ? อาจมีหลายๆคนที่ยังงงว่า แล้วแตกต่างจากน้ำหอมทั่วไปอย่างไง? ทำไมต้องใช้แต่ โอ ดัว พาร์ฟูม? เครยอนตอบนะคะ น้ำหอมจะมีอยู่สี่ประเภทคือ Eau de parfum ที่เข้มข้นสุดและรองลงมาEau de toilette(โอ ดัว ทัวเลต) Eau fraiche (โอ เฟรช) และ Eau de Cologne (โอ ดัว โคโลน) ความติดทนนานของกลิ่นก็แตกต่างเช่นกันค่ะ ชนิดที่เข้มข้นอย่า โอ ดัว พาร์ฟูม จะติดทนนานถึง6ชั่วโมงคะ ส่วนโอ ดัว ทัวเลต เวลาจะอยู่ที่ 2-4ชั่วโมง และ โอเฟรชและโอ ดัว โคโลนจะอยู่ที่แค่2ชั่วโมงค่ะ ทราบกันแล้วใช่มั้ยค่ะว่าเพราะอะไรเครยอนถึงเลือกใช้น้ำหอมที่เป็น eau de parfum เพราะความติดทนนานนี่เองค่ะ มีใครบ้างที่ไม่อยากหอมทั้งวี่ทั้งวัน หน้าสวยผมเป๊ะ กลิ่นกายยังหอมเย้ายวนอีก ไม่มีอะไรเริ่ดไปกว่านี้แล้วค่ะ ^ ^ สำหรับเช้าวันนี้เครยอนขอทิ้งข้อมูลและประสบการณ์ส่วนตัวไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ แล้วจะมาเล่าสู่กันฟังถึงของชอบของรัก เรื่องความสวยความงามอีก ขอบคุณสาวสวยทุกคนที่ใช้เวลาในการอ่านกระทู้ของเครยอนและหวังว่าได้ให้ความรู้ข้อมูลดีๆไป แล้วพบกันใหม่กระทู้หน้าคะ จุ๊บบบบบบบ <3 xoxoxoxoxox

Discussion (2)