เพราะ Benzac และ differen เป็นเหตุหน้าเบิร์น รบกวนขอคำแนะนำในการรักษาค่ะ
น้ำหนักค่อยๆขึ้น19สวัสดีค่ะ เพื่อนๆทุกคน วันนี้เนื่องจากเป็นวันพระ (เกี่ยว?) จึงอยากจะทำรีวิวเล็ก สำหรับควาทพลาดพลั้งและรู้เท่าไม่ถึงการของหนังหน้าตัวเอง สมน้ำหน้า!
เนื่องจากเราได้ติดตาม Jeban และผองเพื่อนมาระยะนึงก็เกิดอยากมีความสวยใสบังเกิดในจิตใจบ้าง เพราะปัญหาหลักของหน้าเราตอนนี้คือ ผด ที่ขยันกันเกิดซะเหลือเกินบนใบหน้า โดยเฉพาะหน้าผาก และสิวระหว่างเดือนที่แวะมาเยี่ยมชมและฝากผลงานไม่มากก็น้อยทุกๆเดือนที่ปลายคาง
และเนื่องจากเหตุผลข้างต้น จึงลองเสริตหาข้อมูลที่รักษาพื้นผิวหนังหน้าให้กลับมาใสดังเดิม จึงซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็น the must ของสาวๆ และเบื้องหลังความหน้าใสของเพื่อนคือ
- Benzac 5.0% และ
- Differin 1% มาและเริ่มลงมือ
วันแรกในการใช้ ทา Benzac ลงหนังหน้าอย่างไม่เจียมตัว ประมาณ 10 นาที เอ๊ ไม่แสบไม่คันนี่นา โอเคๆ ถือว่าผ่านโลด และล้างออก แล้วพอจบขั้นตอน จึงลง Differin อีกครั้ง
ผ่านไปคืนแรก คืน 2 เริ่มเกิดปฎิกริยา เพราะวันที่ 3 ที่ใช้ ไมาสามารถทิ้ง Benzac ได้เกิน 5 นาที คือแบบ มันแสบมากกกกกกกก พแล้างออกคือรู้เลยว่าหน้าแสบ แดง และ แห้งผาก เอาละสิ...เบิร์นชัวร์ จึงหยุดใช้และ ไปหาคุณเภสัชแถวบ้าน เค้าจึงแนะนำว่า เป็นเรื่องธรรมดาในการใช้ แต่อย่าหยุดนะคะ ใช้ไปเรื่อยๆก่อน เราก็โอเค ตามฉบับ คนเชื่อคนง่าย (?)
จนถึงวันที่ 4-5 ใบหน้าเริ่มแสบเป็นจุด และแห้งมากกว่าเดิม ทาครีมเพิ่มความชุ่มชื้น และ มาร์คหน้า แล้วแบบ แสบมว๊ากกกกกกก จนน้ำตาเล็ด.... เอาละสิ หน้าช้าน จากแย่ๆอยู่ ยิ่งเน่าไปใหญ่
และแล้ววันรุ่งขึ้น เริ่มมีรอยปื้นแดงๆเหมือนรอยถลอกเกิดขึ้น ที่หน้าผาก 1 จุด เหนือตาข้างขวา 1 จุด และข้างหูข้างขวา 1 จุด
ฮุ่ย เอาละชุ่ย...ความเสียใจบังเกิด รอยแดงเริ่มบวม บวมจริงจัง เหนือตาด้านขวาบวมจนเห็นได้ชัด และหลังๆ จากที่แดงๆก็กลายเป็นสีดำ ( ฮร้า~ ในชีวิตไม่เคยบังเกิดแบบนี้)
แม่และพี่สาวถากถางอย่างสะใจ เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการ และไม่เจียมหนังหน้าของตัวเอง การเบิน์นอย่างรุนแรงที่ใบหน้าจึงเกิดขึ้น รูปข้างล่างคือจุดเกิดเหตุที่เริ่มจะมีสีคล้ำมากขึ้น และเรามั่นใจล้านเปอร์ว่า เป็นรอยดำ ชัวร์!!!!
กรี๊ด.....เค้าเสียใจอ้ะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน ตอนนี้มีคำถามว่า
- ควรจะเริ่มดูแลรักษายังไงดีคะ ตอนนี้คือหยุดสองตัวแสบไปแล้ว
- พอจะมีอะไรที่จะช่วยให้รอยดำสามจุดนี้หายไปได้บ้างไม๊คะ หรือควรทำใจ? (ม๊ายยน๊าาาา)
เพราะเหตุนี้ เราจึงอยากเตือนเพื่อนๆทุกคนให้ศึกษาผลิตภัณฑ์ให้ครบแจ้งแถลงขัยก่อนจะลงมือซื้อ อย่าพลาดแบบเรา เพราะถ้าพลาดแล้ว จะมาตามแก้ทีหลังนี่ ลำบากจริงๆ จนวันนี้ เรายังพยายามรักษารอยดำ ด้วยน้ำตาอย่างเศร้าๆ
Discussion (9)
เราเป็นคนนึงที่เป็นสิวมาตลอด 10 ปี ตั้งแต่วัยรุ่น ยัน วัยรุ่นตอนปลาย 555
ครั้งสุดท้ายที่เป็น คือเป็นสิวอักเสบเห่อมาก มากจนไม่อยากออกไปไหนเลย หน้าเละสุดๆ
เลยไปหาหมอที่ศิริราช ซึ่งเราไปหาเป็นคลีนิกนอกเวลาพิเศษ กับอาจารย์หมอ วรัญญา ครั้งแรกที่ไปหา ไม่ได้รักษาหรอกนะ แค่ไปจองคิว อาจารย์หมอคิวแน่นมากกกก รักษาจนหายดี แต่ยังไม่สวยเท่าไร อิอิ ก็ไปมันทุกเดือน จนคุณหมอไล่ ว่าไม่ต้องมาแล้วล่ะ มีปัญหาค่อยมาใหม่ก็ได้...เราเลยเลิกไปหาหมอ แต่ยังคงใช้ของเหมือนกับตอนที่ไปหาหมอ สรุปว่า จนถึงตอนนี้ เราแทบจะไม่เป็นสิวเลย มีมาบ้างประปราย แต่ไม่น่าเกลียด....
ตอนรักษากับคุณหมอ ก็ทดลองเปลี่ยนวิธีรักษา และ หาสาเหตุกันไปเรื่อยๆ จนสุดท้า่ยค้นพบว่า สิวที่เราเป็นเกิดจากฮอร์โมน คุณหมอเลยสั่งให้กินยาคุม หลังจากนั้นมา สิวหายสนิทเลยจ้า
ขอให้หายไวๆ และ รักษาสิวจากต้นเหตุจริงๆ นะคะ แล้วสิวจะไม่กลับมาเยือนอีกเลย ^^
ลองเริ่มต้นที่น้อยๆก่อน แล้วพอหน้าเริ่มชินแล้วค่อยปรับเพิ่มนะค่ะ เป็น 15-30 หรือลองปรับเป็นวันเว้นวันก่อนก็ได้ค่ะ แต่ตอนนี้แนะนำให้ใช้ว่านหางจระเจ้ไปก่อนนะค่ะ
ถ้าเป็นผิวแพ้ง่าย ทาทิ้งไว้สัก 5-10นาทีแล้วล้างค่ะ ก่อนนอน
สำหรับตัวเรา ทาไว้ทั้งคืนเลย แล้วเช้าล้างหน้าให้สะอาดทาครีมบำรุ่งและแต่งหน้าตามปกติค่ะ
benzac ทำให้ผิดหน้าบางมากๆ และsensitive ต่อ แสงมากๆ ทาออกไปข้างนอกค่อนข้างเสียงนะค่ะ เสี่ยงต่อการไหม้และรอยแผลเป็นอาจจะคล้ำกว่าเดิมค่ะ